บท
ตั้งค่า

บทที่ 2

แต่คนที่ทำให้ฉันใจเต้นรัวได้คือผู้ชายตัวโตสวมเสื้อแจ็กเกตสีดำที่กำลังก้มๆ เงยๆ ตรวจดูคอมพิวเตอร์หน้าห้องมากกว่า

“พี่กราฟ!” ในที่สุดฉันก็ได้เจอคนที่ฉันอยากเจอ

‘ไอทีหล่อบอกต่อด้วย...อ๊ากกก’ ฉันตะโกนประโยคนี้อยู่ในอก นั่นเพราะพี่เขาคือพลังงานลึกลับที่ดึงดูดให้ฉันสมัครเข้ามาทำงานที่นี่ ทั้งๆ ที่ต้องอยู่ใกล้กับเพื่อนพี่ชายหน้าโหดก็ตามที

แต่เหมือนสวรรค์ไม่เป็นใจ เพราะทันทีที่เซ็ตอะไรเรียบร้อย พี่กราฟก็กลับออกไปทันที ฉันนั้นแทบจะลุกตามไปแต่จำต้องนั่งประจำที่ เพราะเห็นว่าประตูห้องประชุมใหญ่ถูกเปิดออกและคนที่เดินเข้ามาคือเจ้าของบริษัท

เขาเดินเข้ามาด้วยท่าทางน่ามอง เป็นชายสมบูรณ์แบบในสายตาของใครต่อใคร เพราะถ้าตัดเรื่องความดุได้ทุกเรื่องของพี่ลมออกไป ฉันก็ยอมรับว่าพี่เขานั้นหล่อและเพอร์เฟกต์มากคนหนึ่ง ทั้งรูปร่างหน้าตารวมถึงหน้าที่การงานที่เป็นถึงเจ้าของบริษัทแห่งนี้

“บอสเราหล่ออ่ะ หล้อหล่อ” พนักงานใหม่สาวสวยคนข้างๆ ฉันเอ่ยชมพี่ลม นอกจากคำพูดแล้วแววตาก็ยังสื่อออกมาอย่างที่พูดด้วย ดูวิ้งๆ จนฉันขนลุก

นอกจากคนข้างๆ แล้วยังมีแววตาของพนักงานใหม่สาวๆ อีกหลายคนที่ออกอาการปลื้มพี่ลมมาก ส่วนฉันนะเหรอ...เฉยมากเช่นกัน นั่นเพราะคนที่ฉันปลื้มคือผู้ชายที่เข้ามาดูคอมพิวเตอร์ให้พี่ลมเมื่อกี้นี้มากกว่า ถึงจะได้เห็นแค่หลังฉันยังใจสั่นมากมายขนาดนี้ ถ้าได้จับมือ สบตาด้วยฉันไม่เป็นลมไปแล้วเหรอ

การปฐมนิเทศจบลงในช่วงเช้า ส่วนพี่ลมนั้นกลับออกไปตั้งแต่ชั่วโมงแรกๆ แล้ว พี่เขาเข้ามากล่าวต้อนรับและแนะนำบริษัทให้ทุกคนฟังคร่าวๆ ถึงอย่างนั้นก็สามารถทำให้พนักงานสาวๆ ในห้องเคลิ้มได้ ทั้งๆ ที่พี่เขาออกจะดุจะตายไป แต่ลุคสุขุมแบบนี้สาวๆ กลับชอบแฮะ ส่วนฉันได้แต่มองบนใส่

พักเที่ยงฉันก็ไปกินข้าวกับพี่ที่แผนกรวมทั้งหิ้วเพื่อนใหม่ที่เข้ามาทำงานด้วยกันชื่อว่ามาลี สาวสวยตาคมจากสงขลา สำเนียงทองแดงนิดๆ ฟังแล้วมีเสน่ห์ไปอีกแบบไปกินด้วยกัน

ระหว่างที่นั่งกินข้าว ฉันก็จะเง้อชะแง้มองหาพลังงานลึกลับที่แสนจะดึงดูดฉันไปด้วย แต่ก็ไม่เห็นพี่เขาแม้แต่เงา กระทั่งหมดเวลาพักเที่ยง

“นี่โต๊ะทำงานกับคอมพิวเตอร์ของน้องปายนะคะ ฝ่ายไอทีเขามาติดตั้งให้ตอนที่หนูไปปฐมนิเทศเมื่อเช้า ถ้าใช้งานอะไรไม่ได้ก็บอกพี่”

“ขอบคุณมากค่ะพี่อ้อย” ฉันยกมือไหว้พี่อ้อย ผู้ช่วยผู้จัดการที่เป็นธุระเรื่องโต๊ะทำงานกับคอมพิวเตอร์ให้ฉัน ประมาณบ่ายโมงนิดๆ ฉันถึงได้เริ่มลงมือทำงาน

แม้จะได้ชื่อว่าเป็นน้องใหม่ของแผนก แต่ฉันก็ได้รับมอบหมายให้ทำงานตั้งแต่วันแรกก็ว่าได้ ยังดีที่วิชาความรู้ยังอยู่เต็มหัว ยังไม่ได้คืนอาจารย์ไปจนหมด

“คอนเซ็ปต์แผนกเราคือถูกและดี ดีลมันเข้าไปค่ะคุณน้อง ไม่ต้องสงสารเวนเดอร์”

“คะ…ค่ะ” ฉันเอ่ยรับพร้อมส่งยิ้มแห้งๆ ให้พี่อ้อยที่เข้ามาสอนงานให้ฉัน งานแรกคือดีลของขวัญปีใหม่สำหรับพนักงาน งบเท่ามดแต่อยากได้ของอลังการเท่าช้าง…งก คำๆ นี้ผุดเข้ามาในหัวพร้อมกับใบหน้าของพี่ลมก็โผล่เข้ามาเช่นกัน ก่อนจะถูกฉันปัดทิ้งออกไปแล้วบี้ๆ ให้เละคามือ

“บริษัทก็ออกใหญ่โต ซื้อของขวัญให้พนักงานทั้งทีงบมีอยู่แค่นี้” ฉันบ่นกระปอดกระแปดไปเรื่อยเปื่อย แม้จะได้ชื่อว่ามาทำงาน แต่ลึกๆ แล้วฉันยังคงคิดถึงพลังงานลึกลับที่ดึงดูดให้ฉันมานั่งในบริษัทแห่งนี้ตลอดเวลา พลังงานที่ทำให้ฉันกล้าพอจะมาที่นี่

สามเดือน! คือเวลาที่ฉันอยากมาอยู่ใกล้กับเขาก่อนจะห่างกันไป

สามเดือน! คือเวลาที่มันสั้นมากสำหรับฉัน แต่เพราะไม่อาจปลอมตัวไปเป็นคนรับใช้เหมือนในละคร นั่นเพราะเป้าหมายอยู่คอนโดมิเนียม จะไปสมัครเป็นแม่บ้านก็เต็ม ถามย้ำกี่ทีนิติบุคคลก็ยังไม่รับเพิ่ม ยามรักษาความปลอดภัยเองก็ด้วย จะไปซื้อห้องอยู่ข้างๆ หรือชั้นเดียวกันเพื่อส่งสายตาปิ๊งๆ หรือหาจังหวะขอความช่วยเหลือห้องก็เต็มอีก…เฮ้อ!

รักครั้งนี้ของฉันมันช่างมีอุปสรรคเหลือเกิน ทางออกเดียวที่คิดได้ในตอนนั้นคือมาใกล้ชิดกับพลังงานลึกลับที่มีอิทธิพลต่อใจฉันที่ทำงานมันเสียเลย ถึงขนาดไปบนบานศาลกล่าวก็ยอม นี่คงต้องหาเวลาไปวิ่งแก้บนสักวัน...อิอิ

เนื่องจากมีเวลาแค่สามเดือน ฉันจึงต้องทำทุกวันให้มีค่ามากที่สุด ฉันเริ่มวางแผนอันชั่วร้ายในหัว คิดไปคิดมาจึงเตะปลั๊กพ่วงและนั่นทำให้คอมพิวเตอร์ฉันดับสนิททันที

“พี่อ้อยคะ คอมหนูพังจะติดต่อฝ่ายไอทีได้ที่เบอร์ไหนบ้างคะ” สีหน้าและแววตาของฉันใสซื่อสุดๆ แต่ในใจนั้นลิงโลด เพราะฉันจะได้เจอคนที่อยากเจอแบบใกล้ๆ ได้สบตา ได้คุย ได้บอกว่าฉันก็ทำงานที่นี่เหมือนกัน อยากรู้จังว่าถ้าเขารู้จะทำหน้ายังไงนะ

หลังจากวางสายโทรศัพท์ภายในเสร็จ ฉันก็ต้องนั่งรอให้เจ้าหน้าที่ไอทีเข้ามาดูคอมพิวเตอร์ให้ เพราะฉันไร้ซึ่งความสามารถในการแก้ไขเองผ่านทางโทรศัพท์นั่นเอง จะแก้ได้ยังไง เปิดเครื่องยังไม่ได้ เพราะฉันเตะปลั๊กกับทีน(ตีน)ตัวเอง พอคิดว่าจะได้เจอกับใคร ฉันก็นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ออกอาการเขินจนม้วนไปม้วนมาอยู่คนเดียว

ไม่ถึงห้านาที ฉันก็รับรู้ถึงเสียงฝีเท้าหนักๆ ที่กำลังเดินตรงมาหาฉัน ในใจฉันมันบอกว่าต้องใช่เขาแน่ๆ ต้องใช่แน่ๆ ยิ่งคิดใจฉันก็ยิ่งเต้นรัว กระทั่งเสียงนั้นใกล้เข้ามามากพอ ฉันจึงหันไปส่งยิ้มให้พร้อมกับเอ่ยกล่าวทักทาย

“สวัสดีค่ะ พี่…” ประโยคท้ายๆ ของฉันหายไป เมื่อผู้ชายตรงหน้าไม่ใช่พี่กราฟ แต่กลับเป็นพนักงานผู้ชายฝ่ายไอทีตัวกลมๆ ที่คาดเดาน้ำหนักแล้วน่าจะเกินร้อย เขามองฉันงงๆ ส่วนฉันก็ส่งยิ้มแห้งๆ ให้ เกือบปล่อยไก่ทั้งเล้าแล้วไหมล่ะ

“คอมเครื่องไหนครับ ที่เปิดเครื่องไม่ได้”

“เครื่องนี้ค่ะ” ฉันหลีกทางให้ฝ่ายไอทีร่างยักษ์เข้าไปตรวจเช็กคอมพิวเตอร์ และสิ่งแรกที่เขาหยิบขึ้นมาให้ดูคือปลั๊กที่มันหลุดออกจากกัน

“อุ๊ย! ปลั๊กหลุดเองเหรอคะ ขอโทษที่ทำให้เสียเวลา พอดีหนูไม่รู้ว่าปลั๊กมันหลุดออกจากกัน...แฮ่” ฉันรีบออกตัวพร้อมสีหน้าขอโทษอย่างสุดซึ้ง

ฝ่ายไอทีส่ายหน้าให้ฉันนิดหน่อย วันๆ คงเจอเคสแบบนี้บ่อยแน่ๆ ก่อนจะจัดการต่อปลั๊กแล้วเปิดคอมให้ฉันเสร็จสรรรพ เช็กโปรแกรมนั่นนี่กระทั่งเสร็จเรียบร้อยก็กลับออกไป

ฉันทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ทำงานอย่างไร้อารมณ์ที่ไม่ได้เจอพี่กราฟอย่างที่คาดหวัง แต่ไม่เป็นไร รอเลิกงานค่อยแกล้งเดินผ่านแผนกพี่เขาก็คงได้

เมื่อคิดได้แบบนั้น ฉันจึงตั้งสมาธิแล้วทำงานของตัวเองให้เสร็จ ดีลราคากับเวนเดอร์นี่ก็สนุกไปอีกแบบ บางคนก็คุยดี๊ดี ส่วนบางคนนี่อย่าให้ฉันพูดถึงเลยดีกว่า เพราะฟังแล้วอารมณ์จะปรี๊ดเสียเปล่าๆ

“ยุบหนอ พองหนอ อดทนไว้หนอ ไม่งับหัวเวนเดอร์หนอ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel