ตอนที่9.เรื่องนิดเดียวเอง
ทว่าอาจเพราะนางเติบโตที่ตุนหวง เมืองที่หลากหลายชนเผ่าและวัฒนธรรม นางเคยเห็นผู้คนทั้งผิวขาวซีด ผิวเข้มดำสนิทราวกับถ่าน หรือแม้กระทั่งผมสีทอง ผมสีแดงดวงตาสีฟ้า สีเขียว ทั้งภาษาการพูดรวมกันอาหารการกิน แม้นางอายุเพียงห้าขวบแต่รู้เรื่องราวพวกนี้อย่างดียิ่ง เพราะพี่จ้าวต้าหรือพ่อบ้านจ้าวต้านอกจากเป็นพ่อบ้านประจำจวนชินอ๋องแล้วยังมีสถานะเป็นพ่อค้า คอยติดต่อผู้คนมากมาย ทำให้นางกับซิ่นหลิงที่อยากรู้อยากเห็นได้เห็นสิ่งแปลกตาจนกลายเป็นชินตา
รองแม่ทัพซานม่านหวาเป็นหญิงแต่ท่าทางห้าวหาญสมเป็นรองแม่ทัพ มาร์คัสผู้เป็นสามีรูปร่างสูงใหญ่แต่กลับมีรอยยิ้มอ่อนโยนเสมอ บิดามารดาของนางไม่ถือยศศักดิ์ กับบ่าวคนสนิทอย่างจื่อเหยี่ยนและปี้เอ๋อร์ก็นับเป็นสหาย ทว่าไม่ใช่กับทุกคน บางคนเป็นบ่าวไพร่ช่างนินทา นางได้ยินสาวใช้บางหยิบเอานิสัยประหลาดของซาโม่มาล้อเลียน นางผู้รักความถูกต้องยุติธรรมจึงออกโรงปกป้อง นางถูกมารดาจับได้และลงโทษให้ไปสำนึกผิดเพียงผู้เดียวที่สวนกระจ่างใจ แต่กระนั้น นางมั่นใจว่าองครักษ์ของท่านพ่อคอยจับตาดูนางอยู่
“เรื่องนิดเดียวเอง ไยท่านแม่ต้องโกรธถึงเพียงนี้”
เด็กหญิงเบ้ปาก นางแค่ทนได้ยินผู้อื่นดูถูกดูแคลนซาโม่ไม่ได้ มีคนนินทาว่าร้ายว่าซาโม่ไม่ใช่มนุษย์ ท่านป้าซานม่านหวาก็กระไร ไม่เห็นปกป้องซาโม่บ้างเลย ในฐานะที่นางเป็น ‘พี่สาว’ ของซาโม่ นางต้องออกหน้าปกป้อง
นางแค่เด็กตัวเล็กๆ แค่นางบังเอิญปีนต้นไม้เจอรังมดแดง แล้วบังเอิญนางกำนัลปากร้ายอยู่ด้านล่าง แล้วก็บังเอิญอีกนั่นแหละที่นางเขย่ากิ่งไม้แล้วรังมดแดงตกใส่นางกำนัลพวกนั้น นางก็แค่หัวเราะหลังจากได้ยินเสียงกรีดร้องของนางกำนัล องครักษ์เจิ้งหู่ทะยานมาพานางลงจากต้นไม้ นางไม่เข้าใจว่าทำไมท่านแม่โกรธนางนักหนา ทุกอย่างมันบังเอิญทั้งนั้น
ทุกอย่างก็ ‘แค่เรื่องบังเอิญ’ จริงๆ นะ!
“ท่านพ่อก็กลัวท่านแม่ ไม่เข้าข้างข้าเลยสักนิด”
เด็กหญิงตัวน้อยยังพึมพำคนเดียว แม้นางห้าขวบแต่เฉลียวฉลาดไม่น้อย ในขณะที่นางนั่งแกว่งเท้าไปมาบนเก้าอี้กลมเพื่อรอให้ใครสักคนมารับแล้วบอกว่าท่านแม่หายโกรธเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา พลันสายตาของนางเห็นบุรุษในอาภรณ์สีขาวและเส้นผมสีเงินยวงยืนอยู่ใต้ต้นหลิวของท่านแม่
“พี่ชาย!”
บุรุษหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อยแต่เก็บอาการให้สงบนิ่งแล้วหันมาตามเสียงที่ได้ยิน แต่เมื่อมองไปก็เห็นเพียงเด็กหญิงตัวน้อยที่ส่งยิ้มกว้างมาทางเขา แม้ใบหน้าเรียบเฉย แต่แววตาไหวระริก หวังใจว่าจะไม่ใช่อย่างที่เขาคิด....
“พี่ชาย!”
ซิ่นฮวาลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้ววิ่งไปทางบุรุษหนุ่มเจ้าของเส้นผมสีเงินยวง เพราะนางเป็นแค่เด็กห้าขวบจึงได้แต่แหงนหน้าคอตั้งบ่าเพื่อได้เห็นแววตาประหลาดใจของเขา
“เจ้ามองเห็นข้ารึ” ชายหนุ่มถามแล้วค่อยๆ นั่งลงบนส้นเท้า ทำให้เด็กหญิงไม่ต้องแหงนหน้าขึ้นมองเขา
“ข้ามีสองตาย่อมมองเห็นพี่ชาย” เด็กหญิงยิ้มกว้างดวงตาเป็นประกายวาววับ “ข้าเห็นพี่ชายหลายครั้งแล้ว ไยพี่ชายชอบทำเป็นมองไม่เห็นข้า”
บุรุษหนุ่มไม่รู้ว่าควรทำหน้าอย่างไร เขามองเห็นนางตั้งแต่วันที่นางกับพี่ชายฝาแฝดของนางลืมตาแล้ว คอยเฝ้ามองนางเติบโตเช่นเดียวกับที่มองดูมารดาของนาง แต่เขาไม่รู้เลยว่า เด็กหญิงตัวเล็กผู้นี้มองเห็นเขาเช่นกัน เด็กหญิงยื่นมือไปจับเส้นผมนุ่มสลวยของเขาขึ้นดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“เหมือนที่ท่านแม่เล่าให้ฟังเลย” เด็กหญิงส่งยิ้มกว้าง “ท่านแม่บอกว่าพี่ชายเป็นสหายของท่านแม่”
“ฮืม” เขาเพียงแค่พยักหน้ารับเท่านั้น
“คนอื่นมองไม่เห็นท่าน มีแต่ข้าที่มองเห็น” ราวกับค้นพบของล้ำค่า เด็กหญิงตัวน้อยแสดงความดีใจเป็นรอยยิ้มจนแก้มของนางเหมือนก้อนแป้งกลมๆ
เขาไม่รู้จะพูดอย่างไรดี ไม่คิดว่าลูกสาวของว่านหนิงเหมยมองเห็นเขาเช่นนี้ อึดใจต่อมาเขารับรู้ว่ามีคนกำลังเดินเข้ามาทางเขาและเด็กน้อย ชายหนุ่มจึงลุกขึ้นยืนทำท่าจะหายตัวไป แต่มือเล็กๆ นั้นคว้าแขนเสื้อของเขาไว้ก่อน
