บทที่ 2 ตอนที่ 2
ขณะนั่งอยู่ในรถเพื่อเดินทางกลับบ้าน หัวใจของเภตราไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเอาเสียเลย เธอไม่รู้ว่าควรทำหน้าอย่างไร ต้องทำตัวแบบไหนเมื่อต้องอยู่กับพ่อแม่ ตอนเช้าพอจะหลีกเลี่ยงได้ เพราะเธอออกไปตั้งแต่พวกท่านยังไม่ลงมาจากห้อง
ด้วยความลนลาน...เมื่อใช้ที่ตรวจครรภ์ซึ่งซื้อมาเมื่อวานตรวจพบว่าตัวเองทำผิดมหันต์ ครั้งแรกคิดว่าอาจมีความผิดพลาด แต่ครั้งที่สองครั้งที่สามถือเป็นการตอกย้ำอย่างแน่ชัดว่าทุกอย่างได้เกิดขึ้นแล้วจริงๆ
“เภตรา...ถึงบ้านแล้วทำไมไม่ลงล่ะ”
“อ้อ...จริงด้วย กำลังคิดอะไรเพลินๆ อยู่น่ะน้าทศ ขอบคุณนะคะที่ไปรับวันนี้” เธอบอกขอบคุณคนงานชายในบ้าน ซึ่งมีหน้าที่ทั้งทำสวนดูแลความเรียบร้อยต่างๆ รวมถึงพ่วงตำแหน่งคนขับรถของบ้านด้วย โดยมีภรรยาของทศพลชื่อเนียน เป็นแม่บ้านอยู่ที่นี่เช่นกัน
“ไปเถอะ พี่จะเอารถไปเก็บล่ะ เดี๋ยวต้องไปตัดหญ้าหลังบ้านอีก” พลขับว่า เมื่อเภตราลงไปแล้ว
บ้านหลังใหญ่ที่คุ้นเคยมาตั้งแต่เกิดในวันนี้มันช่างน่าอึดอัดอึมครึมเสียเหลือเกิน แต่จะทำอย่างไรได้ เธอก็จำต้องเสแสร้งบากหน้าอยู่ที่นี่ต่อไป จนกว่าอมันต์จะหาทางแก้ปัญหาได้
เมื่อก้าวแรกเหยียบผ่านธรณีประตูเข้ามาด้านในห้องโถง...เธอก็ได้พบว่าทั้งบิดาและมารดาต่างก็นั่งหน้าบึ้งตึงอยู่ก่อนแล้ว เนียนซึ่งกำลังเช็ดทำความสะอาดชั้นวางของอยู่ก็รีบถอยกลับไปในครัว
“คุณพ่อ คุณแม่...สวัสดีค่ะ” เธอกล่าวทักทายด้วยความประหม่ากว่าครั้งไหนๆ ในชีวิต ก่อนจะน้อมตัวลง หวังเดินเลี่ยงขึ้นไปบนห้องของตัวเอง
“หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ” เสียงเข้มของมารดาสั่ง
เภตราชะงักฝีเท้าทันที ก่อนจะถูกอะไรบางอย่างจากมือของท่านขว้างมาโดนใบหน้า “ว้าย!” เธอใช้มือปัดป้อง จนสิ่งนั้นหล่นลงไปบนพื้น และเมื่อมองตามก็ต้องตกใจตัวซีดสั่น
“สารเลว!!” ผู้เป็นพ่อลุกขึ้นไปตบหน้าลูกสาวคนเดียวด้วยความโกรธ
เภตราที่ไม่ทันได้ตั้งใจถึงกับเซจนเกือบล้ม มือน้อยๆ จับตรงแก้มร้อนผ่าวด้วยความเจ็บ น้ำตาก็ไหลพรั่งพรูเป็นทำนบแตกในทันที
“นี่คือสิ่งตอบแทนที่พ่อกับแม่เลี้ยงแกมาอย่างดีงั้นเหรอเภตรา!” พัชรากำมือแน่น เดินเข้ามาสมทบแล้วดึงผมสาวน้อยในชุดนักศึกษาเหวี่ยงให้ล้มลงบนพื้น
“คุณพ่อ คุณแม่...หนูขอโทษ...” ไม่ต้องถาม ไม่ต้องขอคำอธิบาย เพราะเธอพอจะเดาออกแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ความเกรี้ยวกราดโกรธาที่พวกท่านแสดงออก เป็นคำตอบได้อย่างดี
“กูเลี้ยงมึงมา ให้ข้าวให้น้ำ ให้เรียนสูงๆ อยู่สุขสบายไม่เคยต้องตรากตรำ แต่ดูมึงทำตัวอีลูกเวร! มักง่าย ไม่เลือก! เรียนก็ยังเรียนไม่จบ มึงมาท้องประจานพ่อประจานแม่ แบบนี้รู้ไปถึงไหนกูไม่ต้องอายเอาหน้าแทรกแผ่นดีหรือเหรอ!”
“สิ่งที่พ่อกับแม่สั่งสอน เคยเข้าหัวเราบ้างไหมเภตรา คนที่หวังดีที่สุดในชีวิตลูก ทำไมลูกไม่เคยคิดถึงบ้าง” ฝั่งผู้เป็นแม่ ดุด่าไปพลาง ร่ำไห้ไปพลางจนต้องพาตัวเองไปนั่งตรงที่เดิม แล้วตีอกชกตัวด้วยความเสียใจเป็นนักหนา
“พัช...ใจเย็นๆ คุณไปพักผ่อนเถอะ ทางนี้ให้ผมจัดการเองดีกว่า”
“ฉันไหวคุณศร...แม่เนียน แม่เนียนอยู่ไหน!” นางยกมือขึ้นเป็นสัญญาณให้สามีว่าไม่ต้องเป็นห่วง แล้วเอ่ยเรียกแม่บ้านเสียงดัง
เภตรานั้นยังคงหมอบฟุบสะอื้นอยู่กับพื้น ไม่รู้จะหาทางออกให้ตัวเองแบบไหน ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ผิดต่อพวกท่านมากมายจริงๆ
และมันคงไม่มีทางแก้ไขได้อีกแล้ว...
“มี...อะไรคะคุณพัช คุณศร...” เนียนเดินเข้ามาด้วยท่าทีแบ่งรับแบ่งสู้ ก้มหน้าก้มตาไม่กล้ามองใคร
“ไปเอาผ้าของมันที่เก็บใส่กระเป๋าลงมา....” น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความขมขื่นและเข้มแข็งในฐานะของแม่ ดวงตาแดงก่ำจ้องเขม็งอยู่ที่ตัวลูกสาวซึ่งกำลังเงยหน้าขึ้นมาด้วยความเศร้าโศก
“ฉันให้แกเลือกเภตรา...และจะไม่มีอีกเป็นครั้งที่สาม ถ้าแกคิดจะเก็บเด็กไว้แล้วยังไม่ยอมเลิกกับมันก็ออกไปจากชีวิตพวกเราซะ แต่ถ้าแกยังยังมีจิตใจ มีเศษเสี้ยวความรักที่พ่อกับแม่ให้ไปกลับคืนมาบ้าง เราจะลืมทุกอย่างและเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่ต้องไม่มีมันกับไอ้มารหัวขนนั่นอีกต่อไป”
“คุณแม่คะ...หนูขอโทษ แม่อย่าทำแบบนี้เลยนะคะ หนูขอโทษจริงๆ” สองมือยกขึ้นไหว้พนม ร้องขอความเห็นใจจากผู้ให้กำเนิดด้วยน้ำตานองหน้า เธอรู้แก่ใจเสมอว่าพวกท่านพูดจริงทำจริง เพราะถูกเลี้ยงดูมาอย่างนั้น และเคยได้รับโอกาสมาครั้งหนึ่งแล้วครั้งหนึ่ง
แต่ตัวเลือกครั้งนี้...มันก็ยากเย็นเกินจะตัดสินใจได้
หนึ่งคือผู้ให้กำเนิด เป็นผู้มีพระคุณที่เลี้ยงดู...
อีกหนึ่งคือหัวใจรักและเลือดเนื้อเชื้อไขที่กำลังก่อเกิดขึ้นมาในอีกไม่ช้า
“กระเป๋าค่ะคุณ...” เนียนเดินลงมาจากชั้นบนพร้อมกระเป๋าสัมภาระใบไม่ใหญ่นัก วางไว้ข้างๆ โซฟาที่พัชรานั่งอยู่ แล้วแอบเหลือบมองไปยังเภตราเล็กน้อย พยายามพยักหน้าให้เด็กสาวยอมรับเงื่อนไขเสีย เพราะถึงอย่างไร นางเองก็เอ็นดูเหมือนลูกเหมือนหลานคนหนึ่งเช่นกัน
“ออกไปได้แล้วเนียน” พัชราสั่ง
แม่บ้านก็น้อมรับแล้วจากไปแต่โดยดี แม้ใจจะอยากช่วยเท่าไหร่ ก็รู้ดีว่าไม่ใช่ธุระของตัวเอง ซึ่งเป็นเพียงลูกจ้างเท่านั้น
“ไม่ต้องมาคร่ำครวญจะเป็นจะตาย อีตอนทำมึงเอาสมองส่วนไหนคิด ถึงไปสมสู่กับไอ้ลูกเจ๊กลูกไพร่นั่นจนท้องโย้มาประจานกูได้ ถ้าไม่เห็นแก่แม่มึง กูจะไม่ให้โอกาสอีกเป็นครั้งที่สอง ตัดสินใจซะ...ถ้าเลือกมันกับเด็กเวรนั่นมึงก็หิ้วกระเป๋าออกไปจากบ้านนี้ได้เลย แล้วไม่ต้องกลับมาอีก”
“พ่อคะ แม่คะ...จะไม่ถามหนูสักหน่อยเหรอคะว่ามันจริงหรือเปล่า แล้วเกิดอะไรขึ้น”
“จนป่านนี้แล้วยังต้องถามอีกเหรอ! ต้องรอให้ลูกมึงออกมาสักครอกสองครอก ให้ชาวบ้านชาวช่องเขาเอาไปนินทากันทั่วบ้านทั่วเมืองก่อนหรือไง”
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ” เธอคลานเข้ามาใกล้บิดาและมารดาเล็กน้อย ก่อนจะนั่งลงแล้วใช้มือปาดเช็ดน้ำตาที่กำลังนอง พลางส่ายหน้า
“ที่ตรวจสามอัน...มันเป็นคำตอบมากพอแล้วเภตรา ไม่ต้องพิรี้พิไร บอกมาว่าแกจะเอายังไง”
“คุณแม่คะ หนูยอมรับว่าหนูท้องกับพี่อาร์ตจริงๆ แต่...อย่าทำร้ายลูกของหนูเลยนะคะ หนูขอร้อง หนูสัญญาจะดูแลลูกเองไม่ให้พ่อกับแม่เดือดร้อนเลยค่ะ”
“พูดแบบนี้...แสดงว่าแกได้เลือกแล้วใช่ไหม” น้ำเสียงของพัชราเต็มไปด้วยความคับแค้นใจจนสั่นเครือ กระนั้นนางก็ยังคงใจแข็ง กำมือแน่นไม่ยอมโอนอ่อนให้กับลูก เพราะความผิดครั้งนี้มันช่างมหาศาลเหลือเกิน
“ไม่ใช่...ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะคุณแม่” เธอปฏิเสธทั้งน้ำตา หันไปมองทางพ่อก็กำลังกัดเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธ หันไปทางแม่ก็พบแต่สีหน้าซึ่งเต็มไปด้วยความผิดหวังรุนแรง
มันยังจะมีทางอื่นอีกไหม ที่พอจะประนีประนอมให้เรื่องนี้มันจบลงได้ด้วยสวัสดี
“ฉันกับพ่อแก มีเพื่อนเป็นหมอเป็นพยาบาลถมเถ แกไม่ต้องกลัวหรอกทุกอย่างปลอดภัย ถ้าอยากได้ลูกก็เรียนให้จบ ให้ได้ทำงานดีๆ หาคนที่มันคู่ควรกว่านี้ไม่ใช่ลูกไอ้ลูกเจ๊กนั่น แกมันรู้เท่าไม่ทันมันหรอก ฉันอาบน้ำร้อนมาก่อนทำไมฉันจะดูไม่ออก”
“แม่คะ...หนูกับพี่อาร์ตเรารักกันจริงๆ นะคะ แล้วพี่อาร์ตก็รู้เรื่องที่หนูท้องแล้วด้วย เขายอมรับได้ค่ะ เขากำลังหาทางแก้ปัญหาเรื่องนี้อยู่”
“ลำพังตัวมันเองยังแบมือขอเงินที่บ้านอยู่เลย จะเอาปัญญาที่ไหนมารับผิดชอบมึง อุตส่าห์ส่งให้เรียนสูงๆ ทำไมถึงโง่ไปหลงคารมมันได้” อดิศรถอนหายใจกับความหัวอ่อนของลูก ยิ่งโกรธเสียใจจนสั่นไปทั้งตัว
“คุณพ่อ คุณแม่...อย่าบังคับให้หนูเลือกเลยค่ะ หนูเลือกไม่ได้...” เธอร่ำร้องจะเป็นจะตาย ศีรษะปวดร้าวเหมือนถูกของแข็งบีบรัด ในอีกเจ็บจุกตีตื้นขึ้นมาจนถึงลำคอ กระอักกระอ่วนคล้ายจะอาเจียน
หากย้อนเวลากลับไปได้ เธอเองก็ไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้เช่นกัน...
“งั้นมึงก็ออกไป!” เสียงห้าวทุ้มตะโกนก้องพร้อมกับฉวยเอากระเป๋าผ้าโยนใส่ร่างเล็กที่นั่งอยู่กับพื้น
พัชราลุกยืน แล้วเดินร้องไห้วิ่งขึ้นไปด้านบนด้วยความผิดหวัง ปล่อยให้สองพ่อลูกเผชิญหน้ากันตามลำพัง
“คุณแม่! คุณแม่หนูขอโทษ!” เภตราพยายามคลานตามไป แต่ก็ถูกบิดาเข้ามาขวางเอาไว้ มือหนึ่งของท่านจับแขนเธอ อีกมือหนึ่งถือกระเป๋าแล้วลากพาออกไปนอกตัวบ้าน
“อยากอยู่กับมันนักมึงก็ไป ไปอยู่กันเลยให้ชื่นมื่น แล้วไม่ต้องกลับมาให้กูเห็นหน้าอีกอีลูกทรพี!” อดิศรตะคอกเกรี้ยวกราด ดวงตาแดงก่ำด้วยความเจ็บช้ำน้ำใจ ทั้งลากทั้งดึงลูกสาวคนเดียวพร้อมกระเป๋าใบน้อยมาทิ้งไว้บนถนน แล้วปิดประตูรั้วเดินลิ่วๆ เข้าบ้านโดยไม่มองเหลียวหลัง
“คุณพ่อ! คุณพ่อขา...อภัยให้หนูด้วยเถอะค่ะ หนูขอโทษ”
เสียงร้องไห้เหมือนใจจะขาด บาดลึก...หัวอกคนเป็นพ่อ ลูกสาวคนเดียวมีหรือจะไม่รัก เภตราเป็นดั่งแก้วตาดวงใจ เขาและภรรยาเฝ้าถนอมกล่อมเกลี้ยงมาตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ตั้งแต่...วันแรกที่ได้รู้ว่ามีเธอ
วันนี้ทุกอย่างได้ล่มสลายไปหมดแล้ว ทั้งความหวัง ความรัก จิตวิญญาณทั้งหมดมันได้พังพินาศไปสิ้น ต่อไปนี้เขากับพัชราก็คงต้องใช้ชีวิตอยู่กันตามลำพังโดยปราศจากความรู้สึกใดๆ เว้นเสียจากความทุกข์ทรมานที่จะกัดกร่อนตราบถึงวันสุดท้ายจนกว่าจะสิ้นลม...
