๕ รักเขาต้องเข้าทางแม่ (๑)
๕
รักเขาต้องเข้าทางแม่
เรนิตากลับมาถึงบ้านด้วยความคับแค้นใจ หล่อนเดินเข้าห้องน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วหยิบกระเป๋าสะพายที่ทะมัดทะแมงมาถือเอาไว้ ใบหน้านิ่งดุจนแม่บ้านไม่กล้าจะเอ่ยทัก เดินไปขึ้นสปอร์ตคาร์สีเงินที่พ่อซื้อให้ราคากว่ายี่สิบล้านบาท ทว่าไม่ค่อยได้ใช้สักเท่าไหร่
เคลื่อนตัวออกจากบ้านในยามราตรที่ดวงจันทร์กำลังฉายแสงสีนวล เหยียบจนเกือบมิดเข็มไปยังสนามแข่งรถที่ปิดบริการสำหรับวันนี้ไปแล้ว แต่เพราะหญิงสาวโทรจองล่วงหน้าจึงเปิดให้เข้ามาได้อีกครั้ง คราแรกว่าจะไปสนามเถื่อนที่มีการแข่งรถเพื่อแลกเงิน หรือผู้หญิง
ซึ่งหล่อนเคยแข่งบ้างแล้ว ชนะบ้างแพ้บ้างตามกติกาไม่ได้เล่นตุกติก เคยเจอผู้ชายปรามาสเรื่องการขับรถบ่อยครั้ง เลยลองให้ดูหน่อยว่าถึงเป็นผู้หญิงก็ใช่ว่าจะแข่งรถไม่ได้
แต่คราวนี้ไม่ต้องการทำให้ตนเองอารมณ์เสีย แค่อยากปลดปล่อยเพลิงแค้นที่สุมทรวงด้วยความเร็ว ถ้าไปขับตามถนนก็กลัวจะเกิดอุบัติเหตุ จึงเลือกใช้บริการสนามแข่งเพื่อความปลอดภัยของตนเองด้วย
“ไม่ได้มานานเลยนะต้า” เจ้าของสนามที่รู้จักกับบิดาของหล่อนเอ่ยทัก หญิงสาวลงมาจากรถแล้วยกมือไหว้พร้อมยิ้มให้
“ค่ะ พอดีงานยุ่ง ตอนนี้เริ่มว่างอยากมาปลดปล่อยอารมณ์สักหน่อย” เดินไปหยิบอุปกรณ์ป้องกันทั้งหมวกกันน็อค ถุงมือ ชุดสวมและหน้ากากกันไฟ
“ตามสบายเลยนะ ถ้าอยากกลับก็ค่อยโทรบอกลุง เดี๋ยวให้ลูกน้องมาปิดสนาม” ค้อมศีรษะเป็นการขอบคุณ แล้วสวมอุปกรณ์ทุกอย่างจนเรียบร้อย เข้าไปนั่งประจำที่ก่อนออกเริ่มต้นด้วยความแรงและเร็วจนเสียงดังก้องสนามแห่งนี้
หล่อนมองทางข้างหน้าหักเลี้ยวตามเส้นถนน พลางคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไปกับชีวิตรักที่เหมือนจะล่มเสียแล้ว ดีที่หัวใจยังไม่ถลำลึกไปกับผู้ชายคนนั้น ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติคงเดินเข้าไปบอกเลิกไม่ต้องเก็บมาคิดให้ปวดหัว
แต่ในเมื่อผู้หญิงมือที่สามเป็นเพื่อนในกลุ่มของเธอ มันก็อีกกรณีหนึ่ง...
กิรนันท์จงใจเข้ามาแทรกกลางทั้งที่รู้ว่าเธอกำลังคบกับพิธาน นั่นเป็นการประกาศความเป็นศัตรูอย่างชัดเจน และด้วยความที่ไม่ค่อยชอบอีกฝ่ายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เพราะอาการแสร้งเป็นคนดีต่อหน้าอย่างลับหลังอย่างเหมือนพวกลิงหลอกเจ้า ยิ่งทำให้รอยร้าวระหว่างพวกเธอชัดเจนขึ้น
แต่ครั้งนี้มันทำให้รอยร้าวกำลังจะปริแตก และเธอจะเร่งปฏิกิริยาเอง
ผู้บริหารสาวยกยิ้มมุมปากหักเลี้ยวจนสุดพวงมาลัยแล้วขับไปยังทางคดเคี้ยว ต้องสืบประวัติก่อนว่าสองคนนั้นรู้จักกันได้อย่างไร หล่อนเมินเฉยต่อแฟนหนุ่มมากเกินไปจนเขาไปหาเศษหาเลย ต่อจากนี้คงต้องควบคุมเสียหน่อยแล้ว
ให้มันรู้เสียบ้างว่าใครกันแน่ที่เป็นคนคุมเกมทั้งหมด หล่อนไม่ใช่ควายที่จะให้ใครมาสนตะพายเล่น รู้จักฤทธิ์ตาต้าน้อยไปซะแล้ว
กลับจากสนามแข่งรถก็ไปหาเพื่อนสนิทอย่างปณาลีที่กองถ่ายละคร ช่วงนี้เพื่อนเร่งถ่ายทำเพราะกำลังจะปิดกล้อง ไหนจะมีงานอีเว้นแทบทุกวันอีก อยู่ในช่วงกอบโกยเพราะขาขึ้นจากการแสดงเรื่องที่ผ่านมาดังเป็นพลุแตก ไม่ใช่แค่พระนางที่มีงานเข้าเพราะนางร้ายงานก็หลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสายเช่นเดียวกัน
“อ้าวต้า ดึกแล้วแกมาทำไม” ร่างบางที่เพิ่งออกจากฉากเดินตรงมาหาเพื่อน เห็นหน้าบอกบุญไม่รับก็รู้ทันที
“ฉันโดนพี่ทีมสวมเขา ก็เลยอยากมาขอความช่วยเหลือจากแกหน่อย” เดินไปนั่งยังห้องแต่งตัว เมื่อช่างแต่งหน้าออกไปหมดแล้วจึงพูดขึ้น
“อะไรนะ แกโดนสวมเขา ยังไงไหนเล่าซิ” ขยับเข้าไปใกล้พลางจ้องด้วยความอยากรู้ เล่นเอาเจ้าของเรื่องต้องถอนหายใจ
“ฉันเจอเขาเดินควงแขนกับผู้หญิงคนอื่น พอโทรไปถามว่าอยู่ไหนบอกทำงาน งานบ้าบออะไรอยู่ห้าง เหอะ แล้วที่พีคไปกว่านั้นคืออะไรรู้ไหม ผู้หญิงที่เขาควงคือกี้เพื่อนที่เรียนมหา’ลัยกลุ่มเดียวกับฉัน”
คนฟังอ้าปากค้างทำตาโต ยกมือขึ้นปิดปากเล่นใหญ่สมเป็นดาราจนคนมองต้องส่ายศีรษะ
“แล้วแกจะทำยังไงต่อ บอกเลิกเลยไหม” ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นหล่อนคงเชิดใส่ไปแล้ว แต่เพราะครั้งนี้มันมีตัวแปรมากกว่านั้น
หล่อนไม่อยากแพ้กิรนันท์!
“ไม่ ฉันจะทำให้สองคนนั้นได้รู้ว่าการที่ทรยศคนอย่างเรนิตาจะต้องเจ็บปวดแค่ไหน แกรู้จักนักสืบเก่งๆ ไหม” นักแสดงมากฝีมือนิ่งคิดพลางยกยิ้มให้เพื่อนสนิท
“แกถามถูกคนแล้ว นักสืบเก่งๆ ฉันรู้จักดี รอไม่ถึงสามวันข้อมูลทุกอย่างที่แกอยากรู้จะมาอยู่ในมือทันที” มันต้องแบบนี้สิ
สาวนักบริหารค่อนข้างพึงพอใจในคำตอบก่อนจะให้เพื่อนจัดการเป็นธุระ แล้วค่อยขับรถกลับบ้านของตนเอง
เดี๋ยวจะได้รู้กันว่าเกมนี้ใครกันแน่ที่จะชนะ ทำให้งูพิษที่หลับใหลตื่นขึ้นมาสู้มันไม่ใช่เรื่องสนุกหรอก คงต้องสอนบทเรียนให้อดีตเพื่อนเสียแล้ว
ภายในเล้าจน์ของห้างสรรพสินค้าชื่อดัง คนที่จะสามารถเข้ามาใช้บริการได้ต้องเป็นสมาชิกที่มียอดซื้อต่อเดือนมากกว่าสองแสนบาท ส่วนมากจึงเป็นบรรดาคุณนายหรือไฮโซคนดัง เป็นสถานที่นัดพบปะสังสรรค์เพื่อพูดคุยเรื่องต่างๆ
เรนิตาเดินเข้ามาด้วยชุดของแบรนด์ดังที่เพิ่งออกคอลเลคชั่นใหม่ กวาดสายตาไปทั่วห้องกว้างกระทั่งหยุดที่ผู้หญิงรูปร่างสูงโปรงใบหน้านิ่งคนหนึ่ง ยกยิ้มขึ้นอย่างมีเลศนัยแล้วเข้าไปนั่งใกล้ๆ แสร้งสั่งเครื่องดื่มสองสามอย่างก่อนจะเล่นโทรศัพท์
“แล้วตอนนี้ลูกชายคนเล็กของเธอคบกับใครหรือเปล่า” บรรดาคุณผู้หญิงคุณนายของนายทหารระดับสูงถามขึ้น
นางรวิภา พัฒนพลยกชาขึ้นมาจิบก่อนจะวางลง ได้ยินคำถามนี้บ่อยครั้งจนเบื่อเสียแล้ว หล่อนมีลูกชายสองคน คนแรกก็เป็นฝั่งเป็นฝากับผู้หญิงที่เพียบพร้อม มีหลานตัวน้อยแสนน่ารักให้ ส่วนคนเล็กยุ่งกับงานจนไม่มีเวลามองใคร
“ไม่มีหรอก ทำแต่งาน” แก้ต่างให้ลูกชายสุดที่รักของตน
“ไม่ใช่ว่ามีแต่เธอไม่รู้เหรอ วันก่อนลูกสาวฉันยังบอกว่าเห็นควงกับสาวสวยอยู่เลย” คนเป็นแม่คิ้วขมวดเล็กน้อย แต่ไม่อยากเสียหน้าจึงพยายามอธิบาย ทว่ามีเสียงแทรกขึ้นมาเสียก่อน
“พี่ทีมอยู่ไหนคะ ต้ามารอที่เล้าจน์ของห้างดิแอเรียนะ ถ้าถึงแล้วเข้ามาหาต้าในนี้ได้เลยค่ะ รักนะคะ” กลุ่มวัยกลางคนหันมองสาวรุ่นลูกทันที เมื่อชื่อที่เอ่ยนั้นเหมือนชื่อของลูกชายคุณรวิภาไม่ผิดเพี้ยน
ท่านจ้องมองคนที่นั่งดื่มกาแฟนิ่ง สำรวจภายนอกด้วยความพึงพอใจ รูปร่างสูงโปร่งราวนางแบบ ใบหน้าสวยหวานชวนมอง ที่สำคัญคือของทุกชิ้นมีราคาทั้งนั้นคงไม่ใช่พวกชุบทองหรอก แต่คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิดต่างหาก
“ใช่ทีมคนเดียวกันไหม” เริ่มกระซิบกระซาบกัน
“คนชื่อทีมมีตั้งเยอะ ไม่ใช่หรอก” อีกคนตอบปัดในขณะที่คนเป็นแม่นิ่งเงียบ จ้องคนรุ่นลูกนิ่งกระทั่งเรนิตาหันมามองเมื่อรู้สึกว่าถูกจับจ้อง
“เอ่อ มีอะไรหรือเปล่าคะ” ทำหน้าสงสัยราวไม่รู้เรื่อง ทั้งที่ความจริงมันคือแผนที่หล่อนวางเอาไว้ตั้งแต่ที่เดินเข้ามาในเล้าจน์แห่งนี้แล้ว
“หนูรู้จักทีม พิธานไหม” คุณรวิภาถามขึ้นเสียงเรียบ ใบหน้าที่เหี่ยวย่นเพิ่งผ่านการร้อยไหมจนเรียบตึงกว่าเดิม ทำให้ดูอ่อนวัยมากกว่าเมื่อก่อนทั้งสวยวันสวยคืนจนเพื่อนในกลุ่มอิจฉา
ร่างบางเม้มปากแน่น แล้วสบตาคนอายุมากกว่าก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย ทำให้คุณนายทั้งหลายลุ้นระทึกไปด้วย เริ่มหันหน้าไปมองสาวสวยที่สะดุดตาตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น ถ้าบอกว่าเป็นดาราหรือนางแบบก็เชื่อสนิทใจ สวยออกขนาดนี้
“รู้จักค่ะ” ตอบเสียงเบาแต่ทุกคนก็ได้ยิน
“หนู...รู้จักเขาเป็นการส่วนตัวไหม” หล่อนนิ่งคิดสักพักราวกำลังชั่งใจ
“ต้าเป็นแฟนกับคุณทีม พิธานค่ะ” ทุกคนนิ่งอึ้ง ก่อนจะหันมามองหน้ากัน เงียบสักพักแล้วคุณรวิภาจึงได้เอ่ยขึ้น
“หนูมานั่งกับฉันตรงนี้ดีกว่า” พูดเสียงนุ่มกว่าปกติ รู้สึกเอ็นดูแฟนของลูกชายขึ้นมาทันที
“แต่ว่า มันจะดีเหรอคะ ถ้าต้าไปนั่งด้วยเดี๋ยวคุณน้าจะไม่สนุกซะเปล่า” ท่านส่ายหน้าเล็กน้อย
“ไม่หรอก ฉันแค่อยากพูดคุยกับว่าที่ลูกสะใภ้เท่านั้นเอง” หล่อนเผยอปากค้าง
จ้องมองคุณผู้หญิงของบ้านพัฒนพลนิ่ง ราวตกใจนักหนาทั้งที่รู้ความจริงมาก่อนแล้ว และดูเหมือนทุกอย่างกำลังจะเป็นไปอย่างที่เธอต้องการ
“คุณน้าเป็น...แม่ของพี่ทีมเหรอคะ” ยกมือปิดปากเมื่อพูดจบ ทำราวตกใจนักหนาจนคนมองยิ้มอย่างเอ็นดู
“จ้ะ”
“ต้าขอโทษนะคะที่ไม่ได้ทักทาย คือต้าไม่รู้น่ะค่ะ” รีบลุกขึ้นพลางยกมือขอโทษทันที ทำให้คุณรวิภาต้องรีบปลอบ
“ไม่เป็นไร แม่ไม่ว่าอะไรหรอก แต่ตอนนี้หนูมานั่งข้างแม่ดีไหม เราจะได้พูดคุยกันเรื่องลูกชายของแม่” หล่อนลุกไปนั่งข้างคุณผู้หญิงที่ดูสาวกว่าอายุจริงทันที ส่วนคนที่เหลือก็ขยับเข้ามาใกล้อยากรู้เรื่องด้วย ไม่คิดว่าพิธานที่แสนเจ้าชู้จนเป็นที่เลื่องลือทั่ววงสังคมจะคบหาหญิงสาวเป็นตัวเป็นตน
คนเป็นแม่อมยิ้มพึงพอใจกับหญิงที่ลูกชายเลือกคราวนี้ ปกติเห็นชอบแต่พวกฐานะด้อยกว่าซึ่งบางคนก็หวังปลอกลอก จึงต้องตรวจตราอย่างใกล้ชิดเสียหน่อย ทว่าคนนี้ดูจะเป็นผู้ดีของจริงไม่ได้มาหลอกเหมือนคนก่อน
“สวัสดีค่ะ หนูชื่อตาต้านะคะ” ยกมือไหว้อย่างอ่อนช้อย หวังสร้างความประทับใจตั้งแต่แรกเห็น ความจริงชุดที่เธอสวมทั้งกระเป๋าที่ถือ รองเท้าที่ใส่ล้วนเป็นแบรนด์ดังทั้งนั้น คงจะทำให้แม่ของชายหนุ่มชมชอบอยู่บ้าง
หลังจากไปสืบมาทำให้รู้ว่ากิรนันท์เข้าหาแฟนหล่อนช่วงที่ทำงานด้วยกัน และพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ไม่น่าเล่าตอนที่โทรหาถึงไม่รับสาย เพราะมัวแต่กกอยู่กับหญิงคนอื่นนั่นเอง คิดแล้วก็เคียดแค้นในใจ
ส่วนจุดอ่อนของชายหนุ่มนั่นคือมารดา เขาเคยคบหญิงสาวมาหลายคนและเลิกเพราะแม่ไม่ปลื้ม คุณผู้หญิงต้องการลูกสะใภ้ที่เป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้ว คนระดับต่ำกว่าจะไม่มองด้วยซ้ำ และกิรนันท์ก็แพ้เธอตรงนี้
เรนิตาจึงคิดจะยืมมือคุณรวิภามาช่วยกำจัดศัตรูสักหน่อย...
“เอ๋ หนูหน้าคุ้นๆ นะ ใช่ลูกสาวคุณกรณ์ไหมจ๊ะ” เพื่อนในกลุ่มพูดขึ้นเมื่อมองใบหน้าหวานใกล้ๆ
“คุณกรณ์นี่ลูกชายคุณเฟื่องรัตน์อดีตปลัดกระทรวงพาณิชย์ใช่ไหม” ทุกคนเริ่มบอกข้อมูลที่พอรู้ และหญิงสาวอายุน้อยสุดในกลุ่มก็ยิ้มรับก่อนจะตอบเสียงหวาน
“ใช่ค่ะ ต้าเป็นลูกของพ่อกรณ์” เกิดความฮือฮาขึ้นพักหนึ่ง ขณะที่คุณรวิภาก็มองหญิงสาวอย่างพึงพอใจ เป็นครั้งแรกที่เห็นด้วยกับลูกชายในการเลือกคนรัก
“เย็นนี้หนูว่างไหม แม่อยากชวนไปกินข้าวที่บ้านสักหน่อย” สรรพนามเปลี่ยนเป็นสนิทสนมมากขึ้นกว่าเดิม ใบหน้าสวยยิ้มรับอย่างรวดเร็ว ทุกอย่างเป็นไปตามที่เธอต้องการโดยที่แทบจะไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ
ดูเหมือนกิรนันท์จะตกที่นั่งลำบากเสียแล้ว
“ว่างค่ะ ขอรบกวนด้วยนะคะ” แล้ววงสนทนาต่อจากนั้นก็เต็มไปด้วยคำถามเกี่ยวกับหน้าที่การงานของเรนิตา ทุกคนชื่นชมโดยเฉพาะคุณรวิภา ยิ้มหน้าบานพลางเรียกชื่อว่าที่ลูกสะใภ้เสียงหวาน อยากเร่งวันเร่งคืนให้ทั้งสองแต่งงานกันเร็วๆ กลัวว่าลูกชายตนเองจะหันไปคว้าหญิงอื่นซะก่อน
