บท
ตั้งค่า

บทที่ 8

ข่าวลิฟต์ค้างเป็นที่แตกตื่นและสร้างความตกใจให้ผู้คนทั้งตึก ผู้ที่เกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้องพากันวิ่งจ้าละหวั่น สอบถามว่ามีใครอยู่ในลิฟต์บ้าง พอรู้ต่างก็เฝ้าภาวนาขอให้ทั้งสองคนที่ติดอยู่ภายลิฟต์ตัวดังกล่าวปลอดภัย ระหว่างนั้นบุสสธิติ์จำต้องหาเรื่องคุย จะได้ฆ่าเวลาขณะรอให้ช่างซ่อมระบบ อันที่จริงเขาอยากพูดคุยกับเธอมากกว่า เพราะอยากรู้จักให้มากกว่านี้

“คุณชื่ออะไร”

“ชื่อจริงนางสาวแพรรุ้ง ชื่อเล่นหนูดี” คนถูกถามเอ่ยตอบแบบเซ็งปนกลัว แต่นั่นทำให้ชายหนุ่มยิ้มแล้วส่ายหน้าให้เธอ

“คุณนี่อารมณ์ขันกว่าที่ผมคิดไว้อีกนะ”

“ถ้าจะพูดให้ถูก ฉันเครียดจนเพี้ยนต่างหาก” คำพูดของเธอทำเอาคนฟังอยากหัวเราะแต่ก็เก็บอาการเอาไว้ ก่อนที่แพรรุ้งจะบ่นออกมาดังๆ อย่างกังวลและหวาดกลัว

“ฉันไม่อยากตายที่นี่ ฉันยังไม่มีแฟน ฉันยังสวยและโสด ช่วยเอาฉันออกไปจากลิฟต์บ้าๆ นี่ที” สิ่งที่ได้ยินทำให้บุสสธิติ์สุดที่จะกลั้นเสียงหัวเราะได้อีกต่อไป แม้จะเสียมารยาทก็ตามที นานแล้วที่เขาไม่ได้หัวเราะเต็มที่แบบนี้ เสียงที่ได้ยินทำให้แพรรุ้งหันขวับมามองมองเขาผ่านความสลัวแบบไม่พอใจ

“คุณหัวเราะอะไร”

“ตลกที่คุณพูด” คนถูกถามเอ่ยตอบตามตรง “ผมแค่รู้สึกคุ้นหน้าคุณก็เท่านั้น” บุสสธิติ์เพ่งมองหน้าแพรรุ้ง เขาไม่ได้คุ้นเพราะพึ่งจะเห็นเธอไปเมื่อเช้า แต่ใบหน้านี้คุ้นๆ เหมือนจะเคยเจอที่ไหนมาก่อน

“ไม่คุ้นสิแปลกออกทีวีทุกวันซะขนาดนั้น” แพรรุ้งแอบบ่นเบาๆ ตอนนี้ต่อให้ชายตรงหน้าจะหล่อราวดารา หญิงสาวก็ไม่สนใจจะวางฟอร์มอะไรทั้งนั้นแล้ว

“คุณว่าอะไรนะ ออกทีวีทุกวัน คุณเนี่ยเหรอ” น้ำเสียงของบุสสธิติ์ออกแนวไม่อยากจะเชื่อนัก

“ใช่...ฉันเนี่ยแหละ ทำไมคะ” พูดจบก็เชิดใบหน้าเล็กๆ ขึ้นสูงอย่างมั่นใจ

“เปล่า ผมแค่ไม่อยากจะเชื่อก็เท่านั้นเอง ว่าหน้าตาบ้านๆ แบบคุณจะได้ออกทีวีด้วย” บุสสธิติ์ออกตัวแถมยังสบประมาทแพรรุ้งเข้าอย่างจัง หญิงสาวเตรียมแหวกลับแต่ต้องเปลี่ยนความคิด เมื่อลิฟต์เกิดไหวตัว

“คุณ ถ้าเกิดลิฟต์ตกขึ้นมา...” ชวนคุยเรื่องอื่นไม่ทันไร แพรรุ้งก็วกกลับมาเรื่องน่าหวาดเสียวอีกจนได้ นั่นเพราะเธออดคิดไม่ได้จริงๆ

“ใจเย็นๆ หน่อยสิคุณ ถ้าคุณตายคิดเหรอว่าผมจะรอด อย่างน้อยเราก็ตายคู่ไม่ได้ตายเดี่ยวจะกลัวไปทำไม ผมไม่ทิ้งคุณหรอก” คำพูดของชายหนุ่มแปลกหน้าทำให้แพรรุ้งรู้สึกประหลาดใจยามได้ยิน ทำไมเขาถึงได้พูดออกมาว่าจะไม่ทิ้งเธอ ทำยังกับเป็นคู่รักกัน ส่วนคนพูดก็กำลังอึ้งที่อยู่ๆ ก็พูดอะไรเหมือนลิเกแบบนั้นออกไป

“กลัวสิ ใครจะไม่กลัว” แพรรุ้งทำเป็นไม่สนใจประโยคสุดท้ายของบุสสธิติ์ เธอแยกเขี้ยวให้ชายหนุ่มแปลกหน้าผ่านความสลัว

“ว่าแต่คุณชื่ออะไร” ในเมื่อไม่มีอะไรทำหญิงสาวก็ชวนคุยมันซะเลย เผื่อจะได้หยุดคิดเรื่องลิฟต์ตกได้บ้าง

“ชื่อจริงบุสสธิติ์ ชื่อเล่นเพชร” ชายหนุ่มเลียนแบบคำตอบของแพรรุ้ง

“ชื่อก็แปลก แล้วยังจะพูดเลียนแบบฉันอีก” บุสสธิติ์ส่ายหน้าให้กับประโยคย้อนของเธอ ผู้หญิงคนนี้มีอะไรที่น่าค้นหาจริงๆ ถ้าชวนเธอไปอาบน้ำให้เสือ เก็บขี้ยีราฟ เธอจะสนใจบ้างไหมนะ

“คุณทำงานอะไรที่นี่ เป็นคอสตูมหรือช่างแต่งหน้า” คำพูดของบุสสธิติ์ที่ได้ยิน ทำเอาแพรรุ้งอยากกระโดดไปข่วนหน้าเขาให้เป็นรอยเสียจริงๆ คิดได้ยังไงว่าเธอเป็นคอสตูมหรือช่างแต่งหน้า ตาไม่ถึงเอาเสียเลย อุตส่าห์บอกไปเมื่อครู่แล้วแท้ๆ ว่าเธอออกทีวีทุกวัน ความเข้าใจผิดนี้ทำให้เสียงสูงๆ ปนแหลมรีบเอ่ยแย้งทันที

“ดูถูก เห็นแบบนี้ฉันก็เป็นผู้ประกาศข่าวเชียวนะ”

“คนอย่างคุณเนี่ยนะ” น้ำเสียงของบุสสธิติ์บ่งบอกถึงความไม่เชื่อสักเท่าไหร่ น้ำเสียงติดออกขี้เล่นเสียด้วยซ้ำเปลี่ยนไปจากบุสสธิติ์คนเก่าอย่างที่เขาเองก็แทบไม่รู้ตัว ชายหนุ่มผู้เงียบขรึม มาดนิ่ง ยิ้มยาก ตอนนี้กลับอมยิ้มเล็กๆ เพียงเพราะผู้หญิงที่บังเอิญได้พบกันเป็นครั้งที่สอง แพรรุ้งควันออกหูขึ้นทุกขณะ อารมณ์กลัวตายเพราะลิฟต์ค้างค่อยๆ หายไปเพราะถูกกวนโมโห

“ทำไมคะ คนอย่างฉันทำไม” แววตาไม่พอใจจ้องมองคนพูดผ่านความมืด

“ก็ดูไม่ค่อยเหมือนผู้ประกาศข่าวสักเท่าไหร่” ชายหนุ่มใช้สายตาไล่มองคนตรงหน้า ยิ่งทำให้แพรรุ้งโมโห

“ฉันคงเหมือนคอสตูมหรือช่างแต่งหน้ามากกว่าว่างั้นสิ” เสียงจิ๊จ๊ะไม่พอใจดังออกมาจากแพรรุ้ง บุสสธิติ์อมยิ้มเหมือนคนบ้า ทั้งๆ ที่ติดอยู่ในลิฟต์สูงจากพื้นหลายสิบชั้นที่อาจตกลงสู่พื้นได้ทุกเมื่อ แต่ทำไมเขาถึงได้ยิ้มแบบนี้กันก็ไม่รู้ สงสัยจะกลัวจนเพี้ยนไปอีกคน

“นั่นผมก็แค่เดานะคุณ”

“ถามจริงคุณเคยดูข่าวบ้างไหม” เมื่อชายหนุ่มบอกว่าเธอไม่เหมือนผู้ประกาศข่าว แพรรุ้งจึงเริ่มถาม ให้มันรู้ไปว่าเขาไม่เคยเห็นเธอ

“เคยครับ”

“ฉันเป็นนักข่าวพยากรณ์อากาศที่นี่ ออกทีวีเพื่อรายงานข่าวพยากรณ์อากาศทุกวัน คุณไม่เคยเห็นฉันเลยเหรอ” บุสสธิติ์พอนึกงานที่เธอทำออก แต่จังหวะนั้นแพรรุ้งก็ได้ทีแขวะเขากลับมาอย่างเจ็บแสบไม่แพ้กัน

“ว่าแต่คุณเถอะมาทำอะไรที่นี่ ขายประกันหรือส่งเอกสาร” คำพูดสบประมาทของแพรรุ้งแสบทรวงพอๆ กับที่บุสสธิติ์กล่าวหาว่าเธอเหมือนคอสตูมหรือช่างแต่งหน้า ซึ่งชายหนุ่มก็ยินดีรับสมอ้างเป็นอาชีพที่หญิงสาวกล่าวถึง

“ประมาณนั้นครับ คนจนๆ อย่างผมจะไม่ทำธุรกิจอะไรกับเขาได้”

“ชิ… ถ้าประกันฉันไม่ซื้อนะ ไม่ต้องมาขายเลย” แพรรุ้งขยับออกห่าง เธอไม่ได้รังเกียจคนที่ประกอบอาชีพนี้ แต่ถ้าต้องซื้อประกันกับคนที่กวนโมโหเธอสุดๆ อย่างบุสสธิติ์ละก็ หญิงสาวขอผ่านดีกว่า

“พูดถึงเรื่องประกันก็ดี ผมมีประกันชีวิตแบบสุดคุ้มมานำเสนอให้คุณ ถ้าคุณสนใจสมัครวันนี้ผมลดเบี้ยประกันให้แบบพิเศษ แถมยังคุ้มครองคุณทันทีด้วยนะครับ ตายไปจะได้ไม่เป็นภาระของลูกหลาน” บุสสธิติ์เล่นละครเป็นคนขายประกันอย่างสมบทบาท เขารู้สึกสนุกที่ได้แกล้งเธอแบบนี้ ยิ่งเห็นเธอโมโหหน้าดำหน้าแดงก็ยิ่งชอบมอง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel