บท
ตั้งค่า

2

“พี่ตุลย์แกเอาแน่หรือวะคนนี้”

“ไม่รู้ แต่ทรงแบบนี้ น่าจะเอาแน่ว่ะ”

“เห้อ...เดี๋ยวก็เบื่ออีก ยิ่งขี้เบื่อ”

เสียงสนทนาที่ด้านนอกร้านหนังสือมองเข้าไป ตรงที่นายของตนกำลังคุยอยู่กับหญิงสาวหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู ผู้มีแววตาสดใสเป็นประกาย พร้อมเอ่ยปากพนันกันเอง

“ไม่จัดว่าสวย แต่น่ารัก แบบนี้แหละ เอาผู้ชายอย่างพี่ตุลย์อยู่แน่นอน”

“ทำไมมั่นใจขนาดนั้น ของแบบนี้ต้องรอดูก่อนเว้ย”

“พนันกันไหมเล่า”

“ได้”

ถึงแม้ตุลาจะไม่ใช่ชายประเภทเพลย์บอย แต่เขาก็เป็นผู้ชายธรรมดาๆคนหนึ่ง ที่ไม่ได้ถือพรหมจรรย์ และที่สำคัญเขายังโสด ไม่รวมฐานะที่ไม่ใช่เศรษฐีใหญ่ หรือเป็นลูกหลานเจ้าสัวระดับประเทศ ลูกเจ้าของกิจการมูลค่าพันล้านหมื่นล้านแสนล้าน แต่หากอยากได้อะไร วัตถุสิ่งไหน หรือแม้แต่ใครแล้ว ก็ไม่เคยเห็นว่าตุลาจะหามาไว้ในครอบครองไม่ได้

ชายหนุ่มต้องบริหารงานหลายอย่าง มีลูกน้องคนสนิทติดตามอยู่ไม่น้อย ที่เห็นติดสอยห้อยขาอยู่เป็นประจำก็มี ‘ดุ่ย’ กับ ‘ด่อง’ นี่เองที่กำลังยืนท้าพนันกัน ทั้งคู่รู้ใจนายดีที่แค่มองตาก็รู้ไปถึงก้นบึ้งของจิตใจผู้เป็นนาย

หลังจากเห็นนายแยกจากสาวหน้าตาสดใสน่ารักคนนั้นที่ร้านหนังสือแล้ว ดุ่ยกับด่องก็เริ่มติดตามสาวน้อยนางนั้น พร้อมรายงานให้ผู้เป็นนายทราบเป็นระยะๆว่าเธอกำลังทำอะไร อยู่ที่ไหน และกับใคร

ครั้งนี้ก็เช่นกันที่หนึ่งในสองคทายกโทรศัพท์รายงานผู้เป็นนายตุลารับสาย ฟังจบขมวดคิ้วแล้วคลายออกในที่สุด ถามทวน

“บ้านพักคนชรา?”

“ครับ”

“อือม์” ตุลาครางคล้ายกำลังใช้ความคิด จบด้วยการสั่ง “ใครสักคนถ้าว่างลองตามไปดูก่อน ว่าไปกับใคร แล้วไปทำอะไรบ้าง ได้เรื่องยังไง โทรมา”

พอลูกน้องรับคำ เขาตัดสายทิ้งหันมาประชุมต่อเลิกประชุมแล้ว ตุลามีรถยนต์SUVสีดำเป็นรถประจำตัว ทั้งยังขับไปไหนมาไหนเองเสมอ ตรงสู่บ้านพักคนชราทันที

“เจอกันอีกแล้วนะครับ”

เสียงทักขณะที่เตรียมผลไม้ใส่ถาดอาหารให้บรรดาผู้สูงอายุที่บ้านพักคนชรา

ณวกาญจน์ไม่คิดว่านี่จะเป็นการบังเอิญ หลังออกจากร้านหนังสือคราวนั้นเธอเห็นชายสองคนที่ด้านหน้า ครั้งนั้นไม่ได้นึกเอะใจ แต่พอเห็นชายหนึ่งในสองคนนั้นบ่อยขึ้นในช่วงสองสามวันมานี้ก็ชักจะเริ่มคิด

เธอไม่ใช่สาวน้อยใสซื่อขนาดนั้น แม้จะเป็นคนพูดน้อยแต่ไม่ใช่รู้อะไรมาน้อย แม้จะเพิ่งเรียนจบปริญญาตรีมาหมาดๆก็ตาม

“บังเอิญอีกแล้วหรือคะ”

เสียงใสๆที่ถามกลับมานั่น ไม่ทำให้ตุลาสะดุดใจได้เท่าแววตาสุกใสเป็นประกายแบบเด็กๆที่เหมือนเล่นเกมจับผิดได้ครบหมดทุกจุด

และนั่นยิ่งทำให้ตุลาถูกใจคนตรงหน้ามากขึ้นอีกหลายเท่าตัว นอกจากหน้าตารูปร่างจะถูกใจเขาแล้ว ตอนนี้ความรู้สึกชนิดหนึ่งพุ่งพล่านขึ้นอยู่ภายในกายของตุลา

มันเหมือนกับว่าเขาพบของหายากที่ตามหาอยู่เจอแล้ว

ของที่ไม่คิดว่าจะมีอยู่บนโลกนี้ด้วยซ้ำ

และณวกาญจน์ก็คือสิ่งสิ่งนั้นในความคิดของตุลา

เสร็จจากกิจกรรมที่บ้านพักคนชรา ณวกาญจน์แวะไปที่ร้านหนังสือร้านที่ซึ่งพบกับตุลาคราวก่อน เพราะทางร้านแจ้งว่าหนังสือที่จองไว้มาแล้ว ตุลาไม่พูดมาก เขาไม่คิดว่ากำลังตามติดเธอ แต่ก็ขับรถตามมาด้วย ณวกาญจน์เลยได้กลับมาที่ร้านหนังสือพร้อมตุลาอีกครั้ง

เมื่อได้ของครบ ณวกาญจน์แวะดูหนังสือต่ออีกครู่ใหญ่ๆ จงใจไล่เขากลายๆ แต่แล้วตุลาก็รอจนเธอเลือกหนังสือได้อีกสามเล่มแล้วยื่นมือขอถุงหนังสือไปถือให้ ก่อนจะตามมาส่งที่รถ

ณวกาญจน์รับของแล้วถือโอกาสลาเขาเสียเลย ขึ้นนั่งที่หลังพวงมาลัยรถยนต์เรียบร้อย สตาร์ทรถกลับไม่ติดเสียอย่างนั้น

“แบตน่าจะหมด”

ตุลาวิเคราะห์แล้วเข้ามาช่วยดูให้ครู่หนึ่งก็ว่าขึ้น

“ถ้าไม่รังเกียจให้ผมไปส่งไหมครับ เดี๋ยวอีกครู่ผมจะให้เด็กๆมาช่วยเปลี่ยนแบตรถให้ ค่อยขับไปส่งทีหลัง”

เธออึ้งไปชั่วเสี้ยววินาที เพราะไม่ได้รู้จักเขาดีพอจะรบกวนเขาถึงขนาดนั้น ก่อนส่ายหน้าหวือเป็นการปฏิเสธ

“ไม่เป็นไรค่ะ เปรมเกรงใจ”

“เถอะครับ”

มองไม่เห็นว่าจะเล่นตัวไปทำไม ในเมื่อเธอต้องการความช่วยเหลืออยู่ในตอนนี้ เลยต้องตามเขาไปที่รถจากนั้น

“ปกติมื้อเย็นของคุณกี่โมงครับ”

เขาถามเมื่อขับรถออกสู่ถนนใหญ่มาได้ครู่เดียว

“ไม่แน่หรอกค่ะ บางทีก็สองทุ่ม สามทุ่ม เที่ยงคืนก็มี”

ตุลาไม่ว่าอะไรจากนั้นเขาขับรถที่ต้องฝ่าการจราจรที่แสนคับคั่งจนมาจอดที่ร้านอาหารบรรยากาศค่อนข้างดีร้านหนึ่ง

“ตอนนี้เกือบๆหนึ่งทุ่มแล้ว แวะรับประทานอะไรกันก่อนนะครับ”

ณวกาญจน์ออกฉุนนิดๆที่เหมือนถูกมัดมือชก แต่น่าแปลกที่ความฉุนนิดๆนั้น มีความรู้สึกหนึ่งผุดขึ้นในหัวใจ

เธอนิ่ง แต่แล้วก็ยอมลงรถไปกับเขา

“ตุลย์คะ”

เสียงเรียกชื่อตุลาชนิดที่ต้องการให้โลกรู้ถึงความสนิทสนมแผดดังขึ้น ก่อนที่เจ้าของเสียงจะเดินมายืนจ้องหน้าณวกาญจน์

“นี่หรือเปล่าที่ทำให้คุณไม่ให้เอวาไปที่ห้อง”

หญิงสาวสวยจัดคนนั้นมองอาฆาตมาที่เธอ และไม่ทันที่ใครจะได้ตั้งตัว เจ้าหล่อนปราดเข้ามาตบหน้าของณวกาญจน์ในทันที

ตุลาคว้าแขนของเอวาเอาไว้ พร้อมกับมองหาใครสักคนในร้านไม่นานมีชายร่างสูงเข้ามารับช่วงต่อจากตุลา พาสาวอารมณ์ร้อนที่เพิ่งทำร้ายณวกาญจน์ออกไปจากที่ตรงนั้นเสีย

เขาเห็นแล้วว่าเธอมีเลือดซึมตรงมุมปาก ตุลาแตะแขนเธออย่างสุภาพจะพากลับขึ้นรถ

แต่ณวกาญจน์เบี่ยงตัวหนี บอกเสียงเรียบ ท่าทางแววตาดูนิ่งไป บอกด้วยน้ำเสียงที่เดาอารมณ์ไม่ออก “ไม่เป็นไรค่ะ คุณไปคุยกับแฟนให้เข้าใจกันดีกว่า เดี๋ยวจะยิ่งมีปัญหากัน”

“ผมยังไม่เคยคบหาผู้หญิงคนไหนในสถานะนั้นสักคน”ตุลาตอบกลับด้วยท่าทีนิ่งเรียบทว่าจริงจัง แววตาที่เขาใช้มองเธอลุ่มลึกราวกับบ่อน้ำยามราตรี “ต้องขอโทษแทนเธอด้วยที่ทำตัวไร้มารยาทแบบนั้นกับคุณ ผมจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้กับคุณอีก”

แทบจะเป็นคำสาบานของเขา ตุลารู้สึกจริงจังมากทีเดียวขณะกับการกล่าวประโยคตอนท้ายนั่น

แต่ณวกาญจน์ไม่อยากสนใจอะไร เพราะเธอฉุนจัดชนิดที่ว่าไม่อยากอยู่ตรงนี้อีกต่อไปแล้ว ตั้งท่าจะกลับอย่างเดียว ด้วยการเรียกแท็กซี่ให้ไปส่งยังที่พัก เมินหน้าไปอีกทาง พยายามระงับอารมณ์เดือดดาลของตนเอง

“ช่างเถอะค่ะ เธอคงเข้าใจผิด”

“ไม่ผิดหรอกครับ เธอเข้าใจถูกแล้ว”

ตุลาค้านด้วยแววตาเคร่งขรึม ก่อนเสริมต่อ

“ผมชอบคุณนะณวกาญจน์ เรา...ลองอยู่ในสถานะดูใจกันไปสักระยะ...ได้ไหม”

ณวกาญจน์หน้าร้อนผ่าวแทบไหม้ ตอนนี้อารมณ์เริ่มจะตีกัน เมื่อเห็นเขาคว้ามือเธอขึ้นมากุม ก่อนวอนด้วยน้ำเสียงจริงจังเร่งเร้า

“ตกลงเราคบกันแล้วนะ”

จำได้ว่าเธอไม่ได้ตอบตกลงกับตุลาด้วยคำพูด

เพราะตอนนั้นความรู้สึกยังงุนงงอยู่มาก ไหนจะยังโกรธไม่หายที่ถูกแฟนของเขาทำร้ายเธออีก

พอเห็นใบหน้าของเธอที่แดงจัด เขาเลยทึกทักเอาเป็นคำตอบเข้าข้างตัวเองว่า ‘ได้’ หลังจากวันนั้นตุลาลุกคืบเข้าหาเธอทีละนิดอย่างใจเย็นและมั่นคง จนณวกาญจน์เองก็ชักหวั่นใจว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขา ทำไมก้าวกระโดดไวและมาไกลได้ถึงขนาดนี้ ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น เธอไม่ปริปากบอกให้ใครรู้เลยกับเรื่องของตนเองและตุลา

ตุลาวางปากกาที่กำลังเคาะเป็นจังหวะขณะใช้ความคิดลงบนแฟ้มเมื่อประตูห้องทำงานของเขาถูกเปิดออกหลังมีเสียงเคาะไปเพียงสามครั้งเท่านั้น และเขายังไม่ทันได้เอ่ยปากให้เข้ามา คนที่ด้านหลังประตูก็ถือวิสาสะเปิด ไร้ซึ่งมารยาทจริงๆ

แต่เมื่อเห็นว่าเป็นใคร คำพูดที่เตรียมจะว่ากล่าวก็เป็นอันต้องพับไปในบัดดล

“อ้าวคุณวา แวะมาถึงนี่เลย มีเรื่องด่วนหรือครับ”

แม้ปากจะเอ่ยคำถามราวสุภาพกริ่งเกรง แต่วาสนาเคยทำงานกับตุลามาก่อน หล่อนมองออกว่านายเก่ากำลังไม่พอใจที่ตนเข้ามาโดยพลการแบบนี้

เมื่อเห็นแล้วว่าหากไม่ยับยั้งทางนี้ ก็ดูท่าจะสายจนแก้ไขไม่ได้อีกต่อไป

ณวกาญจน์เป็นเด็กดีติดจะหัวอ่อนด้วย

หญิงอ่อนวัยที่วาสนาห่วงนักหนาเป็นบุตรสาวคนเดียวของอาจารย์ณหทัย ผู้อำนวยการโรงเรียนคนเก่าที่อุปการะวาสนาจนจบมัธยมศึกษาตอนปลาย

เมื่อก่อนวาสนาเรียนฟรี ได้หนังสือ เสื้อผ้า เงินค่าขนมก็ล้วนมาจากการเป็นพี่เลี้ยงให้ณวกาญน์ทั้งนั้น เธอเห็นณวกาญจน์ตั้งแต่อยู่ในท้อง ได้เลี้ยงหญิงสาวมาตั้งแต่บิดาของเจ้าหล่อนถูกยิงตาย ทั้งป้อนข้าว ป้อนน้ำ ป้อนขนม พาเล่น พานอน ไม่สบายก็อยู่ดูแล ทำทุกอย่างแทบไม่ต่างจากเป็นแม่อีกคน จึงรักและผูกพันกับณวกาญจน์มาก มากพอๆกับที่ณวกาญจน์รู้สึกตอบกลับมา

วาสนาเข้ามายืนประจันหน้าเจ้านายเก่า บอกเสียงแข็ง

“นายคะ...วาบอกแล้วไง ว่าเด็กคนนี้วาขอ”

ตุลากระตุกยิ้ม เขาวางปากกาลง ก่อนประสานมือ พร้อมกับจ้องเข้าไปในตาของวาสนาก่อนตอบกลับด้วยท่าทางก้าวแกร่งเอาจริงกลับไปยังวาสนา

“คนนี้ผมก็ขอเหมือนกันครับคุณวา”

“เรากับเขา ไปถึงไหนกันแล้ว”

วาสนาถามพร้อมจ้องหน้ารอคำตอบท่าทางจริงจังจนณวกาญจน์ต้องหลบตา รู้ว่าอีกฝ่ายถามถึงใคร อ้อมแอ้มว่า

“จะไปถึงไหนล่ะคะ แค่ไปกินข้าวด้วยกันเฉยๆ” ท้ายประโยคแกล้งทำเสียงสูง กะจะให้วาสนาขำ แต่ดูเหมือนหญิงสาวรุ่นพี่จะไม่ขำตามไปด้วย

วาสนาจ้องหน้าเธอแล้วถอนใจเฮือก บอกเสียงดุและจริงจัง

“พี่เตือนเราเป็นครั้งสุดท้ายนะ อย่ายุ่งกับผู้ชายคนนี้”

“ทำไมคะ”

“นั่นไง! แสดงว่าอยากยุ่ง ไม่อย่างนั้นเราจะไม่ย้อนถามหาเหตุผลแน่ๆว่าทำไม” วาสนาฉุน แล้วเริ่มอธิบาย “นายไม่ใช่คนที่จะยอมหยุดที่ใครทั้งนั้นนะเปรม”

“เปรมก็ไม่ได้...หวังขนาดนั้น”

เสียงอ่อยลงแม้ลึกๆจะคาดหวังก็ตาม

เห็นท่าทีของณวกาญจน์แบบนี้แล้ว เลยต้องพูดแรงๆให้รู้ตัว

“อยากเป็นแค่ทางผ่านเขาหรือไงเปรม”

“พี่วาน่ะ...”

วาสนายกมือขึ้นประคองแก้มนุ่มของหญิงตรงหน้าเกลี้ยกล่อม

“คุณตุลาไม่เหมือนผู้ชายคนไหนเลยที่พี่รู้จักมา ที่เขานิ่ง เขาอาจทำเหมือนเขาว่าไม่ใช่คนเจ้าชู้ แต่พี่จะบอกเอาให้รู้นะว่าผู้ชายคนนี้นะ โครตเหง้าของคนเจ้าชู้เลยเปรม เด็กอย่างเราไม่มีทางตามเขาทัน”

ณวกาญจน์หลบตา แล้วย้ำคำตอบเดิม

“เปรมก็ไม่คิดว่าจะไปได้ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ แค่ไปกินข้าวด้วยกันเฉยๆเท่านั้นเองนะคะ”

วาสนาถอนใจเฮือก บอกเสียงแข็ง “พี่มองตานายก็รู้”

ณวกาญจน์ช้อนตาขึ้นมองหญิงสาวรุ่นพี่ ถามเสียงอ่อย

“รู้ว่ายังไงคะ”

“ก็รู้ว่าเขาอยากได้เปรมน่ะสิ”

ได้ยินวาสนาบอกออกมาด้วยสีหน้าจริงจังก็หน้าร้อนผ่าวๆ หลบตาอ้อมแอ้มบอกปัด

“เปรมไม่ใช่คนสวย”

วาสนามองคนตรงหน้านิ่ง ถอนใจเบาๆ

“เปรมของพี่น่ารัก” ไม่ใช่น่ารักแบบธรรมดา แต่น่ารักมากด้วย และนายเก่าของวาสนาก็ต้องเห็นอย่างที่วาสนาเห็น คนถูกชมว่าน่ารักแกล้งมุ่ยหน้าหน่อยหนึ่ง ก่อนบอกสรรพคุณตัวเองตบท้าย

“และเปรมก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้นด้วยนะคะพี่วา”

“เขาทำได้ เขาทำให้คนยากๆเป็นคนง่ายๆได้หมดนั่นแหละเปรม” ถ้าลงว่าเขาจะเอาน่ะ

มองหน้าหญิงรุ่นพี่ ครางเสียงอ่อยๆอีก หวังใจว่าจะใช้กับวาสนาได้ผล “พี่วาน่ะ...เปรมแค่อยากลองคุยกับเขาดู ไม่ได้หวังจะไปไกลกว่านี้จริงๆนะคะ...”

เห็นแววตาเหมือนเด็กดื้อเงียบอยากได้ของเล่นชิ้นใหญ่ ก็ได้แต่ใจแข็ง ส่ายหน้าทำนองว่าอย่าเลย จึงได้แต่หลุบตาลงอีกครั้งเพื่อปิดบังสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ในดวงตาของตน หากวาสนารู้มากกว่านั้นจะโกรธเธอไหม

ไม่มีใครล่วงรู้เลยสักคนเดียวว่าหลังจากนั้นไม่นาน ณวกาญจน์ตกลงคบหากับตุลาแบบเงียบเชียบที่สุด และเธอจดทะเบียนสมรสกับตุลาหลังจากนั้นไม่นาน โดยไม่ปริปากบอกใครเลยสักคนเดียว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel