บท
ตั้งค่า

1

ณวกาญจน์ละสายตาที่ชอบใช้เหม่อครุ่นคิดกลับมาสบตาเพื่อนร่วมโต๊ะ บรรยากาศโดยรอบของผับชื่อดังแห่งหนึ่งย่านใจกลางเมืองที่คนแก่อาวุโสกว่าเป็นคนนำมา ทำไมถึงดูคึกคักต่อเนื่องไม่หยุด เป็นแบบนี้เสมอหรืออย่างไร พวกเขาเอาเรี่ยวแรงที่ไหนมาเต้นได้ตลอดทั้งคืน

เมธาวี เพื่อนสนิทของเธอที่ตามมาด้วยนั่งไขว้ขาเล็กๆที่พันเกี่ยวกระหวัดกันไปมาเหมือนงูสองตัวพลอดรัดกัน โยกตามจังหวะเสียงเพลงเร็วบ้างช้าบ้างสลับตามอารมณ์ของเจ้าตัวหาใช่ตามจังหวะของเพลงที่ได้ยินไม่

ณวกาญจน์มองแล้วขำ โน้มตัวเข้าไปพูดกับวาสนาให้ใกล้ที่สุด จุดประสงค์คือเสียงโดยรอบนั่นดังและเธอขี้เกียจตะเบ็งแข่ง

“วุ่นวายจังเลยเนอะพี่วา”

วาสนาปรายตามองณวกาญจน์ บุตรสาวของอาจารย์ณหทัย ที่เป็นครูสอนวาสนามาตั้งแต่ชั้นอนุบาล และวาสนาเองก็เคารพรักท่านไม่ต่างจากแม่ เหน็บแนมตามนิสัย

“ผับนะนังหนู ไม่ใช่วัด”

ณวกาญจน์มุ่ยหน้า บอกต่อด้วยใบหน้าแหยๆ

“ไม่น่าเชื่อนะคะว่าจะมีคนชอบมาที่แบบนี้ด้วย”

“พูดจาดูเป็นคนดี๊ คนดีอ่ะ” เพื่อนสนิทที่มองไปทางโต๊ะชายหนุ่มล้วนยิ้มหวานให้ทางนั้น ปากยังสามารถพูดแขวะเธอได้อย่างชำนิชำนาญตามนิสัยอีกคน

ณวกาญจน์เถียงยิ้มๆ “อ้าว! ก็จริงนี่”

ขณะที่กำลังคุยกันอยู่นั่น เด็กในร้านเข้ามาหาวาสนาพร้อมรายงาน “พี่วาคะ คุณตุลามาค่ะ”

วาสนาพยักหน้าเชิงว่ารับรู้ ไม่ตอบอะไร แต่หันมาบอกกับพวกเธอแทน “นั่งคุยกันไปนะ พี่ขอไปเทคแคร์ป๋ากระเป๋าหนักซักเดี๋ยว”

แต่แล้วคนที่วาสนาต้องถึงกับลุกออกไปบริการด้วยตนเองกลับเดินมาหยุดยืนที่ด้านหลังโต๊ะตัวที่พวกเธอกำลังนั่งกันอยู่

เขาเป็นเจ้าของร่างสูงสง่าเกินมาตรฐานชายไทย แม้เสื้อผ้าที่สวมใส่จะไม่หวือหวาแฟชั่นจ๋าแบบคนอื่นที่เห็นดาษดื่นในผับแห่งนี้ แต่ดูโดดเด่นน่ามองไม่น้อย อาจเป็นที่บุคลิกนิ่งขรึมของเขาที่ดูขัดแย้งกับสถานที่ รวมถึงราศีที่จับอยู่รอบตัวเขาด้วยละมังที่ทำให้ณวกาญจน์ผู้ไม่เคยแอบมองใคร ละสายตาจากเขาไปไม่ได้

“สวัสดีคุณวา...”

เขาเอ่ยทักทายวาสนาก่อน อาจเป็นเพราะอายุที่น้อยกว่าวาสนาก็เป็นได้ แต่เป็นวาสนาเสียเองที่ยกมือขึ้นไหว้เขาพร้อมทักทายกลับด้วยสีหน้าอ่านไม่ใคร่ออกเท่าไรนัก

“สวัสดีค่ะคุณตุลย์ เดี๋ยววาให้เด็กจัดโต๊ะโซนด้านในให้นะคะ”

“ไม่เป็นไรไม่ต้องยุ่งยากหรอกครับ ผมแค่พาน้องๆมาดื่มครู่เดียว แล้วว่าจะขอตัวกลับเลย ช่วงนี้งานค่อนข้างยุ่ง ไม่มีคุณวาคอยช่วย ผมก็เหมือนคนพิการดีดีนี่เอง”

วาสนาทำเพียงยิ้มน้อยๆหน้าเจื่อนไปนิด

ดูเหมือนทั้งสองคนจะเข้าใจความหมายของสายตาและคำพูดของกันและกันดี วาสนาเตรียมมองหาพนักงานในร้านเพื่อจัดโต๊ะให้ชายหนุ่มเป็นกรณีพิเศษ แล้วลุกยืนเดินนำไปยังโต๊ะในโซนที่เป็นส่วนตัวมากกว่าที่ตนนั่งอยู่กับสองสาวรุ่นน้อง

ตุลามองพวกเธอก่อนยิ้มแบบผู้ใหญ่ใจดีแล้วจากไป ทันทีที่นั่งลงเรียบร้อย วาสนาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งๆแต่จริงจัง

“เด็กคนนั้น...วารักเหมือนน้องสาวแท้ๆเลยนะคะ”

วาสนาออกปากขรึมเข้มปกป้องหนึ่งในสองสาวราวแม่ไก่ที่กางปีกออก เมื่อเห็นว่ามีเภทภัยอันตรายเข้ามากล้ำกรายใกล้ลูกน้อยของตน

ตุลามองยิ้มๆก่อนแค่นหัวเราะกล่าวว่า

“ผมก็ยังไม่ได้อะไรเลยนี่”

เขารับแก้วจากพนักงานที่ชงเครื่องดื่มให้ จิบก่อนยิ้มแล้วเอ่ยล้อๆ “ดูท่าคุณวาจะหวงน้องคนนั้นไม่น้อยเลยนะ”

“หวงสิคะ เด็กคนนั้นเป็นเด็กดี”

“เด็กดี?”

ตุลาทวนยิ้มๆขัดขึ้น แววตาคล้ายกับไม่เชื่อในคำของวาสนา เหลือบมองไปรอบๆร้าน ราวกับจะบอกว่าเด็กดีในสถานที่แบบนี้น่ะหรือ ย้อนแย้งไม่น้อยเลยนะ

“แกมาหาข้อมูลเอาไปทำงานของแกน่ะค่ะ”

วาสนาปดออกไปด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง

“อ้อ ถ้าอย่างนั้น ผมรู้จักไว้คงไม่เสียหายอะไรมั้ง เพราะผมก็เป็นผู้ใหญ่ใจดี”

ตุลาพูดต่อด้วยรอยยิ้มดูสบายๆในแบบของตน

“เด็กคนนี้วาไม่ให้ยุ่งนะคะ” วาสนายืนยันคำเดิมพร้อมส่ายหน้าเบาๆ ส่งสายตาเอือมระอาใส่ผู้ที่เคยเป็นนาย

“ถือว่าวาขอก็แล้วกันนะคะนาย”

“ทำไมต้องออกปากขนาดนั้นกันคุณวา” ชายผู้เคยเป็นนายถามกลับยิ้มๆ

วาสนารู้จักตุลามานานก่อนหน้าจะมาจับธุรกิจผับบาร์แบบนี้ มีหรือที่มองตาแล้วจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ในหัว เธอเคยเป็นเลขาของเขามาพักหนึ่ง ก่อนลาออกมาบริหารงานที่ผับแห่งนี้ต่อ

“ผมก็ยังไม่ได้ไปทำอะไรน้องเขาเลยนี่ครับ”

“ให้จริงเถอะค่ะ ถ้าวารู้ว่านายพาตัวเองไปข้อง ไปเกี่ยวกับเด็กคนนั้น อย่ามาวาใจร้ายก็แล้วกันนะคะ”

“ขู่ผมยังกับเป็นเมีย นี่ถ้ายอมให้ผมตั้งแต่แรกนู่นนะ ป่านนี้ลูกเต็มบ้านไปแล้ว” ตุลาเย้าเล่นเบาๆ วาสนาลอบกรอกตาก่อนติง

“ทิ้งลายเถอะค่ะ แก่แล้ว”

“สามสิบห้าแก่ตรงไหน”

“แก่หมดทั้งตัวนั่นแหละค่ะนาย”

“ถ้าเจอคนที่ใช่ก็จะยอมนะคุณวา...ลายที่บอกให้ทิ้งน่ะ”

ตุลาบอกด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ แต่วาสนาฟังออกว่านิ่งแบบนี้แล้วสัญญาณของตุลาคือจะไม่ถอย แถมแววตาที่ใช้มองณวกาญจน์นั่นก็ชัดเจนแจ่มแจ้งแดงแจ๋ว่าอย่างไรก็ต้องเอามาให้ได้อีกด้วย แต่แล้ววาสนาก็ไม่มีโอกาสได้อยู่กางปีกป้องหญิงสาวที่ตนห่วงหวงอีกต่อไป เมื่อมีแขกวีไอพีอีกคนแวะเวียนมาที่ร้าน เจ้าหล่อนจำต้องลุกไปทักทายอย่างนอบน้อมแต่น้อยกว่าตุลาเมื่อครู่นี้แล้วพาตรงไปยังอีกโต๊ะที่ทางนั้นจับจองไว้

ณวกาญจน์มองไปทางที่วาสนาหายไปกับชายแปลกหน้าคนนั้นแล้วค่อยแว่วเสียงเพื่อนซี้ว่าขึ้น

“ท่าทางแบบนี้ เจ้าชู้ตัวพ่อเลยนะนั่นนังเปรม”

“ใคร” ถามเพราะไม่รู้ว่าเมธาวีหมายถึงใครจริงๆ

“ก็คนที่เจ๊วาพาไปที่โซนวีไอพีน่ะสิจะใคร”

“ดูเจ้าชู้หรือ ไม่นะ เขาดู...ออกจะเป็นผู้ใหญ่ใจดี”

เมธาวีปรายตามองก่อนแค่นเสียงหัวเราะทั้งที่ไม่ได้ขำกล่าวว่า

“แกชอบเขาแล้วนังเปรม”

“บ้า! ฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่จะชอบใครง่ายๆแบบนั้น”

“แล้วไป”

สองสาวคุยสัพเพเหระต่ออีกเกือบชั่วโมง ณวกาญจน์จึงขอแยกกลับหอพักก่อน เมธาวีที่นึกเบื่อแล้วเช่นกันก็ว่าจะกลับด้วย โบกมือลาเพื่อนที่ขับรถนำหน้าออกไปแล้ว กำลังจะตามหลังไปบ้าง แต่แล้วก็นึกได้ว่าว่ากระเป๋าอีกใบที่ใส่หนังสืออ่านเล่นไม่ได้หิ้วขึ้นรถมาด้วย เลยจำต้องจอดรถไว้ดังเดิม เปิดไฟมองหาของอีกครั้งแต่กลับไม่พบ

“ลืมไว้ไหนเนี่ย ขอให้อยู่ที่โต๊ะเถอะ”

บ่นอยู่คนเดียวในรถแล้วเดินเข้ามาในร้านอีกครั้ง

ในนั้นมีนิยายมือสองที่หายากมากที่เธอเพิ่งจองตัดหน้าเมธาวีมาได้ ยังไม่ได้อ่านเลยสักหน้าเดียว คิดแล้วยิ่งฉุนในความขี้หลงขี้ลืมของตัวเอง

สอบถามจากพนักงานในร้าน ปรากฏว่าวาสนาออกไปแล้วเช่นกัน เลยต้องรบกวนให้พนักงานช่วยหากระเป๋าให้เธอที

“หานี่อยู่หรือเปล่าครับ”

ชายร่างสูงยื่นถุงผ้าที่ใส่ข้าวของของเธอกลับคืนมาให้

ณวกาญจน์มองหน้าชายคนนั้น ก่อนยื่นมือออกไปรับมาถือไว้แล้วเอ่ยขอบคุณ ดีใจยกใหญ่ที่ไม่รู้ว่าสาเหตุมาจากเรื่องใดกันแน่ ระหว่างเจอของ หรือ ได้เจอหน้าเขาอีกครั้ง

เธอไม่ได้คุยอะไรกับเขาอีก นอกจากยิ้มแล้วขอตัว หันหลังเดินกลับไปที่รถของตน และคงจะลืมเขาไปแล้ว หากจะไม่ได้พบกับชายคนนั้นอีกในวันถัดมา

ณวกาญจน์ออกมาหาซื้อของใช้หลังจากได้ของจนครบเธอแวะดูหนังสือที่ร้านใกล้ๆนั่นเอง ขณะหยิบเล่มนั้นอ่านวางเล่มนี้ได้พักใหญ่ ก็พบว่ามีคนเดินมาตรงที่เธอกำลังเลือกหาหนังสือ จึงขยับไปจนชิดชั้นเมื่อเข้าใจว่าตนเองขวางทางเดิน รู้สึกได้ว่าคนคนนั้นไม่เดินผ่านไปเธอเสียที จึงหันไปมองแล้วก็พบว่าเป็นเขา คนที่เธอเคยเจอที่ในร้านของวาสนา

“บังเอิญจังเลยนะครับ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel