บทที่ 4
ความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาของคนใต้ร่างทำเขาติดใจดูดกินความสุขจากเรือนร่างามอย่างหิวกระหาย ไม่ว่าจะถึงจุดสุดยอดไปแล้วหลายครั้ง แต่ก็ยังรู้สึกเหมือนยังกอบโกยความสุขจากร่างนี้ไม่หมดสักที
“เหนื่อย...ง่วง” เสียงหวานบอกได้เพียงแค่นั้นก็หลับตาพริ้มไปบนตัวชายหนุ่ม
ความหอมหวานซาบซ่านของผู้หญิงก็เหมือนยาเสพติดชนิดหนึ่ง เมื่อได้ลองชิมไปแล้วครั้งหนึ่งก็จะติดใจจนต้องเพิ่มปริมาณมากขึ้นจนถอนตัวไม่ขึ้น และแต่ละคนก็จะมีความหวานที่ไม่เหมือนกันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่ว่าใครคนไหนก็ไม่สามารถเลียนแบบกันได้เหมือนกับลายนิ้วมือ
แล้วความหวานแบบไหนกันที่เขาต้องการ ตั้งแต่ได้สัมผัสผู้หญิงทุกคนที่ผ่านมาคืนนี้เป็นคืนแรกที่เขารู้สึกเหมือนได้ขึ้นสวรรค์ของจริง หรือนี่จะเป็นความหวานแบบที่เขาตามหามานานกันนะ
ร่างกายปวดร้าวราวกับถูกมือขนาดใหญ่บีบไว้ไปทั่วร่าง โดยเฉพาะท้องน้อยที่เจ็บจี๊ดยิ่งกว่าส่วนไหนจนไม่อยากขยับตัวแต่ก็ต้องฝืนใจลืมตาขึ้นมา เพราะอาการที่เหมือนกับโลกกำลังหมุนรอบตัวเธอทำให้อยากจะคายส่วนที่กินเข้าไปเมื่อคืนออกมา และคงเป็นไปไม่ได้ที่เธอนอนนิ่งอยู่อย่างนี้โดยไม่ทำอะไร
อะไร!! มันเกิดอะไรขึ้น!!!
รอยจ้ำแดง ปวดไปทั้งตัว และที่สำคัญ...
ผู้ชายคนนี้...!!!
ใบหน้าหล่อเหลาที่อยู่ห่างออกไปไม่ถึงคืบ ทำให้ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นกว่าเดิมด้วยความตกใจ จนลืมอาการเวียนหัวและปวดเมื่อยก่อนหน้านั้นเป็นปลิดทิ้ง แล้วรีบขยับตัวถอยห่างจนกลิ้งลงไปนอนกับพื้นเย็นเฉียบโดยไม่ทันตั้งตัว
บิกินี่ตัวเดิมถูกหยิบจากพื้นขึ้นมาสวมอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นสภาพร่างกายของตัวเองที่ไม่มีอะไรปกปิดแม้แต่ชิ้นเดียว มันคงไม่แย่ไปใช่ไหมหากเธอจะขอหยิบเสื้อสักตัวสวมออกไป เพราะคงไม่มีใครที่จะอยากเดินไปไหนมาไหนด้วยร่างกายที่เต็มไปด้วยรอยแดงแบบนี้
“กรี๊ดด...”
เธอคงไม่กรีดร้องหากไม่หันมาเจอดวงตาคู่นั้นที่เต็มไปด้วยความพอใจจับจ้องมาที่เธอตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
“ฉัน...ฉัน...ฉันขอโทษ”
พูดจบร่างบางก็วิ่งออกจากห้องไปทันที ปล่อยให้คนที่ไม่ทันตั้งตัวรีบคว้าหากางเกงขึ้นมาสวมอย่างรวดเร็วแล้ววิ่งตามออกไป แต่ก็ไม่ทันอยู่ดีเพราะเมื่อเปิดประตูออกไปก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของผู้หญิงคนนั้นแล้ว แม้จะวิ่งตามหาจนทั่วแล้วก็ตาม
ดารินที่ออกจากบ้านพักหลังนั้นมาได้วิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิตจนกลับมาถึงที่พัก ซึ่งไม่รู้ว่าตัวเองกลับมาถูกทางได้ยังไงในเมื่อเธอแทบไม่มีสติ ตั้งแต่ที่เห็นดวงตาคู่นั้นจับจ้องมาที่เธอด้วยสายตาที่แทบจะกระชากวิญญาณออกจากร่างหากเผลอจ้องตากับเขาเกินสิบวินาที
สิ่งแรกที่ค้นหาคือสติและกระเป๋าสตางค์ที่น่าจะอยู่ที่ไหนสักแห่งในกระเป๋าเดินทางของเธอ เพราะตั้งแต่มาถึงที่นี่เธอแทบไม่ได้จัดการอะไรกับสิ่งของในกระเป๋าเลย นอกจากรื้อค้นหาชุดว่ายน้ำออกมาใส่ แล้วออกไปเริงร่ากับกลุ่มเพื่อนสนิทที่เตรียมตัวกันมาฉลองเรียนจบโดยไม่ได้แตะต้องอะไรเลย แต่ก็หาไม่เจอสักทีทั้งที่กระเป๋าของเธอก็ใหญ่ไม่ถึงครึ่งของคนอื่นด้วยซ้ำ
“อยู่ไหนนะ มันจะหายไปได้ยังไงกัน...”
“หาอะไรอยู่ไข่หวาน ทำไมรื้อของออกมากองเละเทะขนาดนี้ละ”
“เจนนี่ เห็นกระเป๋าตังค์ฉันไหม ฉันจำได้ว่าฉันใส่มันไว้ในนี้นะ แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอหรือว่าฉันไม่ได้เอามาด้วย งั้นฉันยืมเงินเธอก่อนได้ไหมพอกลับไปแล้วจะรีบคืนให้เลย ฉันต้องรีบใช้...นะ...นะ”
“ไข่หวาน เธอใจเย็นๆ ก่อนได้ไหม ไปทำอะไรมาถึงกลับมาป่านนี้ แล้วจะรีบเอาเงินไปทำอะไร”
“ฉัน...ฉัน...” เธอจะบอกได้ยังไงละว่าไปทำอะไรมา เธอไม่รู้สึกตัว...เอ๊ะ! หรือจะรู้...แต่ก็ช่างมันเถอะ รู้แต่ว่าเธอต้องรีบเอาเงินไปซื้อไอ้นั่นโดยด่วนก่อนที่จะสายเกินไป “ฉันหลงทาง หาทางกลับไม่เจอ แล้วตอนนี้ฉันก็จะเอาเงินไปซื้อยาแก้ปวดหัวหน่อย สงสัยเมื่อวานจะดื่มมากไปเลยรู้สึกไม่ค่อยสบายนะ”
