บท
ตั้งค่า

บทที่ 4 ขี่ม้า

“ขี่ม้า” ทัพพ์ตอบเพื่อนหลังจากอารมณ์เย็นลงเพราะไปเจอผู้หญิงตื้อยังไม่พอเพื่อนในกลุ่มดันมาพูดกวนอีกทำให้อารมณ์ที่เก็บกดไว้ระเบิดออกมาซัดจนหมอบ

“เออดี กูอยากขี่พอดี..” ดิษย์ไม่รู้จะพูดยังไงก็ต้องไปขี่ม้ากับเพื่อนที่ดูว่ามันอารมณ์เข้าที่แล้วเดินดูคนงานรีดนมวัวและแวะไปคุยกับสัตวแพทย์ประจำฟาร์มที่มีอยู่สามคนและวันนี้อยู่ประจำสองคนสลับกันทุกวัน คนงานส่วนใหญ่ก็เป็นคนในหมู่บ้านและอำเภอใกล้เคียงมีที่พักเป็นตึกแถวสองชั้นเรียงกันสองตึกอยู่ด้านหน้าห่างจากรั้วประมาณห้าร้อยเมตร ส่วนสำนักงานและโรงเก็บนมวัวที่รีดแล้วรอส่งให้กับสหกรณ์อยู่ติดกันห่างจากบ้านพักคนงานห้าร้อยเมตร คอกวัวก็อยู่ลึกเข้าไปแถวเรียงรายกันทั้งสองฝั่งถนนรอบๆก็เป็นทุ่งหญ้าและสระน้ำ แต่ละคอกยาวก็จะมีคนงานเอาอาหารเอาน้ำทำความสะอาดคอกโคนมและรีดนมวัวทั้งใช้เครื่องรีดและรีดด้วยมือเปล่าที่จะทำให้ได้น้ำนมเยอะกว่าเครื่องรีดแต่บางครั้งต้องรีบเร่งทำเวลาเพื่อให้ทันส่งนมสดที่รีดได้ตามที่รถของสหกรณ์มารับจึงจำเป็นต้องใช้เครื่องรีดนมไปด้วยที่จริงกำนันก็เคยคิดจะทำฟาร์มครบวงจรแต่ท่านไม่มีผู้ช่วยคิดจึงล้มเลิกเป็นแค่ผู้ผลิตน้ำนมดิบส่งให้สหกรณ์โคนมอย่างเดียวก็เหนื่อยแล้ว

“ตกลงมึงจะเรียนต่ออะไรวะไอ้ทัพพ์ บริหารหรือเกษตร” สองหนุ่มนั่งบนรถมอเตอร์ไซค์คุยกันหลังจากพากันตระเวรทั่วฟาร์ม

“เรียนทั้งสองอย่างนั่นแหละ” ทวิภาคตอบเพื่อนเพราะเขาจะสานต่องานของตาด้วยท่านแก่แล้ว มีแค่เขากับลักษิกาญาติผู้น้องเท่านั้นที่จะสานต่องานของตาหากน้องสาวทำต่อก็ดีสิ เพราะเขายังมีงานบริษัทของพ่อแม้ไม่เหนื่อยกายเป็นงานที่ใช้สมองส่วนงานของตาต้องใช้แรง แต่เขาทิ้งตาไม่ได้

“มึงไหวเหรอวะ”

“เพื่อตากูไหวอยู่แล้ว สำหรับพ่อกูทำเพื่อไม่ให้สองแม่ลูกนั่นมาชุบมือเปิบเท่านั้น” พูดถึงสองแม่ลูกนั่นแล้วทวิภาคก็อารมณ์เสีย “ไอ้น้ำยังไม่โทรมาอีกเหรอวะ” ชายหนุ่มก็อยากรู้ว่าไอ้ลูกหมานั่นมันเจ็บขนาดไหน

“ยังเลยว่ะ มันไม่เป็นอะไรมากหรอกมั้ง แต่กูว่างานนี้มันเอาเรื่องมึงแน่” ดิษย์ก็พอจะมองอกว่ากิติภพนั้นเขม่นทวิภาคมักจะพูดแซะแขวะบ่อยๆดีว่าเพื่อนเขาไม่ถือแต่ครั้งนี้มันหงุดหงิดพอดีเจอกิติภพแขวะก็ซัดซะจนน่วม

“ก็ปล่อยมัน อยากได้ยังไงกูจะจัดให้”

“มึงใจเย็นๆนะทัพพ์ งั้นกูกลับบ้านก่อนนะ พรุ่งนี้กูจะมาหามึงนะ” ดิษย์บอกเพื่อนแล้วหยิบหมวกกันน็อคมาสวม

“เออ, ขอบใจมากนะไอ้ดิษย์..” สองหนุ่มยกกำปั้นชนกันก่อนดิษย์จะขี่บิ๊กไบค์ออกไปจากฟาร์มเพื่อกลับบ้านของเขาที่อยู่ในอำเภอมวกเหล็กที่บ้านของดิษย์ทำธุรกิจหลายอย่างทั้งฟาร์มโคนม รีสอร์ท ซื้อขายที่ดินมีฐานะร่ำรวยและจะไปเรียนต่ออเมริกาพร้อมกับทวิภาค

ทวิภาคสวมหมวกกันน็อคแล้วขี่บิ๊กไบค์คันโปรดกลับบ้านหลังใหญ่กลางฟาร์มที่เขามีความทรงจำกับแม่และตามากมายแม้เขาจะไปเรียนที่กรุงเทพแต่ก็กลับมาช่วยงานตาแต่ระยะหลังนี้เขาเรียนหนักจึงไม่ค่อยได้กลับแต่คุยเรื่องงานกับตาทางโทรศัพท์เกือบทุกวัน ก่อนจอดรถข้างมอเตอร์ไซค์คันเล็กที่เขาจำได้ว่าเป็นของอัยยาหลานสาวของตาสิงหาเพื่อนตากำนันของเขา

“อ้าวคุณทัพพ์ มาได้ยังไงจ้ะ แล้วตากำนันท่านรู้หรือเปล่าว่าคุณทัพพ์มา” ตุ๋ยเมียของมานพผู้จัดการไร่ของกำนันถามหลานชายเจ้านายที่เห็นกันมาแต่เล็กแต่น้อย

“ผมไม่ได้บอกตาครับพี่ตุ๋ย แล้วตาอยู่หรือเปล่า” ทวิภาคถามหาตาที่จริงเขาต้องการไปพักผ่อนสมองที่รีสอร์ทของชนาทิปหลังสอบเสร็จแล้วถึงจะกลับบ้านแต่เกิดเรื่องก่อน

“ตากำนันเข้าไปในฟาร์มจ้ะ มีแต่น้องใบพลูทำงานอยู่ในห้องตากำนันจ้ะ”

“ขอบคุณครับพี่ตุ๋ย ผมขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะครับ” ทวิภาคพูดจบก็เดินขึ้นบ้านแล้วแอบแวะไปดูที่ห้องทำงานของตาว่าใบพลูยังทำงานอยู่หรือเปล่าแต่สิ่งที่เห็นคืองานกำลังดูคนนอนอยู่เขาจึงเดินขึ้นห้องเพื่ออาบน้ำแล้วค่อยลงมาหาอะไรกินเพราะมัวแต่โมโหจนลืมกินข้าว

เวลา 17.20น.

กำนันเทิดเห็นบิ๊กไบค์ของหลายชายจอดอยู่กับมอเตอร์ไซค์คันเล็กของอัยยาจึงเดินเข้าบ้านก็เห็นหลานชายนั่งดื่มที่ระเบียง

“สวัสดีครับตา” ทวิภาคลุกขึ้นยกมือไหว้ตาและกอดท่านเหมือนทุกครั้งที่เจอกัน

“สวัสดีเจ้าทัพพ์ จะกลับบ้านทำไมไม่บอกตาแล้วเป็นอะไรทำไมมานั่งดื่มแต่หัววันแบบบนี้ล่ะ” กำนันเทิดถามหลานชายก่อนจะนั่งลงเก้าอี้ตรงข้าม

“พอดีผมสอบเสร็จแล้วก็เลยไปกินเลี้ยงกันที่เขาใหญ่แต่เกิดเรื่องก่อนผมเลยกลับบ้าน”

“ใคร แล้วมีเรื่องอะไรกัน” กำนันเทิดหรี่ตามองหลานชายอย่างจับผิดหากทวิภาคพูดแบบนี้แสดงว่าไปมีเรื่องมาแน่ๆ

“ผมเองครับตา พอดีเพื่อนมันพูดกวนโอ้ย ผมหมั่นไส้ก็เลยซัดไปหมัดสองหมัดน่ะครับ” ชายหนุ่มยอมรับกับตาแต่เขาไม่ไหวจริงๆกิติภพพูดแขวะโน่นนี่นั่นมาตลอดและครั้งนี้มันสุดทนเขาจึงจัดให้

“แล้วเป็นยังไงบ้างล่ะ”

“ผมไม่เป็นไรครับ.”

“ตาไม่ได้ถามแก ตาถามถึงคนที่แกซัดเขาน่ะถึงกับหยอดน้ำข้าวต้มมั้ย เขาแจ้งความหรือเปล่าล่ะ” กำนันพูดดักทางหลานชายอย่างรู้ทันเพราะท่านกับลูกสาวเทียวเข้าห้องผู้ปกครองจนสนิทกัน แต่ไม่มีใครกล้าไล่หลานชายท่านออกและยังช่วยเคลียร์กับผู้ปกครองคนอื่นให้อีก และหลานชายท่านก็ไม่ได้ผิดทุกครั้งส่วนมากก็ช่วยเพื่อนช่วงมอสามถึงดีขึ้น

“ผมให้ไอ้น้ำพาส่งโรงพยาบาลครับก็แค่ปากแตก ตาเขียว ช้ำในเท่านั้นครับ” ทวิภาคบอกตาตามที่เพื่อนบอกเขา

“ป๊าบบ..”

“โอ้ยย..” ทวิภาคร้องเสียงดังเมื่อตาเล่นทีเผลอตบกระบาลเขา

“หนอยแน่ะ ไม่เป็นอะไรมากของแกนี่ขนาดนอนโรงพยาบาลเลยนะเจ้าทัพพ์ แล้วพ่อแกรู้หรือยังล่ะ” กำนันเทิดถามหลานชายที่ยังมานั่งดื่มอย่างสบายอารมณ์อีก

“ยังครับแต่พรุ่งนี้น่าจะรู้ ถ้าไอ้บิ๊กมันเอาเรื่อง”

“บิ๊กเองเหรอ” กำนันเทิดก็รู้จักเพื่อนหลานชายทุกคนเพราะมาค้างที่ฟาร์มกันบ่อยๆส่วนบิ๊กเพิ่งรู้จักไม่นานท่าทางหลุกหลิกไม่น่าคบเท่าไหร่แต่ท่านไม่ถือเพราะเห็นเป็นเพื่อนหลานชาย

“ครับตา ว่าแต่ตาไปทำอะไรมาครับ ไหนว่ายังไม่ได้ตรวจบัญชีไงแล้วยังออกไปตะลอนอีก” หลานชายถามตาเขาอุตส่าห์จัดระบบงานให้เข้าที่แล้วเพื่อตาจะได้ไม่เหนื่อยแต่ท่านก็ยังไม่หยุดที่จะออกไปตรวจงานในฟาร์ม

“เอ่อ,จริงสิ ออน ออนเอ้ยอยู่ไหนมาหาตาหน่อยสิ” กำนันเทิดเรียกอิงอรลูกสาวของมานพผู้จัดการฟาร์ม

“จ๋าตากำนัน.”

“พี่ใบพลูของเรายังทำงานไม่เสร็จอีกเหรอ”

“ยังมั้งจ้ะตากำนัน พี่ใบพลูอยู่ในห้องทำงานของตากำนันจ้ะ ออนเห็นพี่ใบพลูหลับอยู่เลยไม่กล้าปลุก” ออนตอบตากำนันเพราะเห็นพี่ใบพูลนอนหลับจึงไม่กล้ากวน

“งั้นไปดูอีกทีสิว่าพี่ใบพลูตื่นหรือยัง..”

“จ้ะตากำนัน” ออนพูดจบก็เข้าไปในบ้านเพื่อดูว่าพี่ใบพลูของเธอตื่นหรือยัง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel