บทที่ 2 รักสนุก
“ครับคุณน้ำ เชิญครับคุณผู้หญิง” สมปองเชิญแขกของเจ้านายไปที่รถกอล์ฟเพื่อพาไปพักที่รีสอร์ท
“มึงเก็บกดอะไรมาวะไอ้ทัพพ์” อดิศรถามเพื่อนที่มาถึงก็พูดอย่างกับคนเก็บกด
“เบื่อไง กูอุตส่าห์หนีมานอนเล่นเงียบๆแล้วนะ เพราะเด็กของมึงนั่นแหละไอ้น้ำทำให้กูเซ็ง มึงก็เห็นว่ายัยรัมพาจ้องเคลมกูอยู่ยังจะชวนมาอีก”
“กูจะไปรู้มั้ยว่าเด็กกูจะชวนเพื่อนมาเพราะกูนัดเธอคนเดียวไม่ได้นัดเพื่อนเธอนี่หว่า” ชนาทิปนัดเขมจิราและคิดว่าเธอจะมาคนเดียวกว่าเขาจะรู้พวกเธอก็มานั่งเจ๋ออยู่ที่รีสอร์ทแล้ว
“มันจะยากอะไรวะไอ้ทัพพ์ในเมื่อหล่อนมาแล้วมึงก็จัดให้สักดอกสองดอกสิวะจะได้จบๆ หึๆๆ..” ดิษย์บอกเพื่อนแล้วหัวเราะ
“จบบ้านพ่องมึงสิวะไอ้เพื่อนเวร หล่อนจะได้จับกูทำผัวน่ะสิ”
“โอ้ยย.. พอๆถ้ามึงไม่สนใจซะอย่างเดี๋ยวรัมพาก็ถอยเองแหละ เรามาพักผ่อนกันนะอย่าให้หมดสนุกสิวะ” อดิสรร้องโวยวายเมื่อเพื่อนๆยังไม่หยุดพูดถึงผู้หญิงที่ตามมาจากกรุงเทพ
“มึงดูแลกูด้วยนะไอ้หมู” ทัพพ์ชี้ไปที่อดิสรเพราะเป็นญาตินีรัมพา
“เออๆ จะดื่มได้หรือยังวะ”
“มึงนี่เรื่องมากฉิบหายว่ะไอ้ทัพพ์..” กิติภพพูดขึ้นด้วยความอิจฉาหนุ่มหล่อพ่อรวยอย่างทัพพ์เพราะสาวๆมักจะเข้าหาทัพพ์ก่อนเป็นคนแรก ถึงแม้ที่บ้านกิติภพจะรวยแต่ก็เป็นเศรษฐีใหม่และเขาเพิ่งมาเข้ากลุ่มพี่บิ๊กเบิ้มได้แค่ปีกว่าเพราะชอบบิ๊กไบค์เหมือนกันรถของเขาก็สู้ของทัพพ์ไม่ได้สักคันแต่ไม่มีใครพูดถึงเพราะมีความชอบต่างกัน
“แล้วไงมันหนักตรงไหนของมึงวะไอ้บิ๊ก” ทัพพ์หันไปถามกิติภพเขารู้สึกว่าพักหลังมานี้กิติภพมักจะแย้งหรือว่ากระทบบ่อยเขาก็ไม่เคยตอบโต้เพราะคิดว่าเพื่อนพูดหยอกเล่นแต่ความอดทนมันมีข้อจำกัด
“เฮ้ยไม่เอาน่าเพื่อน ดื่มกันดีกว่า” ชนาทิปปรามเพื่อนและชวนดื่ม
“กูแค่พูดหยอกเล่นๆน่าไอ้ทัพพ์” กิติภพเห็นสายตาของทัพพ์แล้วเขาก็พูดทำนองว่าหยอกเพื่อนทั้งที่เขาพูดจริงและเล็งนีรัมพาอยู่แต่เธอกลับชอบทัพพ์
“นี่มึงหยอกเหรอวะ กูเห็นมึงหยอกกูแบบนี้บ่อยแล้วแต่กูไม่สนใจคิดว่าเป็นเพื่อนกัน แต่กูไม่ชอบว่ะถ้ามึงคิดว่ากูเป็นเพื่อนอย่าหยอกอย่างนี้อีก..”
“พูดแบบนี้หมายความว่ายังไงวะไอ้ทัพพ์..” กิติภพหน้าแดงก่ำถามทัพพ์ที่พูดเหมือนไม่อยากเป็นเพื่อนกับเขา
“มึงคิดยังไงก็อย่างนั้นแหละ”
“ทำไมวะ มึงคิดว่ามึงรวย มึงแน่อย่างนั้นเหรอวะไอ้ทัพพ์ กูก็ไม่ได้อยากคบกับไอ้คนรวยที่มันหยิ่งไม่เห็นหัวคนอื่นแบบมึงเหมือนกัน” กิติภพลุกขึ้นยืนชี้หน้าทัพพ์ที่ยกขวดเบียร์ขึ้นกระดกแล้วขว้างลงพื้น
“เพล้งงง...”
“แล้วมึงจะเอายังไงกับกูไอ้บิ๊ก..” ทัพพ์ลุกขึ้นประจันหน้ากับเพื่อนที่มองเขาตาแดงก่ำด้วยความไม่พอใจ
“เฮ้ย ไอ้ทัพพ์ ไอ้บิ้ก พอเถอะน่า เพื่อนกันแค่หยอกกันเฉยๆให้มันแล้วไปนะเพื่อน” ชนาทิปกันทัพพ์ไว้ อดิสรกันกิติภพ ตุลธรกับดิษย์ยืนตรงกลาง
“พวกมึงไม่ต้องมาห้ามกูอยากรู้เหมือนกันว่าลูกคุณชายอย่างไอ้ทัพพ์มันมีดีอะไรผู้หญิงถึงได้รุมล้อมมันนัก ถ้ามันไม่มีเงินพ่อไม่ได้เป็นนักธุรกิจชื่อดังจะมีใครสนใจมันมั้ย หึๆ.”
“มึงหยุดพูดไปเลยบิ๊ก จะหาเรื่องกันเองทำไมวะ.” อดิสรว่าเพื่อนที่ยังพูดแขวะทัพพ์ไม่เลิก
“มึงอยากรู้ใช่มั้ยไอ้บิ้ก..”
“ใช่...โอ้ยย.....”
“ผลั้วะๆ ผลั้วะ ตุ้บๆ ตั้บๆ ผลั้วะ ตุ้บๆ...”
สิ้นเสียงของทัพพ์แล้วชายหนุ่มก็ผลักชนาทิปออกพุ่งหมัดเข้าใส่กิติภพที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวล้มลงไปกองกับพื้นแล้วกระหน่ำใส่อีกสี่ห้าหมัดก่อนจะหยุดขณะที่เพื่อนอีกสามคนยืนตะลึงเพราะไม่เคยเห็นชายหนุ่มฟิวส์ขาดแบบนี้มาก่อนยกเว้นดิษย์ที่เคยลุยมาด้วยกันตอนเรียนมัธยมต้นที่สระบุรีจนผู้อำนวยการเรียกผู้ปกครองไปพบหลังจากนั้นไม่มีใครกล้าหือกับทัพพ์อีก
“ฝากพวกมึงพามันไปส่งโรงพยาบาลด้วยกูรับผิดชอบทุกอย่าง..” ทวิภาคพูดจบก็หยิบแว่นตามาใส่แล้วเดินออกไปจากบ้านพักของชนาทิป
“ไอ้ดิษย์มึงตาไอ้ทัพพ์ไปเดี๋ยวกูจัดการไอ้บิ๊กเอง” ชนาทิปพูดยังไม่ทันจบดิษย์ก็วิ่งไปที่รถทันทีแล้วขับตามเพื่อนไปติดๆก่อนจะล้วงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงออกมาอย่างทุลักทุเลตาก็มองตามหลังเพื่อนอยู่ไกลลิบๆจะขี่เร็วก็ไม่ได้พอเสียบโทรศัพท์บนแท่นวางตรงแฮนด์รถก็กดโทรออกหาเพื่อนตัวดีทันที
“เฮ้ย ไอ้ทัพพ์รอกูบ้างสิวะ”
“มึงขี่ตามกูมาไม่ใช่เหรอ” ทัพพ์กดบูทูธที่ติดหมวกกันน็อคคุยกับเพื่อน
“ก็มึงขี่เร็วกูตามไม่ทันอ่ะ” ที่จริงเขาก็ตามทันอยู่แต่มันอันตรายเพราะเพื่อนอยู่ในอารมณ์ไม่ปกติ
“เจอกันที่บ้านกู” ทัพพ์บอกเพื่อนแล้วมองกระจกยังไม่เห็นเพื่อนโผล่มาเขาก็ลดความเร็วลงจนเห็นดิษย์ขี่ตามมาจากนั้นเขาก็ใช้ความเร็วปกติขี่ตามกันกลับบ้านที่ตำบลกลางดง
ฟาร์มโคนม ทัพพ์พญา
ตั้งอยู่อำเภอมวกเหล็กอยู่ห่างจากถนนมิตรภาพถนนหลักเข้าไปสิบกิโลเมตรเป็นที่ตั้งของฟาร์มโคนมใหญ่สุดของจังหวัดสระบุรีของกำนันเทิดศักดิ์ พรหมพิริยะ กำนันแหนมทองของจังหวัดสระบุรีท่านเป็นที่นับหน้าถือตาของคนทั้งจังหวัดและอำเภอใกล้เคียงเช่นปากช่องไม่มีใครไม่รู้จักกำนันคนดังและฟาร์มโคนมใหญ่ที่สุดของอำเภอมวกเหล็กที่ผลิตน้ำนมวัวส่งให้สหกรณ์โคนมของจังหวัดซึ่งทำรายได้ให้มากมายต่างจากสมัยก่อนที่ล้มลุกคลุกคลานมาจนกว่าจะมีวันนี้ได้
บ้านปูนสองชั้นหลังใหญ่สไตล์ยุโรปร่วมสมัยตั้งอยู่บนเนินเขาล้อมรอบด้วยแปลงหญ้าเนเปียร์ หญ้ากินนีสีม่วง หญ้าแพงโกล่า ข้าวโพด มันสำปะหลัง ถั่วเหลือง นาข้าวและคอกโคนมนับพันตัว บนเนื้อที่ห้าร้อยไร่ของฟาร์มโคนม ทัพพ์พญา
ร่างสูงใหญ่สมชายชาตรียืนมองอนาจักรของตัวเองที่สร้างมากับมือถึงยี่สิบห้าปีจากที่มีโคนมแค่สิบตัวตอนนี้มีโคนมมากกว่าหนึ่งพันตัวมีโรงเรือนเรียงเป็นแนวยาวอยู่กลางพื้นที่ห้าร้อยไร่ แบ่งเป็นสัดส่วนสำหรับปลูกอาหารสัตว์ ขุดสระน้ำขนาดกว้างสองไร่ถึงห้าแห่งเพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ตอนหน้าแล้ง และบ่อน้ำบาดาลรอบฟาร์มกว่าห้าสิบบ่อเพียงพอสำหรับเลี้ยงโคนมตลอดทั้งปี และติดตั้งระบบโซล่าเซลล์เพื่อใช้ในฟาร์มหลังจากที่ลองผิดลองถูกมาหลายปีจนสุดท้ายก็ประสบความสำเร็จตอนหลานชายคลอดพอดี เขาจึงตั้งชื่อฟาร์มว่า ทัพพ์พญา ซึ่งชื่อนี้เขาตั้งให้หลานชายคนแรกแต่ทางลูกเขยขอตั้งชื่อลูกเองท่านจึงตั้งชื่อเล่นหลานชายว่าทัพพ์ หรือ ทวิภาค อัลบาร์โต้
กำนันเทิด ท่านมีลูกสาวสองคน คนโตชื่อ พริตา แม่ของ ทวิภาคที่แต่งงานกับ มาร์ค หรือ มาร์ติน อัลบาร์โต้ หนุ่มลูกครึ่งไทยอิตาลีรูปหล่อพ่อรวยเจ้าของโรงแรมและอสังหาริมทรัพย์มากมายขนาดมีเมียแล้วยังเนื้อหอมจนทำให้ครอบครัวแตกแยกเพราะเผลอไปมีความสัมพันธ์กับเลขาจนตั้งท้องทำให้เขาต้องรับผิดชอบแต่พริตายอมรับไม่ได้จึงขอหย่ากับสามีหากมาร์ตินไม่หย่าเธอจะฟ้องทำให้สามียอมหย่าแต่ไม่ได้แต่งงานใหม่กับเมียน้อย มาร์ตินซื้อบ้านให้เตชินีอยู่ต่างหากกับลูกสาวและเขาไม่เคยมีความสัมพันธ์กับเตชินีอีกเลยนอกจากรับผิดชอบลูกเท่านั้นจนกระทั่งพริตาเป็นโรคมะเร็งลำไส้ตอนลูกชายอายุสิบห้าปีและเขาก็มาดูใจอดีตภรรยาที่เขารักมากที่สุดและได้ทำผิดต่อเธอจนพริตายกโทษให้แล้วเธอก็เสียชีวิต ลูกสาวคนเล็กชื่อ รติมา แต่งงานกับเดชา อุนิลรัตน์ เจ้าของโรงโม่หินที่อำเภอเฉลิมพระเกียรติ มีลูกสาวหนึ่งคนชื่อ ลักษิกา อุนิลรัตน์ หรือ ลักษ์ สาวสวยวัยใสน่ารักรูปร่างเล็กสูงร้อยหกสิบสาม
