บทที่ 3
วีนัสเดินมานั่งที่โต๊ะทำงานของตนเองก็ต้องเจอกับนายนภลูกน้องมือขวาคนสนิทตัวแสบ ที่พอเห็นเธอก็รีบไถเก้าอี้ทำงานของตัวเองเข้ามาใกล้เก้าอี้ทำงานที่หญิงสาวนั่งอยู่ พร้อมกับเสนอหน้าเข้ามาแซว
“ไงพี่วีนายเรียกไปด่าแต่เช้าแบบนี้เลยเหรอ”
“นภถ้านายยังไม่อยากเจ็บตัวละก็หุบปากไปเลย ว่างมากหรือไงถึงได้มาพูดจากวนประสาทพี่แต่เช้าแบบนี้ คนยิ่งง่วง ๆ อยู่ด้วย”
“กาแฟซักแก้วไหมพี่วีเดี๋ยวจัดให้”
“ก็ดีเหมือนกันขอกาแฟดำไม่ใส่น้ำตาลบีบมะนาวใส่มาให้ด้วยนะ” หลังจากที่เธอดื่มกาแฟเรียบร้อยวีนัสก็เรียกนภมารับงานสองโปรเจ็ค ที่เธอรับผิดชอบอยู่พร้อมกับบรีฟงานคร่าว ๆ ให้ฟัง ซึ่งก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเพราะปกตินภก็เป็นผู้ช่วยของเธออยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงรับรู้เรื่องราวของสองโปรเจคดังกล่าวมาบ้างแล้ว เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้เป็นคนคุมเต็มตัว แต่เป็นเพียงผู้ช่วยคนสำคัญของวีนัสเท่านั้น หลังจากฟังจบนภก็ถามขึ้นมาด้วยความข้องใจ
“พี่วีเอางานของตัวเองมาให้ผมทำ แล้วตัวพี่วีจะไปทำงานอะไร“
“นายไม่รู้สักเรื่องจะได้ไหม” แต่ในที่สุดวีนัสก็ยอมตอบคำถามผู้ช่วยมือขวาของเธอให้หายข้องใจ
“คุณนัทให้พี่ไปรับผิดชอบโปรเจคใหม่ ของบริษัทผลิตครีมบำรุงผิวยี่ห้อดังยี่ห้อหนึ่ง เขาจะทำโฆษณาตัวใหม่โดยระบุให้ศิลปินจากเกาหลีมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ในโฆษณาชิ้นนี้“
“ศิลปินจากเกาหลี...ใครเหรอพี่วี”
“โซจองมิน”
“พี่วีหมายถึงโซจองมินหนึ่งในสมาชิกวงบลูสกาย ที่กำลังมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วเอเซียน่ะเหรอ”
“ใช่คนเดียวกันนั่นแหละ”
“งานยักษ์เลยนะแต่พี่วีซะอย่างสบายอยู่แล้ว”
“งานนี้มันก็ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกนภเอ๊ย” วีนัสบ่นกับตัวเองก่อนจะหันไปรับโทรศัพท์ของลูกค้า ที่มอบหมายให้เธอทำโปรเจคใหม่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสำหรับผู้ชายโดยเฉพาะ คุยกันอยู่สักพักจึงวางสายจากนั้นก็เริ่มลงมือคิดคอนเซ็ปคร่าว ๆ ตามที่ลูกค้าต้องการ
สองอาทิตย์ต่อมาวีนัสเดินทางไปพบลูกค้าที่บริษัทผลิตครีมบำรุงผิวยี่ห้อดัง ที่มาจ้างให้บริษัทของเธอผลิตโฆษณาตัวใหม่ หญิงสาวเดินเข้าไปในบริษัทพร้อมด้วยแฟ้มงาน และอุปกรณ์ที่จะต้องใช้ประกอบการอธิบายงานให้ลูกค้าฟังตามที่ได้นัดหมายไว้ล่วงหน้า บรรยากาศภายในบริษัทของลูกค้าก็เหมือนกับออฟฟิศอื่นทั่วไป เสียงโทรศัพท์ดังเข้ามาไม่ขาดสายพร้อมกับเสียงผู้คนคุยกันจอแจแต่เช้า วีนัสรีบเดินตรงไปที่เคาเตอร์พนักงานต้อนรับพร้อมกับแนะนำตัวเอง
“สวัสดีค่ะ...วีนัสจากบริษัทวิชชั่นแอ็ดเวอร์ไทซิ่งค่ะ”
“คุณวีนัสจะมาประชุมเรื่องโฆษณาตัวใหม่ใช่ไหมคะ เชิญทางนี้เลยค่ะ” หญิงสาวเดินตามพนักงานต้อนรับเข้ามานั่งรอในห้องประชุมซึ่งเพียบพร้อมไปด้วยอุปกรณ์สำนักงานอันทันสมัย ไม่นานนัก “คุณวิว”พนักงานที่รับผิดชอบเรื่องนี้ก็เข้ามาคุยกับเธอ และบอกให้เธอรอสักครู่เพราะพรีเซ็นเตอร์ของโฆษณาชิ้นนี้ยังเดินทางมาไม่ถึง วันนี้หญิงสาวจะได้พบกับพรีเซ็นเตอร์หนุ่มและผู้จัดการส่วนตัวของเขา สาเหตุก็เพราะโซจองมินอยากจะมีส่วนร่วมในงานโฆษณาชิ้นนี้ด้วยตัวเอง
ครึ่งชั่วโมงผ่านไปก็ยังไม่มีวี่แววว่านายโซจองมินจะปรากฏตัวซะที ทำให้หญิงสาวรู้สึกหงุดหงิดกับการเป็นคนที่ไม่ตรงต่อเวลาของเขา แล้วอย่างนี้จะร่วมงานกันได้ตลอดรอดฝั่งเหรอ เจอกันครั้งแรกก็ให้ผู้หญิงมานั่งรอซะแล้วช่างเป็นผู้ชายที่แย่จริง ๆ
และแล้วชายหนุ่มกับผู้จัดการส่วนตัวก็มาถึงห้องประชุม จองมินอยู่ในชุดสบาย ๆ เขาสวมใส่เสื้อยืดสีฟ้าสวมทับด้วยแจ็คเก็ตสีขาวและกางเกงยีนส์สีซีด พร้อมด้วยแว่นตาสีชาสุดเท่ห์ และทันทีที่เขาเห็นวีนัสเขาก็จำเธอได้ ความสวยของเธอสะดุดตาเขาเหมือนเช่นเคย
ที่เขาสนใจเธอเพราะเธอช่างเป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์ดึงดูดเพศตรงข้าม และมีบุคลิกที่โฉบเฉี่ยวที่สำคัญสวยมาก แถมยังมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าเกือบจะตลอดเวลา รอยยิ้มของเธอทำให้โลกนี้ดูสดใส และเพลย์บอยหนุ่มอย่างเขาที่ขึ้นชื่อเรื่องความเจ้าชู้ และมีฉายาคาสโนว่าตัวพ่อต่อท้าย มีหรือจะปล่อยให้เธอหลุดมือไป เมื่อวีนัสหันไปเห็นศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้เธอต้องเสียเวลามานั่งรอเป็นครึ่งค่อนชั่วโมงนั้นก็ต้องถึงกับอึ้ง
“นี่นายเองเหรอ” หญิงสาวพูดพร้อมกับชี้หน้าเขา และนั่นก็สร้างความงุนงงให้กับผู้จัดการส่วนตัวของศิลปิน รวมไปถึงพนักงานของบริษัทที่จ้างเธอมาทำงานนี้ได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
“พวกคุณรู้จักกันมาก่อนเหรอคะ” เมื่อได้ยินคำพูดของคุณวิวซึ่งเป็นตัวแทนของบริษัทครีมบำรุงผิวทำให้วีนัสรู้สึกตัว
“เปล่าค่ะ...วีคงจะจำคนผิด” ที่ต้องพูดแบบนี้เพราะตัวชายหนุ่มเองก็ไม่ได้แสดงทีท่า ว่าเคยพบเธอมาก่อนหรือว่าเขาจะจำไม่ได้ ถึงอย่างไรก็ต้องพักเรื่องที่เธอสงสัยเอาไว้ก่อน เพราะเรื่องงานสำคัญกว่า
หลังจากที่มีการแนะนำตัวกันเป็นที่เรียบร้อย วีนัสก็เริ่มนำเสนอผลงานที่เธอเตรียมมา จองมินนั่งฟังเธอนำเสนอโปรเจคโฆษณาชิ้นนี้อย่างไม่ค่อยจะมีสมาธิมากนัก สาเหตุก็เป็นเพราะเขามัวแต่เฝ้ามองหน้าเธอ ดูเหมือนเขาจะหลงเสน่ห์ดวงตาหวานซึ้งคู่นี้ของเธอซะแล้ว หรือไม่ก็ริมฝีปากบางสีชมพูระเรื่อที่ช่างจำนรรจา และอาจจะรวมไปถึงพวงแก้มเนียนใสอมชมพูนั่นด้วย
แต่หลังจากที่ฟังเธอพูดจบชายหนุ่มก็กล่าวตำหนิเธออย่างไม่ไว้หน้า เกี่ยวกับโปรเจคที่เธอนำมาเสนอในวันนี้ว่ามันไม่ได้เรื่อง และหันไปพูดกับตัวแทนของบริษัท ที่ติดต่อให้เขามาเป็นพรีเซ็นเตอร์ของสินค้าตัวนี้
“ไหนพวกคุณบอกว่าคนที่จะมารับผิดชอบงานนี้ เป็นคนเก่งที่มีฝีมือหาตัวจับยากของวงการโฆษณายังไงละครับ เขาทำได้แค่นี้เองเหรอ” จองมินพูดด้วยมาดกวน ๆ ในแบบฉบับของเขา เมื่อหญิงสาวฟังจบเธอก็พยายามข่มอารมณ์โกรธที่เขาพูดจาดูถูกผลงานของเธอ ทั้งที่ไม่มีความรู้ทางด้านนี้มาก่อนเลย
“ถ้าคุณไม่เห็นด้วยกับโปรเจคที่ฉันนำเสนอไป คุณอยากที่จะให้แก้ไขตรงไหนคะ” วีนัสกล่าวขึ้นในที่สุด
“ไม่ใช่แก้ไขแต่ว่าคุณต้องไปทำมาเสนอใหม่ ผลงานที่คุณนำมาเสนอในวันนี้มันไม่ได้เรื่องเอาซะเลย คุณเรียกมันว่าผลงานได้ยังไงกันนะ แล้วบอกว่าเป็นมืออาชีพ” เขาวิจารณ์งานของเธออย่างไม่เกรงใจ
“ถ้าคุณคิดว่างานที่ฉันนำเสนอไปนั้นมันไม่ได้เรื่อง ไม่มีความเป็นมืออาชีพ คุณช่วยบอกฉันได้ไหมคะว่ามืออาชีพในความคิดของคุณมันจะต้องเป็นยังไง ที่สำคัญงานแบบไหนที่คุณต้องการ” วีนัสพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ไม่เคยมีใครเคยวิพากวิจารณ์งานของเธออย่างไม่ไว้หน้าแบบเขามาก่อนเลย จองมินหัวเราะก่อนที่จะตอบ
“นั่นมันเป็นหน้าที่ของคุณมันไม่ใช่หน้าที่ผม ก็คุณเป็นครีเอทีฟไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมถึงมาย้อนถามผมแบบนี้”
“ก็คุณเป็นคนที่วิจารณ์งานของฉันว่ามันไม่ได้เรื่องไม่มีความเป็นมืออาชีพ”
“ก็มันจริงไหมล่ะ” เขาโต้ตอบหญิงสาวกลับไปทันที วีนัสโกรธมากทำให้เธอพูดกับเขาอย่างไม่ไว้หน้า
“คุณจองมินในเมื่อคุณเป็นพรีเซ็นเตอร์ คุณก็ควรที่จะทำหน้าที่ในส่วนของคุณ สำหรับหน้าที่อื่นฉันจะเป็นคนจัดการเอง แต่ไหน ๆ คุณก็ว่าผลงานของฉันมันห่วยไม่มีความเป็นมืออาชีพ ถ้าอย่างนั้นก็เชิญคุณก็ไปจ้างมืออาชีพที่คุณถูกใจมาทำหน้าที่นี้แทนฉันก็แล้วกัน ฉันไม่ทำมันแล้ว” เธอเชิดหน้าตอบเขากลับไปอย่างถือดี วีนัสลงมือเก็บของที่นำติดตัวมาด้วย และหันไปพูดกับตัวแทนของบริษัทที่นั่งอยู่ในที่ประชุมด้วยเช่นกัน
“ขอโทษนะคะคุณวิว...วีขอตัวก่อนค่ะ” แต่ก่อนที่เธอจะเดินออกไปจากห้องประชุม วีนัสได้หันไปบอกชายหนุ่มผู้ที่วิจารณ์ผลงานของเธอแบบสาดเสียเทเสีย ตั้งแต่ยังไม่ทันได้ลงมือทำ
“ลาก่อนค่ะและหวังว่าเราคงจะไม่ต้องพบกันอีก” จากนั้นก็เดินจากเขาไปด้วยความไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“เราต้องได้พบกันอีกแน่” จองมินบอกกับตัวเองพร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ หลังจากที่ยองซูนั่งฟังมานานก็เอ่ยปากถามจองมินตรง ๆ
“วันนี้นายเป็นอะไรไปกินรังแตนที่ไหนมา ถึงได้ไปต่อว่าวิจารณ์งานของคุณวีนัสแบบนั้น ฉันไม่เห็นว่าผลงานของเธอจะใช้ไม่ได้ตรงไหน หรือว่านายเคยรู้จักกับเธอมาก่อน ไม่น่าเป็นไปได้นายจะไปทำความรู้จักเธอตอนไหน” จองมินไม่ได้สนใจที่จะฟังในสิ่งที่พี่ยองซูผู้จัดการส่วนตัวพูด แต่เขากลับพูดขึ้นมาลอย ๆ
“สวย ฝีปากกล้า แบบนี้สิถึงจะน่าสนใจ”
“หา! นายอย่าบอกฉันนะว่าที่นายไปวิจารณ์งานของคุณวีนัสแบบเสีย ๆ หาย ๆ ทั้งที่นายเองก็ไม่เคยมีความรู้เรื่องเกี่ยวกับการจัดทำโฆษณามาก่อน นั่นเป็นเพราะว่านายรู้สึกชอบเธอ”
“ถ้าผมตอบว่าใช่แล้วมันจะเป็นยังไง” ฮองยองซูฟังแล้วก็อยากที่จะถอนใจออกมาดัง ๆ
“นายไม่คิดว่ามันจะไวไฟไปหน่อยเหรอ ชอบเขาแต่ไปตำหนิผลงานของเขา เป็นการแสดงความรักในรูปแบบที่แปลกประหลาดไปหน่อยไหม แล้วทีนี้จะทำยังไงกันต่อจะไปหาครีเอทีฟที่ไหนมารับผิดชอบโปรเจคนี้”
จองมินไม่สนใจคำพูดของพี่ยองซูอีกเช่นเคย เขาหันไปพูดกับตัวแทนของบริษัทที่จ้างเขามาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้ เขามารู้ชื่อของเธอทีหลังว่าเธอชื่อ “วิว”
“ผมต้องการให้วีนัสเป็นคนทำโปรเจคนี้ต่อไป รบกวนคุณช่วยติดต่อแจ้งไปที่หัวหน้าของเธอด้วยนะครับ ฝากบอกว่าผมต้องการที่จะให้เธอเป็นคนรับผิดชอบโปรเจคนี้ทั้งหมด ขอบคุณครับ” พูดจบเขาก็หันไปบอกกับพี่ยองซู
“เรากลับที่พักกันเถอะพี่ยองซู” จองมินหันไปยิ้มพร้อมกับก้มหัวเล็กน้อยให้กับคุณวิว ก่อนที่จะเดินออกจากห้องประชุมตามด้วยยองซูผู้จัดการส่วนตัวของเขา
