ร้อนรักหัวใจปรารถนา

93.0K · จบแล้ว
วรนิษฐา
60
บท
3.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เธอคือหญิงสาวผู้ชื่นชอบดอกกุหลาบเป็นชีวิตจิตใจ แต่เขาคือชายผู้ซึ่งเกลียดชังดอกไม้ชนิดนี้ฝังใจเช่นกัน แต่การสื่อสารที่ผิดพลาดทั้งคู่ต้องมาอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน จากคู่กัดจึงค่อยๆ เป็นเป็นคู่ใจ แต่กว่าจะรู้ใจก็เกือบสาย

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักโตมาด้วยจีบเมียเก่ารักหวานๆโรแมนติก

บทที่ 1

เสียงฝีเท้าดังลงมาจากชั้นสองของบ้าน บ่งบอกว่าเจ้าของเสียงกำลังรีบร้อนเป็นที่สุด จิราภาหน้าตาตื่นๆ เมื่อเห็นข้อความที่ลูกสาวคนเดียวทิ้งไว้ในห้องนอน เธอกำกระดาษแผ่นนั้นแน่น ก้าวยาวๆ พร้อมทิ้งน้ำหนักเท้าตรงไปยังห้องทำงานของการุณ ผู้เป็นสามี

“คุณคะ คุณ!”

“เกิดอะไรขึ้นคุณจิ” การุณเอ่ยถามภรรยาที่สีหน้ากังวลอย่างเห็นได้ชัด เพราะกลัวจะเกิดเรื่อง ที่คิดแบบนั้นเพราะเดาเอาจากอากัปกิริยาของภรรยา จิราภาคิ้วขมวด ก่อนจะเอ่ยตอบคำถามนั้นของสามีด้วยน้ำเสียงสั่นๆ

“น้องเฟรมไปเมืองไทย”

“อะไรนะ!”

“ลูกไปเมืองไทยค่ะ ไปตอนไหนก็ไม่รู้” จิราภาหันรีหันขวางอยู่ในห้องทำงานสามี เป็นห่วงเจ้าของข้อความนี้เหลือเกิน ทั้งๆ ที่ลูกสาวปีนี้ก็อายุครบยี่สิบสามปีแล้ว แต่ในสายตาคนเป็นแม่ ต่อให้ฤกษ์นาวีย์จะอายุห้าสิบหกสิบปี เธอก็ยังมองเป็นเด็กและคอยห่วงเสมอ

“คุณรู้ได้ยังไง”

“นี่ไงค่ะ ลูกทิ้งข้อความไว้ให้” พูดจบจิราภาก็ส่งกระดาษในมือให้สามีได้อ่าน ข้อความในกระดาษเอสี่บ่งบอกชัดเจนว่าเจ้าของลายมือที่คุ้นตานี้กำลังเดินทางไปเมืองไทยจริงๆ ‘พ่อคะ แม่คะ ไม่ต้องห่วง ถึงเมืองไทยแล้วเฟรมจะติดต่อหานะคะ รัก เฟรม’ อ่านจบการุณก็อุทานชื่อลูกสาวออกมา

“เฟรม!”

“จะทำยังไงดีคะคุณ ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ ญาติพี่น้องที่เมืองไทยเราก็แทบไม่ได้ติดต่อกันเลย เฟรมกลับไปแบบนี้ จะไปอยู่ที่ไหน ยังไง ใครจะดูแล” จิราภาเอ่ยถามสามีเป็นชุด งานของสามี ทำให้ครอบครัวเธอย้ายมาอยู่ที่แคนาดาและตกลงว่าจะอยู่ที่นี่ถาวร นับจากวันแรกจนถึงตอนนี้ก็เกือบจะสิบปีที่ทิ้งบ้านเกิดเมืองนอนมาอยู่ต่างบ้านต่างเมือง

การุณเกาคางใช้ความคิด หนุ่มใหญ่ผู้ประกอบอาชีพเป็นทนายความห่วงลูกสาวไม่น้อย แต่ก็ต้องยอมรับในการตัดสินใจนี้

“ปล่อยลูกไปก่อนแล้วกัน”

“คุณการุณ พูดแบบนี้ไม่ห่วงลูกบ้างเลยหรือไงคะ” ภรรยาเอ่ยถามเสียงสูง เพราะเข้าใจผิดว่าสามีเธอไม่เป็นห่วงลูกบ้างเลย การุณส่ายหน้าให้ก่อนจะเอ่ยขึ้น

“ห่วงสิ แต่ลูกตัดสินใจทำแบบนี้ เราต้องยอมรับ”

“แต่ฉันทำใจไม่ได้ เรามีลูกคนเดียวนะคะ ฉันไม่อยากให้ลูกอยู่ห่างสายตาแบบนี้เลย” คนเป็นแม่คล้ายจะร้องไห้เพราะน้อยใจและเสียใจที่ฤกษ์นาวีย์ทำแบบนี้

“ตามใจลูกหน่อย เพราะที่ผ่านมา เราเหมือนบังคับแกให้ทำตามใจเราสองคนมามากพอแล้วนะ ทั้งเรื่องเรียน ไหนจะเรื่องย้ายมาอยู่ที่นี่อีก” การุณเดินไปหาภรรยา ก่อนจะสัมผัสบ่าเบาๆ เขาพูดไม่ผิด ฤกษ์นาวีย์นั้นทำตามความต้องการของพ่อและแม่มาตลอดยี่สิบสามปี ตั้งแต่สี่ขวบก็เรียนพิเศษเป็นบ้าเป็นหลัง ทั้งภาษาและดนตรีรวมทั้งอื่นๆ ที่พวกเขามองว่าดี

แต่กลับไม่ถามลูกสักคำว่าชอบไหม สิ่งที่เรียกว่าดีจนต้องเรียน แท้จริงแล้วเพื่อหน้าตาพ่อแม่หรือตัวลูกเองกันแน่ และเป็นแบบนี้เรื่อยๆ จนกระทั่งฤกษ์นาวีย์เรียนจบปริญญาโทด้านกฎหมายเหมือนตน ทุกอย่างที่ลูกเรียนนั้น เขาและภรรยาล้วนเลือกให้ทั้งสิ้น โดยบอกเสมอว่านี่คือสิ่งที่ดีแล้ว แม้จะเข้าใจสิ่งที่สามีพูด แต่จิราภาก็ยังพยายามจะค้าน

“แต่ว่า…”

“ผมไว้ใจน้องเฟรมว่าจะเอาตัวรอดได้ เราสองคนรอลูกอยู่ที่นี่ จนกว่าแกจะติดต่อกลับมาแล้วกัน ตกลงไหม” พูดจบก็ส่งยิ้มให้ภรรยาที่ตอนนี้สีหน้ายังกังวลอยู่

“ถึงไม่ตกลง แล้วฉันจะมีทางเลือกอื่นเหรอคะ ไม่เข้าใจเลยจริงๆ น้องเฟรมจะไปเมืองไทยทำไมกัน” จิราภาถอนหายใจออกมาหนักๆ สุดท้ายเธอก็ต้องยอมรับการตัดสินใจของฤกษ์นาวีย์ แต่ช่างเป็นการตัดสินใจที่ทำให้เธอลำบากใจเสียเหลือเกิน

เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นข้างตัว ทำให้วิรุฬห์ละสายตาจากพวงมาลัย เพร4125าะชายหนุ่มกำลังขับรถอยู่บนท้องถนน ก่อนจะเอื้อมมือยาวๆ ไปหยิบ จากนั้นก็กดรับสาย

“ว่าไงปุ๊ก” เสียงทุ้มๆ น่าฟังของชายหนุ่มหน้าตาคมคาย ตามสไตล์หนุ่มไทยที่หล่อเหล่าไม่แพ้ชาติใดในโลก เอ่ยทักปลายสายที่มีศักดิ์เป็นญาติห่างๆ กัน ด้วยนิสัยห้าวๆ ตรงไปตรงมา แม้จะต่างเพศแต่ก็สนิทสนมเข้าใจกันดี

“ถึงไหนแล้วเนี่ยพี่โม”

“กำลังขับรถไปบ้านที่ปุ๊กจะให้พี่อยู่ชั่วคราวน่ะ”

“แน่ใจเหรอพี่โมว่าจะไปอยู่ที่นั่นจริงๆ บ้านมันเล็กนะ ผู้บริหารธุรกิจยักษ์ใหญ่ มีอันจะกินเลือกจะไปอยู่บ้านหลังเท่ารูหนูนั่นได้ยังไง ไม่อยากจะคิด” ศศิธรส่ายหน้าสวยๆ ของเธอไปมา เพราะเมื่อสองสามวันก่อน วิรุฬห์โทรศัพท์หาเธอ ให้ช่วยหาบ้านเช่าให้ บ้านตัวเองมีตั้งหลายหลัง สะดวกสบายทั้งนั้นกลับไม่อยู่ แต่จะไปอยู่บ้านเช่าหลังโทรมๆ คิดแล้วก็ไม่เข้าใจ

“เบื่อนะ อยากหาอะไรทำแบบไม่จำเจบ้าง” วิรุฬห์เอ่ยอย่างที่คิด พักนี้รู้สึกว่าเขาเบื่องาน เบื่อทุกอย่าง จนต้องอยากลาพักร้อนแบบไม่มีกำหนด ปัญหาหลายอย่างรุมเร้าผู้บริหารอย่างเขา โดยเฉพาะปัญหาหนอนบ่อนไส้

“ค่ะๆ… ตามใจพี่โมแล้วกัน” ทั้งคู่คุยกันครู่ใหญ่ก่อนจะกดวางสาย มีเพื่อนหรือญาติสนิทไม่กี่คนที่ทำให้ชายหนุ่มผู้เงียบขรึม จริงจังกับงานเกินกว่าใครจนกลายเป็นคนเข้มงวด คิ้วขมวดแทบตลอดเวลา รู้สึกผ่อนคลายและเป็นตัวของตัวเองได้ถึงขนาดนี้

ความที่ต้องแบกรับภาระของครอบครัวไว้บนบ่าทั้งสองข้างเพียงคนเดียวตั้งแต่ผู้เป็นพ่อเสียชีวิตอย่างกะทันหันด้วยหัวใจวายเฉียบพลัน นักศึกษาปีหนึ่งที่มหาวิทยาลัยแคมบริดจ์ต้องรับตำแหน่งผู้บริการสูงสุดของธุรกิจโทรศัพท์มือถือ เริ่มต้นนั้นมันไม่ง่ายเลย เมื่อเขารู้ว่าธุรกิจที่พ่อทุ่มเทให้มาตลอดชีวิต ไม่ได้สร้างกำไรอย่างที่เขารับรู้มาตลอด รอยยิ้มของพ่อที่เขาเห็น ลึกๆ แล้วมันคือการปกปิดความจริง ว่าตอนนี้ธุรกิจกำลังย่ำแย่ มันสร้างหนี้มากกว่ากำไร

และในฐานะที่เป็นทายาท เขาต้องทำให้ธุรกิจนี้กลับมายืนหยัด รวมถึงขยายธุรกิจให้มั่นคงมากยิ่งขึ้น วิรุฬห์ต้องผ่านบทพิสูจน์มากมาย ท้อและคิดจะถอยหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ทำไม่ได้ เวลาผ่านไปนานบนเส้นทางที่ไม่คุ้นเคยและต้องเรียนรู้ในทุกๆ วัน ในที่สุดเขาก็ทำได้ สิบกว่าปีที่มุ่งมั่นให้กับงาน ทุกอย่างจึงเริ่มลงตัวและถึงเวลาที่เขาจะอยากพักบ้าง พักสมองและพักทุกอย่าง