บทที่3.จบตอน
“คุณพราวคะคุณแพทให้ไปพบที่ห้องทำงานค่ะ”
ผักบุ้งเดินมาบอกหญิงสาวที่กำลังนั่งถอนหญ้าตามโคนต้นไม้อย่างขะมักเขม้น หญิงสาวชะงักมือที่ทั้งถอนหญ้าและพรวนดินหันมามองผักบุ้งด้วยรอยยิ้มสดใส ใบหน้าเรียวเปรอะด้วยดินและเหงื่อโชกเลยทีเดียว
“ขอบคุณค่ะพี่ผักบุ้ง”
หญิงสาวเดินไปล้างมือล้างหน้าแล้วเดินออกไปเงียบๆ ร่างเล็กเดินผ่านคุณเพทายซึ่งนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่เรือนรับรองโดยมีผักหวานบีบนวดให้ เมื่อผักหวานเห็นภาวนาก็เบะปากใส่อย่างหมั่นไส้
“คุณท่านค่ะพราวขอไปพบคุณแพทนะคะ”
“ย่ะฉันรู้แล้ว ถ้าตาแพทไม่มีอะไรจะใช้หล่อนก็อย่ามัวอ้อยอิ่งล่ะรีบมานวดให้ฉัน นังผักหวานนี่นวดแทบไม่รู้สึก” คุณเพทายหันมาทำตาดุใสผักหวานภาวนาจึงรีบเดินออกไป
ภาวนาเคาะประตูไม้สักแกะสลักลายงดงามเบาๆ เมื่อได้ยินเสียงอนุญาตจึงเปิดประตูเข้าไป ก็พบร่างสูงใหญ่ของแพทริกกำลังยืนกอดอกมองไปนอกระหน้าต่างบานยาวจรดพื้นก่อนที่เขาจะหันมามองเธอช้าๆ ใบหน้าที่ภาวนานึกชื่นชมว่าหล่อเหลาราวเทพบุตรนั้นเรียบเฉยดูเย่อหยิ่ง
“ฉันมีอะไรจะให้ทำหน่อย เธอชื่ออะไรนะฉันจำไม่ค่อยได้”
“ภาวนาค่ะ” เธอตอบเรียบๆ สายตามองเพียงระดับอกกว้างของเขา
“อ้อ.. ภาวนา ฉันจะให้เธอช่วยเอากระดาษพวกนี้ไปเก็บไว้ที่ห้องเก็บของหน่อย แล้วแยกให้ด้วยนะว่าเอกสารของปีไหน เกี่ยวกับเรื่องอะไร นี่เป็นเอกสารสำคัญอย่าให้หาย นี่กุญแจห้องเก็บของอยู่ใต้บันได” เขาชี้ไปที่กล่องกระดาษขนาดเอสี่สามลังและแฟ้มสีดำอีกประมาณสิบแฟ้ม
“พอดีฉันชอบทำงานที่บ้านมากกว่าที่บริษัทเลยชอบหอบงานมาทำด้วย อย่างว่านะ ถึงจะมีเทคโนโลยีแต่กระดาษก็จำเป็น”
เขาพูดขณะไขว้ขาอยู่มุมโต๊ะทำงานตัวใหญ่ท่าทางสบายๆ แต่คนที่ลำบากคือเธอ ภาวนาไม่พูดอะไรแต่เดินไปที่กล่องพวกนั้นแล้วจัดแฟ้มเรียงกันไว้ก่อน หญิงสาวยกกล่องใบแรกขึ้นมาก่อนอย่างทุลักทุเลเพราะกระดาษมีอยู่เต็มกล่อง
“อุ้ย ว้าย..”
หญิงสาวอุทานออกมาอย่างตระหนกขณะเดินผ่านหน้าเขาไปด้วยฝีเท้าไม่ค่อยมั่นคงนักทำให้สะดุดขาตัวเองร่างเล็กจึงเซถลาไปข้างหน้าซึ่งเป็นจังหวะที่แพทริกลุกขึ้นพอดีด้วยสัญชาตญาณชายหนุ่มจึงวาดแขนออกไปรับร่างเล็กๆ นั้นไว้ได้ทันก่อนที่เธอจะล้มลงต่อหน้าต่อตาเขา
“เดินยังไงให้ล้มนะเธอนี่”
แพทริกดุเสียงห้าวดังอยู่ชิดแก้มนวลใสตามธรรมชาติด้วยความตกใจภาวนาจึงหันมาทางต้นเสียงทำให้ปลายจมูกเล็กสัมผัสกับปลายจมูกคมของเขาอย่างไม่ตั้งใจและเสี้ยววินาทีนั่นเองดวงตาสองคู่ได้สบกันอย่างจัง โลกทั้งโลกของเขาและเธอเหมือนหยุดหมุนไปชั่วขณะความสบสนหวั่นไหวหลากหลายอย่างประดังเข้ามาจนตั้งตัวไม่ทันและเป็นแพทริกที่รู้สึกตัวก่อนชายหนุ่มรีบปล่อยร่างบางทันทีจนคนที่ยังไม่ทันตั้งตัวร่วงลงไปกองกับพื้นเหมือนเศษผ้าขี้ริ้วอย่างไรอย่างนั้น
“รีบทำงานให้เสร็จภายในครึ่งชั่วโมงนี้นะ เพราะฉันมีงานให้เธอทำต่อ..”
พูดจบร่างสูงก็เดินออกไป ภาวนาถอนหายใจเฮือกใหญ่มองกระดาษที่ปลิวออกจากกล่องที่ล้มเอียงกะเท่เร่อยู่กับพื้นพรมอย่างเศร้าสร้อย
หญิงสาวสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ วันนี้เธอจะต้องทำงานให้เสร็จเร็วที่สุดไม่ให้มีงานค้างเพราะเธอจะต้องไปเยี่ยมแม่ โชคดีที่คุณเพทายยังพอมีเมตตาต่อเธอบ้างด้วยการอนุญาตให้เธอไปเยี่ยมแม่ได้ทุกเย็นหลังจากทำอาหารเย็นแล้ว เธอจะอยู่กินข้าวหรือไม่พวกเขาไม่เคยสนใจอยู่แล้ว นั่นคือสิ่งที่เธอเองก็ต้องการ ยิ่งไม่สนใจเธอเท่าไหร่ยิ่งดีเพราะมันทำให้เธอได้มีเวลาของตัวเองบ้างหลังจากที่ทำงานเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน
ภาวนารีบยกกล่องลงมาที่ห้องเก็บของใต้บันไดด้านหลังตึกใหญ่ห้องเก็บของที่แพทริกพูดถึงนั้นใหญ่กว่าบ้านหลังเล็กของเธอที่อยู่ก่อนหน้านี้อีก มีชั้นเก็บของมั่นคงแข็งแรงและยังสะอาดสะอ้านอีกด้วย นี่ละนะบ้านมหาเศรษฐีจะทำอะไรก็ดูดีไปเสียหมด ภาวนารีบจัดการเอกสารตามที่เขาสั่งโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้างแต่แล้วก็มีสิ่งมาดึงดูดความสนใจเธอเสียก่อน
“นี่หล่อน..” เสียงเรียกแบบจิกหัวดังขึ้นเป็นช่วงเวลาพอดีที่เธอเก็บเอกสารเข้าแฟ้มเก็บอันสุดท้ายเสร็จพอดี
“นังขี้ข้าฉันเรียกไม่ได้ยินรึไงยะ”
เสียงไม่คุ้นหูทำให้ภาวนาไม่อยากจะสนใจหันไปมองเธอจึงค่อยๆ เก็บแฟ้มวางบนชั้นช้าๆ เพื่อยั่วโทสะของใครคนนั้น
“เข้าไปตบมันเลยค่ะคุณโรซี่ มันท้าทายคุณโรซี่นะคะเอาเลยค่ะเดี๋ยวผักหวานช่วย”
เสียงผักหวานยุยงภาวนายิ้มในหน้าเมื่อรู้แล้วว่าผู้มาใหม่คือใครแล้วเสียงรองเท้าส้นสูงเดินเร็วๆ เข้ามาตามคำยุนั้นส่งผลให้มือเล็กจับสันแฟ้มไว้แน่น
“เรียกไม่หันใช่มั้ยรู้น้อยไปซะแล้วว่าฉันเป็นใคร..”
โรซี่ ซึ่งหมายจะเข้ามาตบหญิงสาวที่ผักหวานบอกว่าเป็นเมียของชายหนุ่มที่ตนหมายปองและถ้อยคำยุยงที่ได้ยินก่อนหน้าสร้างความรุ่มร้อนให้เธอจนไม่อาจทนเก็บไว้ได้ แต่เมื่อเธอคว้าไหล่บอบบางของคนตัวเล็กซึ่งสูงน้อยกว่าตนหลายเซนติเมตรให้หันกลับมาพร้อมทั้งเงื้อมือหมายจะตบให้หายเจ็บใจก็กลายเป็นว่าเธอถูกแฟ้มหนาอย่างดีฟาดลงบนใบหน้าเสียโครมใหญ่จนร่างระหงเซถลาไปหลายก้าว หากไม่มีผักหวานรับไว้ก็คงล้มไปกองกับพื้นเป็นแน่แท้
“กรี๊ดดด แกตบฉัน”
“ฉันจะทำมากกว่าตบอีกหากพวกเธอเข้ามาอีกแม้แต่ก้าวเดียว”
ภาวนากำหมัดแน่นตั้งท่าเหมือนนักมวยที่เจนเวที โรซี่กับผักหวานทำท่าลังเลแต่ทั้งสองคิดว่าตนเองมีสองคนแต่ภาวนาแค่คนเดียวซ้ำยังตัวเล็กกว่า
“แกคิดว่าจะสู้พวกฉันได้เหรอ” ผักหวานปากดีท้าทาย
“ได้ไม่ได้ก็ลองดู” ภาวนาค่อยๆ เดินมาหาทั้งสองด้วยแววตากร้าว โรซี่กับผักหวานถอยกรูไปเล็กน้อย
“ไปจับตัวมันไว้สิผักหวาน ถ้าแกจับมันได้ฉันจะให้รางวัลแกอย่างงามเลย”
เมื่อได้ยินดังนั้นผักหวานก็ปรี่เข้ามาหมายจะจับตัวภาวนาให้โรซี่จัดการ แต่ภาวนาใช้ความคล่องปราดเปรียวกว่าหลบมือของผักหวานแล้วอาศัยจังหวะที่ผักหวานยังไม่หันกลับมาถีบก้นเข้าไปอย่างจังจนผักหวานหน้าคะมำล้มลงกับพื้นส่วนโรซี่ที่ถลาเข้ามาอีกด้วยความเจ็บใจเอื้อมมือมาคว้าหมับจิกเข้าที่ศีรษะของภาวนาแล้วกระชากอย่างแรงแต่ภาวนาเองก็ไม่ยอมให้โรซี่จัดการกับเธอได้ง่ายๆ เธอจึงจิกแขนของโรซีเต็มแรงแล้วเหวี่ยงตัวโรซี่สุดแรงเกิดคนที่ประมาทคนตัวเล็กกว่าจึงกระเด็นไปล้มทับผักหวานที่กำลังจะลุกขึ้นมาจนทั้งสองล้มกองกันกับพื้นอีกรอบ
“กรี๊ดดด อ๊ายยย” สองสาวกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ภาวนายิ้มเยาะแล้วเดินออกไปจากห้องเก็บของพร้อมทั้งปิดไฟแล้วปิดห้องปิดล็อกทันที
“อยู่ในนั้นกันก่อนนะ พวกหมาหมู่” หญิงสาวยิ้มกับประตูแล้วก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อเสียงห้าวๆ ดุๆ ดังขึ้น
“เธอมัวทำอะไรอยู่” แพทริกกอดอกมองเธอด้วยแววตาขุ่นๆ ภาวนาก้มหน้านิ่งแล้วยื่นกุญแจคืนให้เขาก่อนจะเดินเลี่ยงออกไป
“เดี๋ยว.. งานที่ให้ทำน่ะเสร็จแล้วใช่ไหม”
“ค่ะ” หญิงสาวหันมาเผชิญหน้ากับเขาช้าๆ สายตามองเพียงปลายเท้าในรองเท้าลำลองยี่ห้อดัง
“แล้วนั่นเธอจะไปไหน”
“ไปทำอาหารเย็นให้คุณท่านค่ะ” ภาวนาตอบเรียบๆ เท่าที่จำเป็น
“งั้นก็ไปได้”
“ค่ะ เอ่อ.. คุณแพทริกคะ”
“มีอะไร” ชายหนุ่มที่กำลังจะเดินไปยังเรือนเล็กในสวนหยุดเล็กน้อยหันมามองเธออย่างสงสัย
“คือ.. พอดีว่าฉันขังหมาบ้าไว้ในห้องเก็บของสองตัว ยังไงฝากคุณจัดการด้วยนะคะ”
พูดจบหญิงสาวก็เดินลิ่วออกไปทันที ปล่อยให้แพทริกมองตามอย่างไม่เข้าใจ ชายหนุ่มหันไปมองห้องเก็บของแล้วมองหลังไวๆ ของภาวนาแล้วก้มมองกุญแจในมือของตนอย่างสงสัย
แพทริกเดินไปที่ห้องเก็บของแล้วก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงเหมือนมีอะไรเคาะประตูอยู่ด้านในและเสียงกรีดร้องฟังดูเหมือนเสียงลิงหรือชะนีกรีดร้องวี๊ดๆ ด้วยความโกรธมากกว่าเสียงสุนัข แล้วที่นี่มีเพียงสุนัขพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ผสมบางแก้วของเขาตัวเดียวชื่อเจ้า ทอมมี่ ซึ่งมันถูกนำตัวไปทำหมันที่โรงพยาบาลสัตว์เมื่อวานและเขาก็กำลังจะออกไปรับมันกลับบ้านวันนี้
“จะมีหมาบ้าได้ยังไงกันนะ” ชายหนุ่มตัดสินใจไขกุญแจออกแล้วเมื่อประตูเปิดออกทั้งโรซี่และผักหวานก็โผออกมาทันที
“กรี๊ดดด แพทขา ช่วยโรซี่ด้วย ฮือออ” โรซี่โผเข้ากอดเขาทันที
“อะไรกันนี่โรซี่ คุณมาได้ยังไง” แพทริกพยายามแกะมือเหนียวหนึบของโรซี่ออกแต่ก็ยากเย็นเหลือเกิน
“เอะอะอะไรกันน่ะตาแพทเสียงดังไปถึงโน่น” คุณเพทายเดินลิ่วๆ มาพร้อมกับผักบุ้ง
“นังผักหวานแกมาทำอะไรที่นี่” ผักบุ้งถามน้องสาวหน้ายุ่ง เค้าลางความวุ่นวายมาเยือน
“คุณท่านคะ ช่วยผักหวานด้วยค่ะ นัง เอ่อ คุณพราวน่ะสิคะ ทำร้ายแขกคุณแพทแล้วยังขังพวกเราไว้ในห้องเก็บของด้วยค่ะ”
“ก็ถ้าแกไม่ไปยุ่งกับเขาก่อน เขาจะยุ่งกับแกเหรอนังผักหวาน”
“นี่พี่ผักบุ้ง น้องตัวเองโดนรังแกนะ ยังจะไปปกป้องคนอื่นอีก” ผักหวานแหวใส่พี่สาวอย่างลืมตัว
“พอทั้งสองคนนั่นล่ะ แล้วนี่หล่อนมาได้ยังไงกันแม่โรซี่”
คุณเพทายกอดอกมองโรซี่อย่างไม่ชอบใจพลางปรายตามองลูกชายตัวดีซึ่งหันมายิ้มแหยๆ ให้มารดา
“แม่ไม่ชอบเลยนะแพทที่ผู้หญิงของลูกมาวุ่นวายที่บ้าน นี่ไปก่อเรื่องที่บริษัทไม่พอใช่ไหม นี่ยังเห็นหัวแม่กันอยู่รึเปล่า”
คุณเพทายถามเสียงเขียวไม่พอใจรุนแรงที่ผู้หญิงของลูกชายเริ่มล้ำเส้นมากเกินไป
“โธ่.. คุณแม่ครับ ผมไม่ได้ให้เธอมาหาผมเลยนะครับ อีกอย่างผมก็ไม่เคยคิดจริงจังกับพวกเธอเลย คุณแม่ก็รู้”
“ใช่.. แม่รู้ แต่ผู้หญิงพวกนั้นเขาไม่ได้คิดเหมือนลูกนี่นา เขาคิดตรงกันข้ามบอกไว้เลยนะอย่าให้มีเหตุการณ์แบบวันนี้อีก และหวังว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผู้หญิงของลูกมาวุ่นวายที่นี่ หากยายพวกนั้นจะตบตีแย่งชิงลูกก็บอกให้พวกหล่อนไปไกลๆ ที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ที่ของเทเลอร์” คุณเพทายพูดอย่างจริงจังทั้งน้ำเสียงและแววตา
“แต่คนของคุณแม่ก็ทำร้ายเขานะครับ” แพรทิกพยายามเบี่ยงเบนความสนใจมารดา
“ก็นั่นล่ะคือสิ่งที่แม่ต้องการ แม่ให้ภาวนามาก็เพื่อจัดการผู้หญิงของลูกไงล่ะ แต่หากมีมาบ่อยๆ แม่ก็จะหามาเพิ่มอีกสักคนสองสามคน”
พูดจบคุณเพทายก็เดินออกไปจากห้องนั่งเล่นปล่อยให้แพทริก หงุดหงิดอยู่คนเดียว และสงสัยเหลือเกินว่าภาวนาทำร้ายคนอย่างโรซี่กับผักหวานได้จริงๆ หรือและที่ผักหวานเล่ามาอย่างออกรสว่าภาวนาทั้งถีบทั้งตบตนกับโรซี่มันดูเหลือเชื่อเกินไป
“ตัวเล็กนิดเดียวท่าทางติ๋มๆ จะทำแบบนั้นได้ยังไงกัน ไม่น่าเชื่อ แต่ก็น่าจะเป็นไปได้ไม่อย่างนั้นคุณแม่ไม่ลงทุนขนาดให้มาเป็นเมียเราหรอก คุณแม่ต้องเห็นอะไรในตัวแม่นั่นสักอย่าง..”
แพทริกขบคิดอยู่คนเดียวและเริ่มสนใจภาวนาขึ้นมาติดหมัด และต้องรู้ให้ได้ว่ายายมอมแมมของเขาทำอะไรแบบนั้นได้อย่างไร
