
บทย่อ
สามี แปลว่า นาย แต่ขณะนี้เขาไม่แน่ใจในสถานะของตัวเองนัก เพราะดูเหมือนภรรยาสุดที่รักจะปฏิบัติต่อเรือนกายเขาตามอำเภอใจหล่อนราวกับเขาเป็นทาส แต่เขาก็รักการตกเป็นทาสนี้ถึงกับครางเสียงดังด้วยความพึงพอใจ เมื่อปากนุ่มยุติการจูบระไปบนผิวกายเขามาหยุดลงที่บริเวณกลางลำตัวสะโพกเขาแอ่นขึ้นทันทีที่ปลายลำเนียนเรียบรูปทรงดอกเห็ดขับน้ำใสๆออกมาเรียบร้อย ถูกครอบด้วยริมฝีปากหยักอิ่ม เธอรับรู้ได้ สิ่งที่ตอกตรึงร่างเธอไว้กับที่นอนเครียดแข็งขยายใหญ่โตจนสร้างความอึดอึดจนเธอต้องหายใจทางปาก อีกครั้ง แล้วโลกส่วนตัวของเธอ ก็เริ่มถูกจับเขย่าด้วยการโจนจ้วงซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทุกจังหวะที่เสาเอกกดระทุ้งถอน ความรู้สึกเสียวซ่านแทบจะทำให้เธอลืมว่าตัวเองเป็นใคร
ร่านรักคืนร้อน / ตอนที่ 1
จิตรามาสนอนกระสับกระส่ายไม่อาจข่มตาหลับได้ นึกอิจฉาหญิงสาวที่นอนอยู่ห้องเดียวกันที่ช่างหลับได้หลับดี
อันที่จริง แม้ไม่อิจฉาเรื่องหลับนอนเธอก็คงอิจฉาพริ้ม หรือพิมพ์อรอยู่นั่นเองในหลายเรื่อง หลายวาระ
เธอกับพริ้มเป็นเด็กกำพร้า เป็นลูกที่พ่อแม่ไม่ต้องการทั้งคู่
สถานสงเคราะห์สำหรับเด็กกำพร้าคือบ้านที่ทั้งสองรู้จัก
เธออายุหกขวบแล้วขณะที่พริ้มเพิ่งจะห้าขวบเศษ เมื่อหม่อมเจ้าหญิง ไขศรีวัลย์ ภุชงค์ ทรงมีโอกาสได้ทอดพระเนตรเด็กหญิงทั้งสอง และตัดสินพระทัยอุปการะ ด้วยการนำเด็กน้อยทั้งสองที่ติดกันเป็นตังเมมาเลี้ยงดูที่วังในฐานะผู้ปกครองตามกฎหมาย
ท่านหญิง ไขศรีวัลย์ มีทรัพย์ศฤงคารมากมาย พูดภาษาชาวบ้านก็ต้องว่าท่านรวยมาก แต่ก็ทรงดำรงองค์อย่างสมถะ
ท่านหญิงไม่เคยผ่านการเสกสมรสตลอดชนมายุ ปัจจุบันย่างเจ็ดสิบแปดพรรษา เป็นเจ้านายที่มีพระทัยกว้างดุจแม่น้ำ โปรดที่จะทำบุญสุนทาน โดยเฉพาะในเรื่องอนุเคราะห์ อุปถัมภ์เด็กด้อยโอกาสด้วยราชทรัพย์ส่วนองค์เองที่ทรงมีอยู่เหลือเฟือ
เธอกับพริ้มได้รับโชคดีกว่าเด็กคนอื่นๆในพระอุปถัมภ์ ตรงที่ท่านทรงเลือกที่จะนำตัวออกจากสถานสงเคราะห์มาดูแลด้วยองค์เองอย่างใกล้ชิด
แม้ท่านหญิงมิถึงกับทรงจดทะเบียนรับทั้งคู่เป็นบุตรบุญธรรม แต่เธอกับพริ้มก็ถูกดูแลมาด้วยพระเมตตาประดุจลูกหลาน มากกว่าจะเป็นเด็กรับใช้ในวังของท่านหญิง เป็น ‘คุณจิต’ และ ‘คุณพริ้ม’ ของคนรับใช้ ไม่ใช่ ‘นังจิต’ ‘นังพริ้ม’
จิตรามาสถอนใจเฮือก เมื่อไม่สามารถข่มตาหลับลงได้
หญิงสาวผุดนั่งมองขวางๆ ไปยังร่างที่นอนหันหลังให้บนเตียงเดี่ยวขนาดเดียวกันห่างออกไปอีกมุมหนึ่ง ก่อนก้าวลงจากเตียง เดินไปชะโงกหน้าดูเพื่อนร่วมห้อง
จิตรามาสเป็นคนสวยที่รู้ตัวเองว่าสวย และเธอก็ภูมิใจในความสวยของตัวเองนี้ค่อนข้างมาก
แต่ขณะยืนมองเพื่อนที่กำลังหลับสนิท หายใจเข้าออกเป็นจังหวะสม่ำเสมอเบาๆ หัวใจจิตรามาสก็ร้อนรนเพราะความริษยาในความงามพิสุทธิ์ยิ่งพิศยิ่งชวนมองกว่าความสวยเย้ายวนของตน
พริ้มมีเรือนร่างบอบบางอ้อนแอ้น ต่างจากรูปทรงของเธอที่โดดเด่นด้วยส่วนโค้งเว้าตรงจุดที่บ่งบอกความเป็นอิตถีเพศ เป็นสาวประเภท เนื้อ นมไข่ ตามภาษาคะนองปากของพวกผู้ชาย
จิตรามาศมองผมยาวถักเปียหลวมๆอันใหญ่ มองเลยถึงผิวแก้วเนียนใสกระทั่งขนตาดำขลับงอนเป็นแพทาบบนผิวแก้มบางเนียน แล้วก็นึกอยากหากรรไกรเล็กๆ มาตัดมาขลิบขนตางอนช้อยให้หมดไปด้วยความอิจฉา
จมูกโด่งเรียว ปากงามได้รูปหุบสนิทละม้ายคล้ายจะยิ้มในหน้าราวว่ากำลังฝันดีนั้นอีก...ไม่มีที่ติเลยจริงๆ
ทำไมหนอ ฟ้าส่งจิตรามาสมาเกิดแล้วไยต้องส่งพริ้มมาร่วมโลก แถมยังร่วมบ้านเดียวกันด้วยเล่า
ก็ในเมื่อฟ้าประทานความสวยโดดเด่นแก่จิตรามาส ก็แล้วทำไมต้องประทานความงามอ่อนช้อยบอบบางดูน่าทะนุถนอมแก่พริ้มให้มาเป็นคู่แข่ง?
จิตรามาสรีบยืดตัวจากที่ก้มลงมองหญิงสาววัยอ่อนกว่าสี่เดือน ก่อนจะเผลออารมณ์ที่เต็มไปด้วยความอิจฉาในความงามละเอียดอ่อนของผิวแก้ม รวมถึงเครื่องหน้าที่รับกันเหมาะเจาะ ด้วยการยื่นมือไปทำลายความงามนั้นด้วยใจริษยา
ซึ่งแน่ล่ะว่า ถ้าเธอทำอะไรพริ้มลงไปดั่งใจนึก ตัวเธอเองก็คงมีอันเป็นไปในลักษณะเดียวกันอย่างไม่ต้องสงสัย ในเมื่อเป็นที่รู้กันอยู่ ว่าท่านหญิงผู้ปกครองตามกฎหมายที่อยู่ในวัยชราแต่สุขภาพพลามัยคงทรงแข็งแรง มีพระหทัยรักใคร่เอ็นดูในตัวพริ้มแค่ไหน
ท่านหญิงไม่เคยเสกสมรส ไม่เคยทรงครรภ์มีโอรสหรือธิดา แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าหากองค์ท่านมีโอรสหรือธิดาของท่านเองจะทรงรักใคร่เมตตาเท่าที่ทรงมีให้แก่พริ้ม เด็กสาวกำพร้าที่ท่านทรงชุบเลี้ยงมาแต่เยาว์วัย หรือไม่
ท่านหญิงทรงมีความยุติธรรมไม่ด้อยกว่าคุณธรรม แต่จิตรามาสก็รู้มานานแล้วว่าผู้ปกครองสูงศักดิ์ และสูงวัยของเธอนั้น มีพระหทัยสนิทเสน่หาพริ้มมากกว่าตัวเธอ
ก็อาจจะเป็นได้ว่า พริ้มว่านอนสอนง่ายกว่า น่ารัก น่าทะนุถนอม ชวนรักใคร่เอ็นดูมากกว่า
จิตรามาสยอมรับ ว่าเธอนั้นไม่อาจวางตัวเป็นกุลสตรีที่เพียบพร้อมด้วยคุณสมบัติเบญจกัลยาณี ได้ทัดเทียมพริ้มผู้แสนอ่อนโยน อ่อนหวาน มีจิตใจงามเท่าๆ กับความงามในรูปลักษณ์ ที่คนสวยสะดุดตาอย่างเธอไม่อาจข่มได้ลงจนแล้วจนรอด
อาจจะฟังตลก ที่ท่านหญิงไขศรีวัลย์ทรงชุบเลี้ยงเด็กกำพร้าสองคนมาด้วยจิตเมตตาแบบเดียวกัน ในสภาพแวดล้อมเดียวกัน ด้วยคำสั่งสอนไม่ต่างกัน แต่เด็กทั้งสองก็เติบใหญ่ขึ้นมามีลักษณะนิสัยไปกันคนละทาง
พริ้มอ่อนหวาน มีความเป็นกุลสตรีผู้ดีเพียบพร้อม พูดน้อย ขี้อาย ขณะที่จิตรามาสก๋ากั่น มีความคิดอ่านที่เรียกว่าล้ำยุค ทั้งยังชอบพูด ชอบว่ากระทบกระแทกแดกดันคนอื่นเขาเรื่อยไปเมื่อเกิดความไม่พอใจขึ้นมา
หญิงสาววัยยี่สิบผละจากข้างเตียงเพื่อนร่วมห้อง เดินไปยืนเหม่อมองออกนอกหน้าต่างที่เปิดเอาไว้รับลมเย็น
ตาเธอแข็งค้าง หัวใจ อารมณ์ของเธอ ร้อนรนทุรนทุรายแปลกๆ จนเจ้าตัวก็อธิบายไม่ถูก
ไกลออกไปลิบๆ คือผิวน้ำระยิบระยับจากแสงจันทร์ที่ตกกระทบ
อุปาทานทำให้เธอแว่วเสียงคลื่นแล่นเข้ากระทบฝั่ง ทั้งที่ตำหนักไขศรีของท่านหญิงอยู่ห่างไกลจากชายหาดขึ้นเนินมาไกลพอสมควร
จิตรามาสถอนหายใจอีกเฮือกพร้อมยอมรับความจริงว่า ที่ยังตื่นตาอยู่นี้ไม่ใช่เพราะแปลกที่
