บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 6 ข่าวลือ[2]

"ท่านอ๋องเพคะ" เสียงหวานของใครบางคนก็ดังขึ้นเสียก่อน ทำให้ทั้งคู่หยุดชะงัก ยิ่งคังจื่อถึงกับยืนทึ่มทื่อ ท่านอ๋อง? อ๋องอะไรอีกวะ อาหวายไม่เห็นเคยบอกเลย หน้าผากเริ่มมีเหงื่อซึมออกมา

เมื่อเห็นเหว่ยอ๋องยังกอดเอวเด็กสาวไม่ยอมปล่อย สนมว่าน หนึ่งในสนมปลายแถวของฮ่องเต้ ก็รู้สึกไม่ค่อยพอใจเท่าใดนัก เพียงแต่เก็บอาการเอาไว้อย่างแนบเนียน "เห? คุณหนูผู้นี้คือ?"

"คุณหนูคัง ฮองเฮาทรงกำลังรอท่านอยู่นะเจ้าคะ" เมื่อสบโอกาสนางกำนัลรีบเอ่ยปากทันที 

คราวนี้เหว่ยอ๋องยอมปล่อยอ้อมแขนออกแต่โดยดี "หลานสะใภ้?"

"เพคะ หม่อมฉันทูลลา" คังจื่อคิดเพียงต้องรีบชิ่งหนี เพราะนึกได้แล้วว่าบุรุษตรงหน้าคือผู้ใด ชื่อเสียงของเหว่ยอ๋องไม่ค่อยดีนัก อยู่ห่างไว้เป็นดีที่สุด 

ขาเรียวเล็กก้าวอย่างว่องไวแทบจะกลายเป็นวิ่ง ลืมเรื่องกริยามารยาทอันดีงามที่หวายซีสอนเอาไว้จนหมดสิ้น 

เหว่ยอ๋องหรี่ตามองตามแผ่นหลังบอบบางจนลับตา ไม่รู้ว่าในใจคิดสิ่งใด 

"ท่านอ๋องเพคะ"

สายตาเย็นชาเหลือบมองสตรีของพี่ชาย ที่เคยเป็นอดีตคนรักอย่างไม่ค่อยพอใจเท่าใดนัก "สนมอย่างเจ้า โดนลดขั้นจนตกต่ำถึงเพียงนี้แล้วยังมิเข็ดอีกหรือ เสด็จพี่ของข้าหาได้มีเมตตาอย่างที่เจ้าคิด อย่าหาเรื่องตายจะดีกว่า"

เอ่ยจบเหว่ยอ๋องก็สาวเท้าจากไปทันที ทำให้สนมว่านนึกโกรธมากขึ้นไปอีก แต่ไม่กล้าเอ่ยอะไรมากกว่านี้ ภาพใบหน้าหล่อเหลายกยิ้มยามที่มองสตรีอื่นทำให้นางเกิดความอิจฉา

คังหวายซี ฮึ!

คังจื่อนั่งตัวลีบต่อหน้าพระพักตร์ของฮองเฮา โดยไม่รู้เลยว่าตนเองได้สร้างเรื่องให้กับหวายซีเข้าให้แล้ว 

คังฮองเฮา มองสำรวจเด็กสาวตรงหน้าอย่างละเอียด เห็นครั้งแรกนางก็รู้ทันทีว่าเด็กคนนี้ไม่ใช่หวายซี แต่ก็ยังพอรู้ว่าต้องเป็นลูกหลานคนใดคนหนึ่งของตน จึงทรงทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น เพราะหากเรื่องนี้เล็ดลอดออกไป ถือว่าเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย

พระองค์ทรงรับสั่งให้นางกำนัลล่าถอยออกไปจนหมด

"เจ้าเป็นใคร?"

คังจื่อลนลานคุกเข่าโขกศีรษะด้วยความหวาดกลัว "กะ..กระหม่อมคังจื่อพ่ะย่ะค่ะ สะ..เสด็จป้า"

"เป็นชายหรือ?!"

ขมับทั้งสองข้างของฮองเฮาถึงกับเต้นตุบๆ นี่นางมีหลานชายที่รูปร่างราวอิสตรีเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน มิหนำซ้ำยังมีรูปร่างหน้าตาคล้ายคังหวายซีราวกับฝาแฝด ฮองเฮาอดไม่ได้ต้องยกมือนวดขมับ

"ลุกขึ้นก่อน แล้วเล่าให้ข้าฟังทุกอย่าง ห้ามปิดบังแม้แต่เรื่องเดียว"

คังจื่อทำตามอย่างว่าง่าย เล่าให้ผู้เป็นป้าฟังทุกเรื่อง หลังจากฟังจบ พระพักตร์ของฮองเฮากลายเป็นซีดขาวในทันที เรื่องที่หลานชายผู้นี้เล่า เหตุใดนางถึงได้ไม่เคยคิดมาก่อนเลย

เพราะเชื่อในคำสาบานของบรรพบุรุษ ถึงได้นิ่งนอนใจ พอได้ฟังการคาดเดาของคังหวายซีที่บอกกับคังจื่อ ทำให้คังฮองเฮาเริ่มที่จะมองเห็นความเป็นจริง

"นางคิดจะทำอะไรต่อไป ได้บอกเจ้าหรือไม่"

"อาหวายต้องการกำลังคนพ่ะย่ะค่ะ นางบอกว่าหากรู้เขารู้เรารบร้อยครั้งย่อมชนะร้อยครั้งพ่ะย่ะค่ะ"

"แล้วนางจะไปหาจากที่ใดกัน ซีเอ๋อเป็นเพียงเด็กสาวที่อยู่แต่ในเรือนมิใช่หรือ?"

"จากสหายของกระหม่อมเองพ่ะย่ะค่ะ"

คังฮองเฮาเริ่มรู้สึกถึงหายนะที่กำลังย่างกรายเข้ามาใกล้ตระกูลคัง ทุกวันนี้นางนั่งอยู่บนบัลลังก์หงส์ก็จริง แต่ก็คล้ายเป็นเพียงตุ๊กตาผ้าตัวหนึ่งเท่านั้น ไม่เคยได้รับความรักความโปรดปราณจากองค์ฮ่องเต้ ไม่มีบุตรชายช่วยเสริมอำนาจ

เดิมทีนางก็เพียงอยู่ไปตามหน้าที่เพื่อรอวันตาย แต่พอมาได้ยินเรื่องเช่นนี้ นางคงมิอาจปล่อยวางได้อีกแล้ว 

"เจ้ากลับไปบอกซีเอ๋อ ให้ระวังตัวให้มาก ข้าจะหาทางช่วยอีกแรง"

"พ่ะย่ะค่ะ เสด็จป้า" คังจื่อแอบถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ผ่านด่านฮองเฮาไปได้

แต่ก็ยังอดที่จะกังวลเรื่องที่ตนเองเสียมารยาทกับเหว่ยอ๋องไม่ได้ ทำได้แค่สวดภาวนาให้ญาติผู้พี่ในใจ เพราะถึงอย่างไรเหว่ยอ๋องคงจะจดจำแต่คุณหนูคัง หากว่าทรงกริ้ว ผู้ที่รับเคราะห์ย่อมเป็นคังหวายซี

หลังจากทรงทราบความจริงทุกอย่างแล้ว คังฮ่องเฮารีบสั่งให้หลานชายกลับจวน ก่อนที่จะมีผู้ใดพบเห็นอีกฝ่ายมากไปกว่านี้ 

เมื่อคังจื่อกลับมา ก็ยังไม่เห็นวี่แววของคังหวายซี เจ้าตัวถึงกับนั่งไม่ติด เดินไปเดินมาราวกับหนูติดจั่น 

ในเวลาเดียวกันนั้น ภายในเมืองก็เกิดข่าวลือเรื่องใหญ่ขึ้น และยังลุกลามไปทั่วเมืองหลวงอย่างรวดเร็ว เรื่องของคุณหนูใหญ่แห่งจวนคังกั๋วกง ผู้เป็นว่าที่ไท่จื่อเฟย ยั่วยวนเหว่ยอ๋องพระอนุชาร่วมอุทรเพียงคนเดียวขององค์ฮ่องเต้ 

คังหวายซีที่อยู่ข้างนอกได้ฟังข่าวลือถึงกับตลึง รีบเร่งกลับเข้ามาที่จวน 

หลังจากที่ได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมดจากปากของญาติผู้น้อง เด็กสาวก็คิดทบทวนเรื่องราวต่างๆ อย่างละเอียดอีกครั้ง เหตุการณ์เหล่านี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน บางทีอาจเกิดขึ้นเพราะชะตาถูกเปลี่ยน หรือบางทีมันอาจจะเคยเกิดขึ้น เพียงแต่เวลานั้นนางโง่งมจนไม่รู้เรื่องรู้ราว

สนมของฮ่องเต้? แต่เท่าที่ฟังจากคำบอกเล่าของคังจื่อ ก็คงจะมีเพียงสนมผู้นั้นที่น่าจะเป็นผู้ลงมือ 

ข่าวลือไปไวเสียยิ่งกว่าไฟลามทุ่ง เพียงวันเดียวก็กระฉ่อนไปทั่วเมือง กระทั่งในวังหลวงก็ไม่เว้น เมื่อถึงเวลาเย็นหวายซีก็ถูกเรียกตัวไปยังห้องโถงของตระกูล 

ตระกูลคังถือเป็นตระกูลใหญ่ที่อยู่รวมกันอย่างสงบ ภายในจวนมีห้าร้อยกว่าชีวิต อาศัยการค้าขายเครื่องปั้นดินเผา และผ้าไหม เลี้ยงดูผู้คนในตระกูล

บุรุษตระกูลคัง ไม่ว่าจะเป็นสายหลักหรือสายรอง ล้วนแล้วแต่มากความสามารถ แต่กลับไม่มีผู้ใดได้เป็นขุนนาง มีเพียงยศฐาดั้งเดิมตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ แต่ก็เป็นเพียงกั๋วกงที่ไร้ซึ่งอำนาจบารมี เมื่อไม่มีใจโลภมากและมักใหญ่ใฝ่สูง ผู้คนตระกูลคังจึงอยู่ได้อย่างสงบสุข 

แล้วอยู่ ๆ กลับมีข่าวลือเสื่อมเสียของสตรีตระกูลคังที่เคร่งครัดกฎระเบียบมากกว่าตระกูลของคนทั่วไป ย่อมทำให้ภายในเกิดความแตกตื่น

มิหนำซ้ำยังเป็นเรื่องเสื่อมเสียของว่าที่ไท่จื่อเฟย ยิ่งทำให้ผู้อาวุโสในตระกูลนั่งกันไม่ติด

"ซีเอ๋อบอกย่ามา ว่ามันเกิดอันใดขึ้นกันแน่" ฮูหยินผู้เฒ่าคัง รีบเอ่ยถามหลานสาวด้วยท่าทางร้อนรน อยู่มาจนแก่ป่านนี้ นี่นับเป็นครั้งแรก ที่สตรีในตระกูลถูกล่ำลือเสียหาย จะไม่ให้นางร้อนใจได้อย่างไร

หวายซียืนอยู่กลางห้อง คล้ายผู้ที่กำลังถูกสอบสวน แต่สีหน้าท่าทางยังดูนิ่งสงบ นางคิดใช้โอกาสนี้ ทำให้ทุกคนตระหนักถึงหายนะที่กำลังจะมาเยือน

เด็กสาวมองสบตาผู้เป็นย่า ก่อนจะมองบิดามารดา และผู้เป็นอาทั้งสอง

"ท่านย่า ท่านพ่อท่านแม่ ท่านอาทั้งสอง เรื่องข่าวลือนั่น เกรงว่าจะมีผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังเจ้าค่ะ"

วาจาของหวายซีทำให้ทุกคนต่างเหลียวมองหน้ากันไปมา ด้วยความไม่เข้าใจ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel