บท
ตั้งค่า

บทที่ 10 เซียวจิ่นหมิง เจ้าหน้าแดงแล้ว

“เหลวไหล”

หยุนโม่เชื่อเขาที่ไหน กระโดดเตะออกไปอย่างรวดเร็ว เซียวจิ่นหมิงรับไว้ด้วยสีหน้ามืดครึ้ม แล้วต่างก็นิ่ง

“ไม่พูดถึงที่องค์ชายแต่งงานกับพระชายาพร้อมทั้งมีสนมติดต่อกันสองวัน ไม่สนใจไว้หน้าจวนแม่ทัพใหญ่ของข้า ทั่วทั้งเมืองหลวงต่างวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่ว นางจะเอาความสามารถมาจากไหนที่จะวางยาพิษภายใต้สายตาคนมากมาย องค์ชายแปดที่มีวิทยายุทธถูกลอบทำร้าย?”

ห่างกันไกลตั้งหลายก้าว สายตาดูถูกของหยุนโม่กวาดมองดูเซียวจิ่นหมิง สุดท้ายจ้องมองดูบนใบหน้าแดงของเซียวจิ่นหมิง พร้อมพูดขึ้นอย่างเหน็บแนมว่า “ดูใบหน้าที่แดงระเรื่อของเจ้า เจ้ายังมีหน้าพูดจาแบบนี้ออกมา”

ยังกล้าพูดถึงหน้าของเขา?

เซียวจิ่นหมิงโกรธเลือดเต็มปากสำลักในลำคอ เขาจ้องมองหยุนโม่พร้อมกัดฟันพูดขึ้นว่า “นี่ล้วนเป็นฝีมือลูกสาวของเจ้า”

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นทำไมองค์ชายยังจะต้องลงมือทำร้ายเฟิงเอ๋อ? หรือองค์ชายคิดว่าหน้าแดงระเรื่อไม่ใช่เรื่องดี หน้าเขียวช้ำถึงเรียกว่าดี?” หยุนโม่พูดขึ้นมาอย่างแข็งกร้าว

“เจ้า.....” เซียวจิ่นหมิงรู้ว่าหัวสมองดังหึ่ง

เป็นถึงองค์ชายถูกวาดบนหน้าว่าสารเลวไม่พอ ยังเดินอยู่ในจวนตั้งนาน ตอนนี้คงรู้กันไปทั่วจวนองค์ชายแล้ว

ความโกรธพลุ่งพล่านในดวงตาเซียวจิ่นหมิง ชี้หน้าทั้งสองพ่อลูกตั้งนาน ค่อยพูดออกมาได้ว่า

“พวกเจ้า....ไร้เหตุผลที่สุด”

แล้วหันเดินสะบัดแขนไป

เซียวจิ่นหมิงไปแล้ว หยุนหรั่นเฟิงรีบวิ่งไปดูหลินหลังที่เมื่อกี้ถูกเตะลอยไป มั่นใจว่าอีกฝ่ายไม่เป็นอะไรมากแล้ว ค่อยโล่งอก

หยุนโม่มองดูสองนายบ่าวอย่างน่าสงสาร ความโกรธที่เพิ่งมลายไปในหัวใจก็พลุ่งพล่านขึ้นอีกครั้ง เฟิงเอ๋อที่เขาดูแลรักใคร่มาอย่างดี กลับถูกทรมานทารุณแบบนี้ เซียวจิ่นหมิง เจ้ากล้าได้อย่างไร?

หยุนหรั่นเฟิงให้หลินหลังกลับไปพักที่ห้องก่อน เพิ่งหันมาจะคุยกับหยุนโม่ ร่างกายโซเซอย่างรุนแรง หยุนโม่รีบรับร่างหยุนหรั่นเฟิงไว้ พร้อมพูดขึ้นอย่างเป็นกังวลว่า “เฟิงเอ๋อ เจ้าไม่.....”

เพิ่งพูดได้ครึ่งหนึ่ง หลังจากเห็นใบหน้าขาวผ่องของหยุนหรั่นเฟิง หยุนโม่หรี่ตาลงทันที พร้อมพูดขึ้นอย่างตกตะลึงว่า “เฟิงเอ๋อ ใบหน้าของเจ้า....”

ตอนนี้หยุนหรั่นเฟิงรู้สึกเจ็บปวดไปทั้งตัว ได้ยินแล้วก็ลูบใบหน้าตนเอง จากนั้นค่อยคิดขึ้นมาได้ว่า หยุนโม่น่าจะหมายถึงปานบนใบหน้าของนางหายไปแล้ว นางไม่กล้าประมาท น้ำตาคลอเบ้าขึ้นมาทันที กอดหยุนโม่ไว้ พร้อมพูดขึ้นอย่างน่าสงสารว่า “ท่านพ่อ ในที่สุดท่านก็มา ลูกสาวต้องทนทุกข์ทรมานอย่างมาก"

หยุนโม่เห็นลูกสาวเป็นแบบนี้ ก็รู้สึกเจ็บปวดใจขึ้นมา ไม่ถามถึงเรื่องปานบนใบหน้าอีก ประคองนางไปถึงในห้อง สายตาไม่มีแววเฉียบคมเหมือนอย่างเมื่อตอนอยู่กับเซียวจิ่นหมิง เพียงพูดขึ้นอย่างรักใคร่เอ็นดูว่า “ตอนแรกพ่อก็บอกแล้วว่าไม่ต้องแต่งงานกับองค์ชายแปด เจ้าก็ไม่ฟัง ตอนนี้เจ้าเป็นแบบนี้ พ่อเห็นแล้วก็เจ็บปวดใจ”

หยุนหรั่นเฟิงร้องไห้น้ำตาอาบแก้ม หากนางข้ามภพมาเร็วกว่านี้ ต่อให้เพียงหนึ่งวัน นางก็จะไม่ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ นางดึงจับมือหยุนโม่ไว้ ร้องไห้อย่างน่าสงสาร พร้อมพูดขึ้นว่า “ท่านพ่อ จวนองค์ชายแปดนี้ ข้าไม่อยากอยู่ต่อไปแล้ว ข้าขอร้อง ท่านพาข้ากลับไปเถอะ ต่อไปข้าจะเชื่อฟังอย่างดี ข้าจะไม่เอาแต่ใจอีกต่อไป....”

น้ำตาหล่นร่วงลงบนตัวหยุนโม่ หัวใจแม่ทัพหยุนที่ปกติรักใคร่ลูกสาวบีบแน่นขึ้นมาทันที ลูกสาวที่เอาแต่ใจมาตลอดของเขา เคยร้องไห้แบบนี้เสียที่ไหน

ได้ยินว่าลูกสาวที่เพิ่งแต่งงานได้เพียงสามวัน ต้องทนทุกข์ทรมานขนาดนั้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะน้ำตาไหล พร้อมพูดขึ้นว่า “เฟิงเอ๋อ ตั้งแต่แรกพ่อให้เจ้าแต่งงานกับครอบครัวคนธรรมดา มีข้าอยู่ ใครจะกล้ารังแกเจ้า แต่ตอนนี้เจ้าแต่งเข้ามาในราชวงศ์แล้ว ยังเป็นการแต่งงานที่ฮ่องเต้ประทานพระราชโองการ ใช่ว่าจะกลับจวนที่กลับได้เลย....”

หยุนหรั่นเฟิงได้ยินแบบนี้ ก็ก้มหน้าก้มตา ปากยังคงสะอึกสะอื้น น้ำตายิ่งไหลรุนแรง แม่ทัพใหญ่ก็ยิ่งรู้สึกผิด พร้อมพูดขึ้นว่า “เฟิงเอ๋อ หากเป็นไปได้ พ่อก็อยากพาเจ้ากับไปด้วย”

หยุนหรั่นเฟิงได้ยินแบบนี้ ในใจรู้ดีว่าออกจากจวนองค์ชายแปดผ่านหยุนโม่นั้น คงเป็นไปไม่ได้แล้ว หลังจากร้องไห้ไปอีกสักพัก ค่อยรู้สึกดีขึ้นมาพร้อมพูดขึ้นด้วยท่าทีที่ไม่อยากให้พ่อเป็นกังวลว่า “พ่ออย่าพูดแบบนี้ ลูกสาวเอาแต่ใจเอง เมื่อกี้พ่อสามารถมาปกป้องเฟิงเอ๋อไว้ได้ เฟิงเอ๋อก็ดีใจมากแล้ว”

เมื่อก่อนลูกมีลักษณะนิสัยดื้อเอาแต่ใจ ตอนนี้จู่ๆก็เชื่อฟังขนาดนี้ ในสายตาหยุนโม่ เท่ากับเป็นการผ่านประสบการณ์ชีวิตในสังคมมาอย่างหนัก จนถูกทำลายความดื้อไปจนหมด

คิดถึงว่าลูกสาวเพิ่งแต่งงานมาได้เพียงสามวัน ก็เปลี่ยนแปลงไปมากขนาดนี้ ในใจเขารู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาทันที

จากนั้นสองพ่อลูกคุยกันอีกสักพัก หยุนโม่ค่อยมีพ่อบ้านเดินไปส่ง ออกจากจวนองค์ชายแปดไป

แต่เดินมาถึงห้องโถง ท่าทีหยุนโม่ที่เป็นพ่อที่มีเมตตาต่อหน้าหยุนหรั่นเฟิงนั้นหายไป รอบกายเปล่งประกายความน่าเกรงขาม มือแตะดาบบนเอว พร้อมพูดขึ้นอย่างน่าเกรงขาม เสียงดังสนั่นว่า “ไปบอกองค์ชายแปด นับจากนี้ต่อไป หากเขากล้ารังแกเฟิงเอ๋อแบบนี้อีก ต่อให้แลกด้วยชีวิตของข้า ข้าก็จะพาเฟิงเอ๋อกลับไป”

เสียงหยุนโม่อึกทึกครึกโครม เขาใช้กำลังภายใน ทั่วทั้งจวนองค์ชายแปดล้วนได้ยินเสียงของเขา อย่างเช่นเซียวจิ่นหมิงที่ตอนนี้อยู่ในห้องหนังสือ ได้ยินคำพูดประโยคนี้ พู่กันในมือหักเป็นสองท่อนทันที....

หลังจากหยุนโม่พูดเสร็จ ส่งเสียงเมินหนึ่งที แล้วก็จากไปอย่างขุ่นเคือง

หยุนหรั่นเฟิงก็ได้ยินคำพูดของหยุนโม่ พอใจมากกลับความวางมาดมีอำนาจของพ่อตน ถึงจะยังออกไปไม่ได้ แต่นางมีพ่อคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง อย่างน้อยนางก็สามารถมีชีวิตอยู่อย่างสบาย

แต่ดีใจได้ไม่นาน พ่อบ้านก็มาเชิญนางย้ายบ้านแล้ว

หยุนหรั่นเฟิงหรี่ตาลง พร้อมพูดขึ้นว่า “ย้ายไปเรือนเหอซิน?”

หลินหลังร้อนใจจนน้ำเสียงแฝงไปด้วยความร้องไห้ “เรือนเหอซินเป็นเรือนที่อยู่ไกลที่สุด ยังอยู่ติดกับภูเขาด้านหลัง ไม่ได้ปรับปรุงซ่อมแซมมานานหลายปีแล้ว คุณหนูข้าเป็นพระชายา จะไปอยู่สถานที่แบบนั้นได้อย่างไร”

สองวันมานี้พ่อบ้านถูกหยุนหรั่นเฟิงทำให้ตกใจไม่น้อย กลัวว่าหยุนหรั่นเฟิงจะไม่ยอม จึงพูดขึ้นมาอย่างระแวดระวังว่า “ความหมายขององค์ชายคือให้ท่านได้พักผ่อน เรือน เรือนนี้ก็ต้องได้รับการจัดเก็บตกแต่ง พระชายารองเป็นคนรอบคอบ รู้กาลเทศะ”

หยุนหรั่นเฟิงเงียบสงบอย่างไม่คาดคิด พร้อมพูดขึ้นมาว่า “ข้าไปแล้ว ฉีซินจื่อจะเข้ามาอยู่?”

เสื้อผ้าพ่อบ้านถูกเหงื่อซึมเปียกชุ่มไปหมด ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมา พยายามครุ่นคิดแต่งเรื่องพูดไปเรื่อยว่า “เรือนนี้ใกล้กับเรือนรอบๆ ไปไหนก็สะดวก ดังนั้น.....”

หลินหลังเจ็บแค้น พูดขึ้นอย่างไม่เกรงกลัวว่า “นี่เป็นเรือนพระชายา พระชายารองฉีก็เป็นแค่พระชายารองฉี จะให้นางมาอยู่ได้ยังไง พวกเจ้ารังแกกันเกินไปแล้ว ข้าจะกลับไปฟ้องแม่ทัพ”

“งั้นก็ย้ายเถอะ”

“คุณหนู”

“ก็แค่ที่พักสุนัข สุนัขอยากที่จะเข้ามาอยู่แล้ว เราเป็นคน จะยืดอยู่ที่นี่ไปทำไม?”

หยุนหรั่นเฟิงอมยิ้ม เลิกคิ้วเล็กน้อย พร้อมพูดขึ้นอย่างเรียบเฉยว่า “พ่อบ้านหลิว ไปช่วยข้าจัดการที ให้ดูดีหน่อย อย่าให้น้อยหน้าที่อยู่สุนัข หากพ่อของข้ากับไทเฮาเหนียงเหนียงรู้เข้า จะต้องมาพังจวนองค์ชายแปดแน่”

พ่อบ้านยังไม่ทันได้ดีใจ ก็ถูกหยุนหรั่นเฟิงทำให้ตกใจ คิดขึ้นมาได้ว่าคนนี้เป็นคนโปรดที่สุดตั้งแต่เล็กจนโตของไทเฮาเหนียงเหนียง แม้แต่องค์ชายก็ยังไม่กล้าทำอะไรนางง่ายๆ ขาจึงเริ่มสั่นเทาขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว จนอ่อนแรง เกือบจะคุกเข่าให้กับนาง

“พระชายาสถานะสูงส่ง แน่นอน แน่นอนว่าจะต้องอยู่อย่างดีที่สุด”

หยุนหรั่นเฟิงผงกหัว โบกมือพร้อมพูดขึ้นว่า “ไปเถอะ”

พ่อบ้านรีบไปเก็บกวาดเรือนทันที

หลินหลังตาแดงขึ้นมาอีก พร้อมพูดขึ้นมาว่า “คุณหนู พวกเขารังแกกันเกินไป เราไปฟ้องแม่ทัพ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel