วันเกิดแห่งความเศร้า2
เรือนคนรับใช้อยู่หลังตึกใหญ่มีต้นไม้ใหญ่ร่มรื่นมะลิลาเดินเร็วกว่าเคย “มุก มุกลูกอยู่ในห้องหรือเปล่าจ๊ะ” ถึงหน้าห้องพักมะลิลาเรียกลูกสาว
ไม่มีเสียงขานรับจึงเปิดประตูเข้าไป เห็นลูกสาวนอนอยู่บนเตียงตรงเข้าไปหา “ไม่สบายหรือลูก เหนื่อยงานเมื่อคืนใช่ไหม”
“เปล่าจ๊ะไม่เหนื่อยแค่เวียนหัว” มุกตาภาลุกขึ้นนั่ง “แม่อย่าห่วงเลยขอนอนอีกนิดเดียวนะ”
มะลิลาจับไหล่ลูก “กินข้าวหรือยังแม่ไปหาให้นะแล้วเราจะไปทำบุญกันหรือเปล่าแบบนี้”
วันเกิดเธอทุกปีหญิงสาวจะหาเวลาไปทำบุญ แต่วันนี้เห็นที่ต้องปฏิเสธแม่“เรียบร้อยจ๊ะ เรื่องไปทำบุญไว้วันหลังก็ได้นะแม่”
“ถ้าอย่างนั้นพักนะแม่ไม่กวนแล้ว” มะลิลาเดินออกจากห้อง คล้อยหลังแม่มุกตาภาชันเข่าคิดสับสน
“แม่จ๋าถ้าไม่ติดว่าแม่ไม่อยากไปจากที่นี่มุกไม่อยากอยู่ธนธรณ์อีกแล้ว ไม่รู้จะทำหน้ายังไงเมื่อเจอคุณมรุเดช สายตาว่างเปล่าคงกลายเป็นความเกลียดชังรังเกียจ แถมหัวใจไม่รักดีเริ่มหวง อิจฉาคุณผริดามากขึ้นหลังจากเกิดเรื่องไม่คาดฝัน มุกจะทำยังไงดี กับหัวใจไร่ค่าที่แอบรักคนซึ่งตอนนี้รังเกียจกันเสียแล้ว”
“เป็นไงแม่เจอยายมุกไหม” มุกสินีถามเห็นแม่เดินกลับมา สาวอวบแหงนมองบนตึกจนเมื่อยคอ ไม่มีเรื่องที่อยากให้เกิดเสียทีก็ชักสงสัย หรือจะไม่เป็นอย่างที่คิด
“น้องหลับอยู่”
“มันอยู่ในห้อง ในห้องหรือ”
“น้อง…จะไปไหนล่ะ” พูดจบลูกสาวเดินห่างออกไป มะลิลามองอย่างแปลกใจ มุกสินีนั้นหน้าบึ้งคิดจะเดินไปหาน้องสาวแต่สายตาเห็นเจ้านายสาวเดินออกมากับคู่หมั้นก็หยุดเท้าเดิน “ยังหวานกันจัง แบบนี้ก็ไม่มีใครจับได้ล่ะสิ” มุกสินีพึมพำ
“อะไรหึนี” มะลิลาเดินตามมาถามอย่างสงสัย
“อย่ายุ่งน่าแม่” มุกสินีหน้างอวิ่งไปหามุกตาภา
หน้าห้องมุกตาภา
“ยายมุกตื่นๆ” มุกสินีเคาะประตู
“พี่นีมุกขอพักนะ ถ้ายังไงจะไปช่วยงานตอนค่ำ” มุกตาภาช่วยงานพี่สาวเสมอเลยคิดว่าพี่มาตาม
“เปิดประตูก่อนพี่มีเรื่องอยากถาม เป็นไรหึนอนยังไม่ตื่น”
“แค่เวียนหัว”
มุกสินีไม่อยากพูดเสียงค่อย ไม่อยากรออีก ”จะเปิดไม่เปิดหา เปิดนะคุยแบบไม่เห็นหน้าไม่ชอบเลย อะไรกันนักหนา”
ประตูเปิดมุกสินีเดินตามมุกตาภาซึ่งเดินไปล้มตัวลงนอน “ลุกมาคุยกันก่อน”
“เรื่องอะไร”
“เรื่องเมื่อคืน”
มุกตาภาเงียบ เริ่มสงสัยพี่สาว “เรื่องอะไรพี่มีเรื่องอะไรหรือ”
“ก็…” มุกสินีไม่กล้าถามกลัวน้องสาวจะรู้หากเรื่องราวที่เตรียมไว้บรรลุเป้าหมาย
“ว่าไงล่ะพี่นีรออยู่ ไม่ถามหรือ”
“แค่อยากถามแกกลับมานอนตอนไหน”
“ดึกแล้วล่ะพี่นอนไปแล้วมั้ง”
“ออ…แล้ว เอ่อ…”
มุกตาภากังขาความอยากรู้ของพี่อยากถามออกมาให้สิ้นเรื่องสิ้นราว แต่เมื่อคิดถึงผลเสียที่อาจจะตามมาก็เลือกจะเงียบ
“พี่ มุกขอนอน” มุกตาภาไล่พี่ทางอ้อม
“ก็ได้ ก็ได้ ไปแล้ว” มุกสินีหันหลังไปเปิดประตู ในใจยังมีความสงสัย คิดจะรู้เรื่องเมื่อคืนให้ได้
พรหมเทพมหาเศรษฐีวัยหกสิบ รูปร่างค่อนข้างท้วมกำลังเดินออกมานั่งบริเวณสนามหญ้าซึ่งเมื่อคืนเป็นสถานที่จัดงานวันเกิดให้ลูกสาวสุดที่รัก ผริดาและมรุเดชเดินมาสมทบ ทรุดนั่งดื่มกาแฟด้วยกัน มะลิลาหลบออกไปเพราะไม่อยากอยู่ในสายตาผริดารู้ว่าเจ้านายสาวรังเกียจตน “เป็นไงคุณวุ่นวายไหมเมื่อคืน เพื่อนๆ ลูกดาเขาเยอะคุณต้องทำใจนะ” พรหมเทพถามว่าที่ลูกเขยเพราะเห็นฝ่ายชายแทบไม่ได้เข้าใกล้ลูกสาว
“ปกติครับผมเข้าใจ” มรุเดชตอบ
“คุณพ่อคะปีนี้ฉลองวันคล้ายวันเกิดต้องเต็มที่หน่อยเพราะปีหน้าอาจจะอุ้มตัวน้อยๆ หลานคุณพ่อค่ะ” ผริดาตรงไปตรงมา เพราะอีกสองเดือนเธอจะแต่งงานกับคนรัก พรหมเทพหัวเราะ
“ยายหนูดาอย่าอวดก่อนเลย เกิดไม่มีจะอายพ่อนะ”
“ไม่มีทางดาจะมีน้องทันทีที่แต่งงาน ใช่ไหมคะบอส” หันไปถามคนรักอย่างเอาใจเพราะรู้คนรักอยากมีลูก มรุเดชยิ้มพอใจ
“ฟาร์มกำลังขยายนี่น่าว่าที่เจ้าบ่าวอาจเปลี่ยนใจนะ” พรหมเดชเย้าลูกสาว
มรุเดช เครือเดชะไพศาล อายุ31 ปี ทายาทคนโตพ่อเลี้ยงไพรัตน์ มหาเศรษฐีเมืองเหนือ หนุ่มหน้าหยก หล่อเหลาขยี้ใจสาวทุกประเภท แม้อยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนธรรมดา ชายหนุ่มดูแลฟาร์มโคนม โคเนื้อ ไร่ชาหลายพันไร่ พบรักกับผริดาตอนเรียนปีสี่ทางบริหารธุรกิจที่กรุงเทพก่อนจะบินไปเรียนต่อเมืองนอกสามปี กลับมาดูแลธุรกิจตระกูล 5 ปีแล้ว ความรักหนุ่มสาวยังเหนียวแน่นเพราะไปมาหาสู่กันไม่ได้ขาด ที่สำคัญมรุเดชไม่เจ้าชู้
“คุณพ่อ อย่ามาเย้าลูก ไม่มีทางคะบอสอาจจะเปลี่ยนใจมาดูแลธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่กรุงเทพก็ได้เมื่อลูกแต่งงาน”
“จริงหรือก็ดีสิ” พรหมเทพหันหาว่าที่ลูกเขยบ้านนอกแต่ทรัพย์สมบัติทำให้มองข้ามคำนั้นไปโดยไม่ต้องคิดแม้แต่น้อย
“คงไปๆ มาๆ ครับยังทิ้งที่โน่นไม่ได้ ไว้น้องชายกลับมาก่อนครับ” มรุเดชไม่ได้ให้คำตอบที่ผริดารอจนเธอแอบเสียใจ
พรหมเทพยิ้มให้กำลังใจลูกสาว
“คุณแม่มาแล้ว” ผริดาหันเห็นมารดาลุกขึ้นไปจูงมือ
ครอบครัวธนธรณ์หัวเราะหยอกเย้ากันมีว่าที่ลูกเขยร่วมด้วย มะลิลาที่ยังแอบมองเจ็บหัวใจยิ่งนัก ครุ่นคิดสับสนหรือเธอจะยอมแพ้เสียทีเรื่องที่หวังให้เกิดขึ้นเสียที
