บทที่ 4 วิตตา
บทบรรยายพิเศษ: วิตตา
“เอาหน่าปลดปล่อยบ้างคงดี!”
การให้กำลังใจตัวเองในการมาสถานที่รื่นรมย์ครั้งแรกในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ไหนๆ คืนนี้ก็ศุกร์หรรษาแล้วเอาให้มันเต็มที่ไปเลยแล้วกัน การฉายเดี่ยวเดินเข้ามาในคลับชื่อดังแห่งหนึ่งนั้นไม่ทำให้ฉันเสียความมั่นใจไปหรอก
ให้เรียกว่าสร้างความมั่นหน้าวิตตา
การแต่งตัวก็เรียกได้ว่าชนะเริดเรียกสายตาจากนักท่องราตรีทั้งหลายได้จำนวนหลากหลายคู่
ด้วยชุดสีเหลืองนุ่มรัดรูปอีกทั้งยังเป็นแบบเกาะอกบวกกับสไตล์การแต่งหน้าที่โฉบเฉี่ยวโทนน้ำตาลเข้มรับกับหมวกแก๊ปสีดำเข้มและต่างหูวงใหญ่สีทองนั้นสามารถสร้างความโดดเด่นไม่น้อยว่าแล้วร่างเพรียวก็เดินมานั่งตรงเคาน์เตอร์จากนั้นก็สั่งเครื่องดื่มแก้วแล้วแก้วเล่าขึ้นมาดื่มโดยที่ไม่ได้สังเกตคนรอบๆ ตัว
ที่แห่งนี้พลุกพล่านไปด้วยผู้คนมากน่าหลายตาทั้งที่ไม่รู้จักและรู้จักกันเสียงเพลงเรียกให้ทุกคนลุกขึ้นเต้นปลดปล่อยสิ่งที่ตัวเองกักเก็บเอาไว้ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์ต่างๆ หลายครั้งเหมือนกันที่ฉันเองก็เลือกน้ำเมาเป็นทางออกให้กับหลายปัญหาที่เข้ามารุมเร้าไม่ขาดสายแต่พอสร่างเมาทุกอย่างมันก็กลับเป็นเหมือนเดิม
คิดอะไรมากล่ะ?
ผ่านไปวันๆ ก็ดีไม่ใช่?
ลืมไปชั่วขณะก็ดีกว่ามันลืมนิว่าไหมทุกอย่างมีทางออกทั้งนั้นแหละแล้วเมื่อไหร่ที่เวลาฉันเมาชีวิตมันจะเปลี่ยนไปบ้าง อยากรู้ อยากรู้โว้ย!
เจ้าจะซวยเพราะน้ำเมารักเขาเพราะน้ำรัก
หึ เสียงหัวเราะดังอยู่ในลำคอหลายทีมือสวยก็เขย่าแก้วเหล้าแบบนั้นเรื่อยๆ
จะซวยเพราะน้ำเมาได้ยังไงแม่หมอ....
ดื่มมาเป็นสองชั่วโมงแล้วยังไม่เห็นมีอะไรเลย แล้วน้ำรักคืออะไรวะ? น้ำไอ้นั่นของผู้ชายเหรอ? เรื่องนี้ยิ่งเป็นไปไม่ได้จริงๆฉันไม่ได้ดูถูกการดูหมอหรือดูดวงกับกันกับชอบเรื่องพวกนี้ ชอบการชี้แนะถึงจะรู้ว่าจริงหรือไม่จริงแต่ได้แก้ไขมันก็ทำให้อุ่นใจ
การควบคุมตัวเองลดลงทีละน้อยๆ จนในที่สุดร่างสวยก็ฟุบคาเคาน์เตอร์ไปอย่างรวดเร็วแต่ไม่นานก็ผุดเด้งตัวขึ้น
“แด่ความเจ็บซ้ำที่เกิดในวันนี้!”
สติสตางค์เริ่มออกจากร่างกายไปเรื่อยๆ ถึงขนาดยื่นชูแก้วเหล้าชนกับคนนั่งข้างๆ ที่ไม่รู้ว่าเป็นใครหน้าไหนชื่ออะไร
“ชนๆ ” เมื่อเห็นว่าเขาไม่ชูแก้วเหล้าตรงหน้าขึ้นมาชนร่วมกัน เธอก็ขยับเข้าไปใกล้ๆ ก่อนถือวิสาสะเข้าไปจับมือใหญ่ขาวนั้นคว้าแก้วเหล้ามาชนกับแก้วของเธอราวกับคนบ้าคนบอ “เฮ้ย! ก็บอกให้ชนไงวะ ใจใจไม่รู้จักหรือไง๊!”
อึกๆ
“อีกแก้วน้อง เอาเต็มๆ” มือเรียวขาวเข้าไปกอดลำคอแกร่งนั้นไว้ “เดี๋ยวชนกับพี่อีกแก้วนะน้อง ดื่มเป็นเพื่อนกันสนุกๆ”
พอเห็นว่าแก้วของตัวเองได้แล้วฉันก็กลับไปนั่งที่เดิมนิ่งๆ แต่ยังมองคนข้างตัวมองผ่านๆ ด้านข้างหล่อดีแต่
ทว่าแม่เจ้า!
พอหมอนี่หันหน้ามาเผชิญฉันแบบตรงๆ เขาโคตรหล่อ ผิวขาวอย่างดาราเกาหลีจมูกโด่งเป็นสันเขื่อนรับกับใบหน้าที่มีกรามเรียวยาวลงตัวมากยิ่งมองก็ยิ่งหลงใหล สายตาคู่นั้นออกแววเจ้าชู้นิดๆ ไม่ถึงกับมากยิ่งในยามที่ริมฝีปากแดงระเรื่อกระดกเหล้าเข้าปากยิ่งหน้ามองไปใหญ่
“หล่อ...”
หล่อมาก...
หล่อมากกว่าไอ้เตวิชหลายล้านเท่าบางทีฉันควรมองคนอื่นๆ ได้แล้วจมปลักกับความรู้สึกแบบนั้นมันไม่โอเคแล้ว
ไม่โอเคจริงๆ
“เมาเปล่าวะ?”
เขาพูดอะไรนะ?
พูดให้ได้ยินอีกนิดไม่ได้หรือไงแบบดังๆ อ่ะ พูดดังๆ ดิ
พูดอะไรบางอย่างจากนั้นก็ลุกจากไปไม่หันมามองฉันอีกอย่างที่เขาพูดฉันได้ยินไม่ถนัดเลยการรับฟังมันสะดุดไปเรื่อยๆ อึก! จากนั้นร่างกายของฉันก็สะอึกเรื่อยๆ ถี่ขึ้นๆ ก่อนที่การรับรู้ทั้งหมดมันจะตัดภาพออกไป
จบการบรรยายพิเศษ: วิตตา
ปึก!
“อะไร หนีอะไรมาวะ?”
น้ำเสียงยืดเยื้อมาพร้อมกับมือใหญ่หนาถูกส่งมาตบลงบนไหล่กว้างของผมทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้องประจำแห่งนี้
