2.ซักคิวบัส
ท่ามกลางสงครามที่แสนโหดร้าย ผู้คนล้มตายเพราะความขัดแย้งที่รุนแรงของสองอาณาจักร สงครามยืดเยื้อมานานหลายปี ผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด หนีไม่พ้นชาวเมืองที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย
สภาพของสตรีผู้นี้ ครั้งแรกที่เขาเห็นนางดู..น่าสงสารมากทีเดียว ใบหน้านั้นงดงามจับตายิ่งนัก เรือนผมสีเงินเช่นนั้นหาไม่ได้ง่ายๆ จากชาวบ้านทั่วไป ความงดงามที่ฉายชัดถึงแม้ว่าจะอยู่ในชุดที่ซอมซ่อและสกปรกเช่นนั้น นางคงจะเป็นชนชั้นสูงหรือไม่ก็ลูกสาวของขุนนางอย่างแน่นอน
แต่ดูเหมือนสติของนางจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก..
เอสวายื่นมือไปปิดตาของสตรีผู้นั้นเอาไว้ เขาใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ในการทำให้เธอนอนหลับลงไป แล้วก็ใช้พลังศักดิ์สิทธิ์อีกครั้งในการทำความสะอาดชุดที่เธอกำลังสวมอยู่เพื่อให้เธอได้ปลดเปลื้องในทุกความกังวลที่ฉายชัดอยู่ในแววตานั้น และให้เธอได้พักผ่อนเสียที
เขาเดินออกไปด้านนอกโดยไม่ลืมวางถาดขนมปังเอาไว้ในห้อง โบสถ์เองก็อยู่ในสภาพที่ไม่สู้ดีเท่าไหร่เหมือนกัน เราไม่ได้มีอาหารเอาไว้แจกจ่ายให้แก่ประชาชนทุกคน..แต่เอสวาเลือกที่จะส่งมอบอาหารในส่วนของเขาให้แก่สตรีที่กำลังตกอยู่ในวังวนแห่งความสับสน
....................
“เจ้านี่..ไม่ได้เรื่องมากกว่าที่คิดเอาไว้ซะอีก”
ฉันกอดอกแน่นเมื่อได้ยินเสียงของตาลุงคนเก่าที่บ่นขึ้นมาอีกแล้ว
“ไม่ได้เรื่องงั้นเรอะ ลุงนั่นแหละที่ส่งหนูไปที่ไหนก็ไม่รู้ แล้วร่างกายนี้ทำอะไรได้บ้างก็ไม่บอก หนูเกือบจะวิ่งหนีระเบิดไม่ทันแล้วด้วยซ้ำ”
เธอมองไม่เห็นอะไรเลยเหมือนเดิม นอกจากความว่างเปล่ากับเสียงที่ดังก้องกังวลจนไม่รู้เหมือนกันว่ามาจากทางไหน
“ลุง..งั้นหรือ นี่เจ้ากล้าเรียกเจ้าแห่งนรกว่าลุงงั้นเรอะ ช่างอวดดียิ่งนัก!!”
แล้วจะให้เรียกว่าอะไรล่ะโว้ย เธอได้ยินแค่เสียงเท่านั้นเอง จะเดาอายุหรือแม้กระทั่งเดาตัวตนของอีกฝ่ายได้ยังไงล่ะ
“ส่งหนูไปที่อื่นได้ไหมคะ ขอให้โลกโรมานซ์แฟนตาซีแบบในนิยายที่เคยอ่านก็ได้ หนูอยากเป็นเมียท่านดยุค..ที่โบสถ์นั่นไม่มีอะไรดีสักอย่าง..นอกจากหน้าตาของบาทหลวงผู้นั้น..”
เสียงนั้นเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่เธอจะได้ยินเสียงถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ฟังนะเจ้ามนุษย์ ในยามนี้เจ้าคือปีศาจซักคิวบัสที่ต้องกลืนกินความฝันอันโสมมของมนุษย์เพื่อมาเพิ่มพลังให้แก่ข้า ในช่วงเวลาสองวันหลังจากนี้ไปเจ้าจะต้องกลืนกินความฝันของมนุษย์มาให้ข้าอย่างน้อยสักหนึ่งครั้งไม่อย่างนั้นข้าจะส่งเจ้าไปยังปรโลกจริงๆ ..ถึงเวลานั้นเจ้าจะไม่ได้กลับมามีชีวิตหรือแม้กระทั่งมานั่งอวดดีต่อหน้าข้าอีก”
ทะ..ทำไมมันฟังดูน่ากลัวเหมือนกันแฮะ ฉันไม่ควรจะเถียงตาลุงจอมบงการคนนี้มากนักสินะ
“หนู..ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง อย่างน้อยลุงก็ควรจะอธิบายให้หนูฟัง หรือไม่ก็ควรจะมีคู่มือในการชีวิตหรือว่าการใช้พลังของปีศาจซักคิวบัสให้บ้างสิคะ”
“เรื่องนั้น..ก็พอจะมีคู่มืออยู่บ้าง”
สิ้นเสียงนั้นฉันก็ตื่นขึ้นมาในทันทีที่ห้องนอนเล็กๆในโบสถ์ที่เดิม สิ่งที่แตกต่างไปคงเป็นความรู้สึกหลังจากที่ตื่นขึ้นมา ฉันไม่ได้รู้สึกเหนียวตัวหรือแต่อึดอัดเลยสักนิด ชุดเดรสที่สวมเป็นชุดเดิมก็จริงอยู่แต่ทว่ามันสะอาดขึ้นเล็กน้อย และที่สำคัญมากกว่านั้นคือในมือของฉันมีหนังสืออยู่เล่มหนึ่ง
หนังสือหน้าตาน่ากลัวที่มีปีกเล็กๆ กำลังกระพือไปมา เขียนที่หน้าปกเอาไว้ว่า ซักคิวบัส
หากเป็นผู้ชายจะถูกเรียกว่าอินคิวบัส หากเป็นผู้หญิงจะถูกเรียกในชื่อของซักคิวบัส เป็นปีศาจที่คอยกลืนกินความฝันของมนุษย์และที่สำคัญกว่านั้นยังสามารถเข้าไปอยู่ในความฝันของมนุษย์ได้อีกต่างหาก..
เท่าที่อ่านดูก็ไม่แย่เท่าไหร่ เพราะหากอยู่ในความฝันนั่นหมายความว่า..จะทำอะไรกับผู้ที่กำลังฝันก็ได้นี่หว่า..
อิอิอิอิอิ..
เดี๋ยวนะเสียงหัวเราะที่แสนชั่วร้ายนั่นมันคืออะไรกัน ฉันไม่ได้จะคิดไม่ดีกับบาทหลวงรูปหล่อคนนั้นหรอกนะ แต่ว่านี่มันจำเป็น..เพราะหากไม่สามารถกินฝันได้ ฉันจะถูกส่งไปที่ปรโลกไง..
ฉันไม่อยากตายแล้วตายอีกตายซ้ำซ้อนหรอกนะ อยากจะมีชีวิตที่แสนน่ารักนี่ไปนานๆ
*หมายเหตุ ในช่วงเวลาของการเข้าไปในความฝันนั้นจะมีช่วงเวลากำจัดเพราะฉะนั้นจงมั่นใจว่าซักคิวบัสจะสามารถทำให้ผู้ถูกกลืนกินปลดปล่อยในทุกอารมณ์ออกมา ก่อนที่ช่วงเวลาจะหมดลง ไม่อย่างนั้นความฝันพวกนั้นจะไม่ถูกกินอย่างสมบูรณ์
ตรงนี้..หมายความว่ายังไงกันนะ ต้องทำให้อีกฝ่ายรู้สึกดีจนถึงขีดสุดงั้นเรอะ ..แต่ละครั้งจะมีเวลาประมาณ 2 ชั่วโมง..นั่นมันก็นานมากแล้วนะ หรือว่าคนเราใช้ช่วงเวลาในการทำเรื่องอย่าว่านานมากกว่านั้น..
ชีวิตครั้งที่แล้วอย่าว่าแต่รู้เรื่องเช่นนี้เลย แฟนยังไม่เคยมีสักคนด้วยซ้ำไป แล้วจะทำยังไงให้การเข้าไปในความฝันแต่ละครั้งมันสำเร็จล่ะเนี่ย
*หมายเหตุอีกข้อ ในช่วงเวลาที่อยู่ในความฝันท่านจะปรากฏกายในรูปลักษณ์ที่แท้จริงไม่สามารถเก็บซ่อนปีกและหางได้
แฟนตาซีจัดเลยอันนี้ แต่หางเล็กๆ นั่นมันก็น่ารักดีเพราะแบบนั้นตรงนี้ไม่น่าจะเป็นอุปสรรค
อยากให้ฟ้ามืดเร็วๆ แล้วสิ หากว่าท่านบาทหลวงผู้นั้นหลับเมื่อไหร่ละก็ ฉันจะเริ่ม..
“ตื่นแล้วอย่างนั้นหรือครับ”
ประตูห้องถูกเปิดออกพร้อมกับบาทหลวงผู้หนึ่งที่ไม่คุ้นหน้าคุ้นตา
“หากเลดี้ตื่นแล้ว เช่นนั้นออกมาทานอาหารด้วยกันที่โรงอาหารน่าจะดีกว่านะครับ”
ฉันพยายามขยับจมูกเพื่อสูดดมกลิ่นของบาทหลวงผู้นี้แต่ทว่าเขากลับ..ไม่มีกลิ่นหอมที่ชวนให้น้ำลายสอเหมือนกับบาทหลวงคนแรกเลย
“อ่า หากไม่เป็นการรบกวน ข้าอยากทราบชื่อของบาทหลวงที่ช่วยพาข้ามาที่นี่..เผื่อจะได้ตอบแทนเขา..ในวันข้างหน้า”
มาลิคส่งยิ้มให้กับฉัน
“ท่านนั้นมีชื่อว่าเอสวาครับ เอสวา ดิมุน ท่านกำลังจะได้เลื่อนขั้นเป็นคาดินันในอีกสามเดือนข้างหน้านี้”
ฉันส่งยิ้มให้กับบาทหลวงมาลิคที่กำลังเดินนำฉันไปที่โรงอาหาร
เอสวาอย่างนั้นหรือ? เป็นชื่อที่เพราะมากจริงๆ อีกทั้งเขากำลังจะได้เลื่อนขั้นเป็นคาดินันด้วย
เพียงแค่มองจากภายนอกก็รับรู้ได้ถึงความมีเมตตาและเอาใจใส่ผู้อื่นของเขาได้อย่างชัดเจน เขาคือบาทหลวงที่เป็นผู้รับใช้พระเจ้าโดยแท้
แล้วเธอกำลังจะทำให้บุรุษที่ไร้มลทินเช่นเขา แปดเปื้อนไปด้วยตราบาปอย่างนั้นหรือ? การเป็นพวกเดียวกับซาตานนั้นไม่ง่ายเลยจริงๆ แฮะ
ฉันไม่หวังว่าตัวเองจะได้รับการให้อภัย ขอแค่ให้ฉันได้มีชีวิตในร่างนี้ต่อไปก็พอ
ได้โปรดอย่าโกรธเคืองฉันเลยนะคะ
