ตอนที่2 เดาอารมณ์ไม่ถูก
อาทิตย์ต่อมา
ณ โรงแรมหรูย่านใจกลางเมืองกรุงเทพมหานครในชั้นบนที่วิวสวยสุดของโรงแรมตอนนี้มีงานจัดแสดงเดินแบบโชว์เครื่องเพชรเพื่อที่จะทำการประมูลเหล่าเพชรที่นางแบบใส่และนำรายได้เข้าสู่การกุศล งานนี้เจ้าของงานคือบุญพิชิต สิรินธาราการณ์ ชายวัยกลางคนประธานบริหารสูงสุดของsrkเจ้าของโรงงานจิวเวอรี่และเจ้าของเหมืองเพชรที่ภูเก็ตและเหมืองพลอยที่จันทบุรี
ในงานมีเหล่าเซเลปดาราดังที่มาเป็นนางแบบและเหล่านักธุรกิจมาร่วมงานมากมายงานนี้จึงเป็นที่สนใจของสื่อเป็นพิเศษและงานนี้ครอบครัวของต้นข้าวก็เข้าร่วมงานด้วยเพราะเทวัญพ่อของต้นข้าวได้รับบัตรเชิญมาที่งานนี้โดยตรงจากอัสนี สิรินธาราการณ์ลูกชายคนโตของบุญพิชิต
อัสนีและเทวัญได้มีโอกาสเจอกันบ้างในงานสังคมแม้นเทวัญพึ่งจะได้รู้จักกับอัสนีไม่นานแต่ก็เลือกที่จะตีสนิทกับอัสนีเพราะนักธุรกิจอย่างเทวัญก็ต้องสร้างคอนเน็คชั่นดีๆไว้ตลอดอยู่แล้ว
ต้นข้าวในชุดเดรสเกาะอกกระโปรงสั้นสีชมพูหวานปล่อยผมยาวตรงสลวยคาดด้วยไม้คาดผมสีเงินของแบรนด์ดังแต่งหน้าอ่อนๆโดยฝีมือของบุษยาโชว์ผิวสวยช่วงเนินอกและขาเรียวสวยสวมรองเท้าส้นสูงหัวแหลมสีเดียวกับไม้คาดผมถือกระเป๋าทรงครัชใบเล็กที่ประดับไปด้วยเม็ดเพชรเสริมให้สาวร่างเล็กดูสง่าโดดเด่นไม่น้อย
“ข้าวไม่ได้อยากมางานนี้เลยสักนิด”
เห็นจะมีอย่างเดียวที่ทำให้หญิงสาวหมดราศีก็เห็นจะเป็นใบหน้าที่มุ่ยอยู่ตลอดเวลาเพราะถูกบังคับให้มางานนี้ทังที่ไม่อยากจะมา
“เอาน่า..นานๆพ่อเราจะคะยั้นคะยอให้ออกงานแค่ครั้งเดียวจะเป็นอะไรไป..ไม่กี่ชั่วโมงก็ได้กลับบ้านแล้ว”
บุษยาที่แต่งตัวสวยสง่าไม่แพ้คนเป็นหลานเธอก็ประคองหลานสาวเอาไว้ทั้งลูบหลังเบาๆให้กำลังใจหลานสาวตัวเล็กว่าคงทนอึดอัดที่นี่ไม่เท่าไรเดี๋ยวก็ได้กลับแล้ว
“ไม่เข้าใจเลยว่าคุณพ่อทำไมต้องให้ข้าวมาที่นี่ด้วยทั้งที่รู้ว่าข้าวก็มองอะไรไม่เห็น”
“ไปๆ..เลิกบ่นพ่อกับแม่เราเค้ารออยู่ในงานแล้ว”
บุษยาต้อนหลังหลานสาวให้เดินเข้างานพร้อมเธอเพราะพี่สาวและพี่เขยมาถึงที่นี่ล่วงหน้าได้พักใหญ่แล้วหากเธอพาต้นข้าวเข้างานสายมีหวังได้ถูกดุกันทั้งคู่แน่
“สวัสดีครับคุณอาอีกเดี๋ยวแฟชั่นโชว์ก็จะเริ่มแล้วเชิญคุณอาทั้งสองนั่งด้านนี้เลยครับผมจัดที่นั่งเอาไว้ให้แล้ว”
อัสนีชายหนุ่มร่างสูงใบหน้าหล่อเหลาในชุดสูทสีเทาราคาแพงเดินดุ่มด้วยท่วงท่าสง่าเข้ามาสวัสดีทักทายเทวัญและเปรมนภาเพื่อเชิญเข้าไปนั่งที่ที่เขาจัดเอาไว้ให้สำหรับแขกพิเศษ
“อ่อ..เดี๋ยวอาขอรอลูกสาวอีกสักครู่แล้วจะตาไปนะครับ”
เทวัญรีบปรับสีหน้าเป็นชื่นมื่นเมื่ออัสนีเข้ามาต้อนรับหลังจากหงุดหงิดหัวใจที่ลูกตนนั้นมาสายจนจะถึงเวลาที่งานทุกอย่างเริ่มแล้วยังไม่โผล่มา
“เธอมาด้วยเหรอครับ”
อัสนียกยิ้มทั้งยังทำสีหน้าแปลกใจรู้ข่าวมาตลอดว่าลูกสาวของเทวัญไม่ชอบออกงานสังคมมาตั้งแต่ที่ประสบอุบัติเหตุจนสูญเสียการมองเห็น
“มาสิครับเห็นว่าคุณอัสอยากจะเจออาก็เลยขอให้ยัยข้าวมาด้วย”
จากการที่เทวัญเจอกับอัสนีครั้งที่แล้วเขาจำได้ว่าชายหนุ่มเปรยว่าอยากจะเจอกับต้นข้าวสักครั้งงานนี้เขาจึงบังคับลูกสาวคนเดียวมาที่นี่จนได้หากโชคดีเกิดอัสนีดูจะพอในใจตัวลูกสาของเขาก็คงจะเป็นการดีหากไม่เป็นเช่นนั้นก็สร้างปฏิสัมพันธ์กันเอาไว้ก็ไม่เสียหายเพราะเขาก็ชอบให้ต้นข้าวนั้นรู้จักกับคนที่มีฐานะเยอะๆอยู่แล้ว
“ยัยข้าวมาพอดีเลยค่ะคุณ”
เปรมนภาพอจะคลี่ยิ้มออกที่ลูกเธอโผล่มาพร้อมบุษยาจนได้ไม่อย่างนั้นกลับไปเธอก็คงจะถูกสามีบ่นหูชาแน่ว่าเธอไม่สามารถเลี้ยงลูกให้เชื่อฟังทุกอย่างได้
“นี่ต้นข้าวลูกสาวผมครับคุณอัส...ส่วนนี่ก็บุษยาน้องคุณเปรมตอนนี้ก็ดูแลยัยข้าวอย่างใกล้ชิด”
อัสนีมองไปยังร่างบางในชุดสีชมพูด้วยสายตาที่คนรอบข้างก็เดาอารมณ์ชายหนุ่มไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไรเมื่อเห็นต้นข้าว
“สวัสดีครับ”
อัสนียกมือไหว้บุษยาก่อนจะเปรยสายตามาจับจ้องยังสาวเจ้าในชุดชมพูเช่นเดิม เสียงของผู้ชายที่กำลังทักทายทำต้นข้าวเริ่มมีสีหน้าฉงนเธอรู้สึกว่าเสียงนี้เหมือนกับใครบางคนที่เธอคุ้นเคยเหลือเกินเพียงน้ำเสียงนี้ดูจะแข็งกร้าวกว่านิดหน่อย
“คุณข้าวสวยน่ารักกว่าที่คุณอาคุยไว้มากเลยนะครับ”
อัสนียกยิ้มอ่อนทั้งเปรยสายตาบ่งบอกถึงความสนใจในตัวของต้นข้าวให้เทวัญได้เห็น
“ฮ่าๆๆ...ครับยัยข้าวใครเห็นก็เอ็นดูกันทุกคน”
คนเป็นพ่อที่มีคนมาเอ่ยชมลูกสาวต่อหน้าก็หัวเราะร่ายกมือแตะแขนอัสนีด้วยท่าทีชอบใจแต่คนที่จะไม่ชอบใจเอามากเห็นจะเป็นต้นข้าวเพราะพอจะรู้แล้วว่าพ่อของเธอคะยั้นคะยอให้มางานนี้เพื่ออะไร
“ถ้ามากันครบแล้วก็เชิญเข้าไปในงานกันได้เลยครับ”
อัสนีผายมือเชิญให้ทุกคนเข้าไปด้านใน
“ข้าวขอกลับนะคะคุณพ่อ...ตาก็มองอะไรไม่เห็นก็คงจะไม่สนุกเท่าไร”
ต้นข้าวไม่ยอมเดินไปไหนทั้งโพร่งเสียงแข็งออกมาจนทุกคนหน้าเสียโดยเฉพาะเทวัญไม่พอใจเอามากที่ลูกสาวทำกิริยาไม่น่ารักต่อหน้าอัสนี
“ข้าว”
บุษยาสะกิดปรามหลานสาวด้วยเห็นสีหน้าของเทวัญแล้วกลับไปรู้ได้เลยว่าคงถูกดุชุดใหญ่แน่
“ได้ยังไงล่ะลูกมาถึงแล้วก็อยู่ต่ออีกสักหน่อยเถอะนะ”
เปรมนภาดึงมือของต้นข้าวเอาไว้พยายามให้เดินตามเพราะไม่อยากจะเห็นลูกถูกดุเช่นทุกครั้งที่ดื้อกับคนเป็นพ่อแต่เหมือนต้นข้าวจะไม่ใส่ใจจะกลัวเช่นที่น้าและแม่กลัวเธอยังคงมีท่าทีดื้อดึงเช่นเดิม
“ไม่ค่ะ...คุณพ่อให้ข้าวมาข้าวก็มาแล้วและตอนนี้ก็จะกลับแล้วด้วย”
