สวนบุปผาแสนลึกลับ
ในสวนบุปผาที่สวยงามราวกับสรวงสวรรค์ เสี่ยวจูและเหวินจิ้งก้าวเข้ามาท่ามกลางดอกไม้หลากสีสันที่บานสะพรั่งและส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่วทุกมุม ดอกไม้ทุกดอกเบ่งบานอย่างงดงามเหมือนกำลังเชิญชวนให้ผู้มาเยือนได้ชมความงาม เสียงนกขับขานเป็นดนตรีประกอบบรรยากาศ เสี่ยวจูยืนนิ่งพลางมองไปรอบๆ ด้วยดวงตาเปล่งประกายจากความตื่นตาตื่นใจ นางรู้สึกราวกับกำลังเดินอยู่ในโลกแห่งความฝันที่งดงามที่สุด
"นี่คือสวนบุปผาที่เขาเล่าขานกันจริงๆ ใช่ไหมคะ? มันช่างงดงามยิ่งนัก!" เสี่ยวจูพูดออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น นางรู้สึกเหมือนหัวใจของตนเองเต้นรัวเร็วด้วยความยินดี ความงามรอบตัวทำให้นางรู้สึกเต็มไปด้วยความหวังและความสุข
เหวินจิ้งยิ้มบางๆ ขณะมองเสี่ยวจูที่ดวงตาสุกใสด้วยความตื่นเต้น "ใช่แล้ว ที่นี่คือสวนบุปผา ข้าคิดว่าแม่นางเสี่ยวจูคงจะชอบที่นี่มาก" เขาตอบด้วยน้ำเสียงที่แฝงความอ่อนโยน
เสี่ยวจูเงยหน้ามองดอกไม้รอบตัว ขณะที่ความทรงจำในอดีตเริ่มย้อนกลับมาในหัวใจของนาง “แต่ข้าจำได้ว่าครั้งแรกที่ข้าเข้ามา ข้ายังไม่ทันได้เข้าไปถึงด้านใน ข้าก็ถูกหมอกพิษเล่นงานจนสลบไปเสียก่อน”
เมื่อได้ยินคำพูดของเสี่ยวจู เหวินจิ้งชะงักเล็กน้อย ความกังวลเริ่มแผ่ซ่านเข้ามาในใจของเขา เขารู้ดีว่าในสวนบุปผานี้มีหลายสิ่งที่ไม่สามารถคาดเดาได้ แม้ว่าเขาจะเป็นผู้คุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้มากที่สุด แต่ก็ยังมีสิ่งลี้ลับบางอย่างที่ไม่อาจควบคุมได้ เขารีบหันไปหากระต่ายสีขาวขนฟูนุ่มนามว่าอวี้หลัน ซึ่งเป็นสัตว์เทพที่คอยติดตามเขามาตลอดหลายปี
อวี้หลันรับรู้ถึงสัญญาณที่เหวินจิ้งส่งออกมา มันจึงรีบกระโดดออกไปจากจุดที่ยืนอยู่ และพยายามดึงความสนใจของเสี่ยวจู กระต่ายตัวเล็กที่น่ารักนี้วิ่งนำเสี่ยวจูไปยังมุมอื่นของสวน
เสี่ยวจูหัวเราะร่า “ที่นี่มีกระต่ายน้อยด้วยหรือ กระต่ายตัวนี้น่ารักมากเลย” นางพูดพร้อมกับเดินตามเจ้ากระต่ายน้อยอย่างสนุกสนาน
อวี้หลันวิ่งนำเสี่ยวจูไปทั่วสวน ดึงความสนใจของนางออกจากความกังวลที่นางพูดถึง เสียงหัวเราะของเสี่ยวจูดังขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่นางเพลิดเพลินกับการวิ่งตามกระต่ายตัวน้อยไปทั่วสวน ความสุขของหญิงสาวทำให้บรรยากาศรอบตัวดูสดใสขึ้น เหมือนกับดอกไม้ที่บานสะพรั่งยิ่งขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองความยินดีของนาง
ในระหว่างที่เสี่ยวจูกำลังเล่นกับอวี้หลัน เหวินจิ้งใช้โอกาสนี้ในการเสาะหาสมุนไพรหายากชนิดหนึ่ง เขามองหาพืชที่ยังตูมอยู่ ซึ่งเขารู้ดีว่ามันจะเป็นสิ่งที่ช่วยรักษาเสี่ยวหลงได้ ด้วยความสามารถพิเศษของเขา เหวินจิ้งใช้พลังเซียนเสกให้ดอกสมุนไพรตูมๆ บานออกอย่างงดงาม
ดอกไม้สีฟ้าสดสวยที่มีแสงสว่างระยิบระยับดั่งแสงดาวส่องประกายออกมา ลำต้นสีเขียวสดทำให้ดอกไม้ดูมีชีวิตชีวา
เมื่อเสี่ยวจูเล่นกับกระต่ายเสร็จและหันกลับมา นางเห็นดอกสมุนไพรที่เบ่งบานอยู่อย่างงดงามตรงหน้า นางเปล่งเสียงออกมาด้วยความดีใจ “ท่านหมอเหวินจิ้ง! ท่านหาสมุนไพรนี้เจอแล้วหรือเจ้าคะ? มันช่างงดงามเหลือเกิน”
เหวินจิ้งยิ้มอย่างพอใจและพยักหน้า “ใช่แล้ว แม่นางเสี่ยวจู ข้าพบมันบานสะพรั่งอยู่ที่ตรงนี้” เขาตอบด้วยน้ำเสียงอบอุ่น ขณะจ้องมองดวงตาของเสี่ยวจู
เสี่ยวจูยิ้มอย่างตื่นเต้น แต่ในใจก็เริ่มสงสัย “ท่านหมอ ดอกไม้และสมุนไพรที่สวนนี้มีเป็นร้อยเป็นพันชนิด ท่านช่างหาสมุนไพรเก่งจริงๆ จนข้าชักเริ่มสงสัยว่าท่านจะต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ ท่านนี่เป็นเทพเซียนหรืออย่างไร?” นางถามด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
เหวินจิ้งหัวเราะเบาๆ ก่อนตอบ “ข้าเพียงทำหน้าที่ของข้าเท่านั้น แม่นางเสี่ยวจูไม่ต้องกังวลใจไป” เขาตัดบทอย่างนุ่มนวล ก่อนจะรีบพานางออกจากสวนบุปผา เพื่อกลับไปที่จวนของเจ้าเมืองโดยเร็ว
ทันทีที่เสี่ยวจูและเหวินจิ้งกลับมาถึงจวนของเจ้าเมือง นางรีบวิ่งเข้าไปในบ้านพร้อมกับสมุนไพรหายากที่เหวินจิ้งหามาได้ด้วยความยินดี
“ท่านพ่อ! ข้านำยามาแล้วเจ้าค่ะ!” นางร้องบอกด้วยเสียงตื่นเต้น
เจ้าเมืองเสี่ยวเหยาหันกลับมาด้วยความประหลาดใจและดีใจ “จริงหรือเสี่ยวจู?” เขาถามเสียงดังด้วยความหวัง
“เจ้าค่ะท่านพ่อ! ถ้าเสี่ยวหลงได้ยาชนิดนี้ ข้าคิดว่าเขาน่าจะหายเร็วพลันเป็นแน่!” เสี่ยวจูพูดด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความหวัง
เหวินจิ้งที่ได้ยินเช่นนั้นก็ได้แต่ยิ้มบางๆ ก่อนจะเตรียมจดเทียบยาสมุนไพรทั้งหมดที่เขาได้มาและเริ่มกระบวนการรักษาเสี่ยวหลง เขาค่อย ๆ บดสมุนไพรผสมกับยาที่เตรียมไว้ใส่ลงในถ้วยยาเล็ก ๆ และเริ่มป้อนให้เสี่ยวหลงดื่มทีละน้อยจนหมดถ้วย
ภายในเวลาไม่นาน เสี่ยวหลงเริ่มมีอาการดีขึ้น ใบหน้าซีดเผือดของเขาเริ่มกลับมามีสีเลือด ดวงตาเริ่มเปล่งประกายสดใสขึ้น เสียงหายใจที่เคยหนักหน่วงและไม่สม่ำเสมอกลับมาเป็นปกติ การฟื้นตัวของเสี่ยวหลงทำให้บรรยากาศในบ้านเปลี่ยนไปเป็นความสุขและความโล่งใจ ความหวังที่ทุกคนเคยคิดว่าจะหายไป กลับมาเต็มเปี่ยมอีกครั้ง
“พี่เสี่ยวจู...ข้ารู้สึกดีขึ้นแล้ว” เสี่ยวหลงพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แต่แฝงไปด้วยความยินดีที่เขาเริ่มรู้สึกว่าร่างกายของเขากลับมาแข็งแรงอีกครั้ง
เมื่อได้ยินคำพูดของเสี่ยวหลง ทุกคนในครอบครัวต่างรู้สึกโล่งใจและมีความสุขมากที่สุดในชีวิต พวกเขาต่างหันมาขอบคุณเหวินจิ้งจากใจจริง เจ้าเมืองเสี่ยวเหยาจับมือหมอหนุ่มแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงซาบซึ้ง “ขอบคุณท่านมาก ท่านช่วยชีวิตบุตรชายของพวกเรา เราจะไม่ลืมบุญคุณของท่านไปตลอดชีวิต”
เหวินจิ้งยิ้มและพยักหน้า “ข้ายินดียิ่งนักที่ได้ช่วยเหลือพวกท่าน” เขาตอบอย่างถ่อมตัว
เสี่ยวจูที่ยืนมองเหวินจิ้งด้วยความชื่นชมรู้สึกได้ว่าหมอหนุ่มผู้นี้ไม่เพียงแต่มีความสามารถ แต่ยังมีจิตใจที่งดงาม นางจึงกล่าวขอบคุณด้วยรอยยิ้ม “ท่านหมอเหวินจิ้ง ข้าขอขอบคุณท่านจากใจจริง ไม่ทราบว่าท่านคิดค่ารักษาเท่าไหร่ พวกเรายินดีที่จะจ่ายให้กับท่าน”
เหวินจิ้งส่ายหน้าเบาๆ “การรักษาคนป่วยเป็นสิ่งที่ข้าพึงกระทำ การรักษาครั้งนี้ข้ามิได้หวังผลตอบแทนใดๆ” คำตอบที่ถ่อมตนของเขายิ่งทำให้เสี่ยวจูประทับใจในตัวเขามากขึ้นไปอีก
เมื่อเห็นว่าเสี่ยวหลงอาการดีขึ้นอย่างรวดเร็ว เหวินจิ้งก็รู้สึกว่าไม่มีอะไรให้กังวลอีกแล้ว เขาจึงขอตัวลา “ข้าคงต้องขอลากลับก่อน ขอให้แม่นางเสี่ยวจูและครอบครัวของท่านประสบพบแต่โชคดี”
เสี่ยวจูที่ยืนอยู่ตรงหน้าเหวินจิ้งรู้สึกใจหายเมื่อได้ยินคำลาของเขา นางไม่อยากให้เวลานี้จบลงเลย นางอยากจะพูดกับเขามากกว่านี้ แต่นางก็รู้ดีว่าเขาคงมีหน้าที่ที่ต้องทำต่อไป
“ลาก่อน ท่านหมอ...” เสี่ยวจูพูดด้วยเสียงแผ่วเบา ขณะที่นางมองเหวินจิ้งเดินจากไป นางรู้สึกได้ถึงความสุขที่น้องชายของนางหายป่วย แต่ก็ปนเปไปด้วยความเศร้าที่ต้องจากลากับบุรุษในฝันของนาง
ก่อนที่เขาจะหายไปจากสายตา เหวินจิ้งหันกลับมายิ้มให้และพูดทิ้งท้าย “แม่นางเสี่ยวจู ถ้ามีโอกาส เราคงได้พบกันใหม่”
เสี่ยวจูยืนมองตามเขาจากไป ใจของนางเต็มไปด้วยความหวังว่าพวกเขาจะได้พบกันอีกครั้งในวันหนึ่ง ขณะที่สายลมพัดผ่านและดอกไม้รอบตัวบานสะพรั่งเสมือนเป็นสัญญาณให้กับความหวังที่ยังคงอยู่ในหัวใจ
