แค่เด็กกำพร้า
“ชื่ออะไร บ้านอยู่ที่ไหน เรียนที่ไหน” คำถามมากมาย จากอีกฝ่าย ทำให้ฝนทิพย์นิ่งเงียบไปครู่หนึ่งด้วยความหวั่นเกรง เธอเป็นเพียงลูกสาวแม่ค้าขายขนม ไม่เคยคบค้าสมาคมกับคนมีเงินมีอำนาจ จึงกล้า ๆ กลัว ๆ ที่จะตอบ
“เงียบทำไม ฉันถาม เธอไม่ได้ยินเหรอ”
“หนูชื่อฝนทิพย์ค่ะ บ้านอยู่นนทบุรี กำลังเรียนอยู่ปีหนึ่งค่ะ” เธอตอบเฉพาะที่โดนถาม ไม่ตอบนอกเหนือจากอื่น พร้อมมือบางประสานกันแน่น แสดงความกังวลใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด
บ้านหลังใหญ่ราวกับคฤหาสน์ของหิรัญ ทำให้หญิงสาวผู้ไม่เคยเห็นโลกกว้าง รู้สึกประหม่าอย่างที่ไม่เคยเป็น ก่อนเสียงของชายกลางคนจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าคนอย่างลูกชายฉัน จะทำอะไรเหลวไหลได้ถึงขนาดนี้ แต่ถึงอย่างนั้น..ฉันอยากให้เธอเก็บเรื่องนี้เป็นความลับไว้ก่อน ถ้าข่าวหลุดลอดออกไป จะมีผลกระทบต่อบริษัทอย่างมาก” น้ำเสียงราบเรียบของอธิพันธ์บอกเธอ ในขณะที่หญิงสาวไม่เข้าใจความหมายของอีกฝ่ายมากนัก เธอได้แต่พยักหน้า แล้วนั่งนิ่งทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น
ฝนทิพย์เป็นเด็กกำพร้าพ่อแม่ เธออาศัยอยู่กับยายมาตั้งแต่เด็ก ในทุกวันเธอมักจะช่วยยายเข็นรถ ไปขายขนมอยู่ริมถนน เสียงของยายดังไม่เคยหยุด เพราะยายจะเรียกลูกค้าทุกคนให้เข้ามาชิมขนมไทยโบราณอย่างเป็นกันเอง ฝนทิพย์มีหน้าที่หยิบขนมใส่ถุงแล้วยื่นให้ลูกค้าเท่านั้น เธอสังเกตผู้คนที่เดินผ่านไปมาแต่งตัวสวย แตกต่างจากยายที่นุ่งเพียงเสื้อผ้าเก่า ๆ และนั่นเป็นครั้งแรกที่ทำให้เธอเข้าใจความแตกต่างระหว่างผู้คน
“ยายจ๊ะ” ฝนทิพย์เด็กหญิงตัวเล็กอายุราวเจ็ดขวบ เอ่ยขึ้น ก่อนที่หญิงชรากำลังเก็บของกลับบ้าน หันมาด้วยใบหน้าเมตตา
“มีอะไร”
“ทำไมเราต้องเข็นรถขายขนมด้วย” คำพูดของเด็กหญิงทำให้หญิงชราชะงักนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะย่อตัวลงนั่งบนเก้าอี้เก่า ๆ แล้วถอนหายใจออกมา พร้อมยกมือลูบศีรษะหลานสาวด้วยความรัก
“ทุกคนต้องทำงาน ถ้าไม่ทำงาน เราก็จะไม่มีเงินไปจ่ายค่าห้องเช่า ไม่มีเงินไว้ซื้อข้าวกิน” คำตอบของยายทำให้เด็กหญิงตัวเล็กนิ่งเงียบไป
“ทำไมคนพวกนั้น มีรถขับ แล้วทำไมเราไม่มีล่ะจ๊ะ”
“เพราะฐานะคนเราไม่เท่ากันไง ฝนทิพย์ฟังยายนะ เราเกิดมาจน ยังไงชาตินี้ยายก็หารถสวย ๆ ให้ฝนนั่งไม่ได้หรอก พรุ่งนี้จะมีกินหรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลย สิ่งที่ยายทำได้ก็คือขายขนมกินไปวัน ๆ นั่นล่ะ ส่วนอนาคตของฝนก็อยู่ที่ฝนกำหนดเองทั้งนั้น” ฝนทิพย์ทอดสายตามองไปยังเด็กผู้หญิงที่อายุไล่เลี่ยกัน เดินถือไอติมขึ้นรถคันใหญ่ไป ก่อนจะเอ่ยกับหญิงชราด้วยความเดียงสา
“ขายขนมมันเหนื่อย ยายนั่งทำขนมทั้งวันทั้งคืน ฝนไม่อยากให้ยายลำบาก ฝนจะทำยังไงให้ยายไม่ลำบาก” หญิงชราได้ยินดังนั้นจึงปล่อยยิ้มกว้าง
“ยายลำบากมาทั้งชีวิต ยายไม่กลัวแล้วล่ะ แต่ถ้าฝนไม่อยากลำบากเหมือนยาย ฝนก็ต้องตั้งใจเรียน จะได้มีงานดี ๆ ทำ มีรถขับ มีบ้านสวย ๆ เหมือนคนอื่นเขา”
“ฝนต้องตั้งใจเรียนเหรอ ยายถึงจะได้ไม่ต้องมาเข็นรถขายขนม” หญิงชราพยักหน้า แล้วลุกขึ้นเก็บข้าวของกลับบ้านต่อ โดยไม่สนใจสิ่งที่เด็กหญิงจำฝังใจมาตลอด
ในทุกวันเด็กหญิงมักจะมองเข้าไปในรถคันใหญ่ ที่วิ่งผ่านหน้า เธอมักจะอิจฉาเด็กพวกนั้นที่มีชีวิตสุขสบาย แต่แล้วความอบอุ่นที่ได้จากยาย ทำให้ฝนทิพย์อยากอยู่กับยายมากกว่าความสบายที่ใฝ่ฝัน
หญิงสาวเลื่อนสายตามองไปรอบ ๆ บ้านหลังใหญ่ของหิรัญ นับจากเกิดมาจนอายุสิบเก้า เธอยังไม่เคยเห็นบ้านใครหลังใหญ่เท่านี้มาก่อน การตบแต่งภายในหรูหราราวกับหลุดมาจากภาพวาด ทำให้เธอจินตนาการไม่ออกว่าเขารวยขนาดไหน ถึงได้มีบ้านหลังใหญ่ราวกับราชวัง
ก่อนฝนทิพย์จะรู้สึกตัว...แล้วหวนนึกถึงคืนหายนะนั้น ความจริงเธอไม่รู้แม้แต่ชื่อของเขา เห็นหน้ากันเพียงคืนเดียวแล้วแยกย้าย ไม่รู้จักนิสัยใจคอว่าเขาเป็นคนแบบไหน หญิงสาวนั่งก้มหน้าทบทวนสิ่งต่าง ๆ อย่างคนเจียมเนื้อเจียมตัว
ไม่นานนัก เสียงรถคันหรูก็แล่นเข้ามาในบ้านหลังใหญ่ พร้อมกับชายหนุ่มในชุดสูทสง่า ย่างเท้าเข้ามาในบ้านพร้อมเลื่อนมองหญิงสาวด้วยสายตาราบเรียบ ทบทวนโครงหน้าของฝนทิพย์ เขาจำได้อย่างแม่นยำ เพราะคืนนั้นเธอเหมือนจะลังเลแต่ก็สมยอมในที่สุด
