บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 : ฉันเป็นบ้าไปแล้ว

บทที่ 2 : ฉันเป็นบ้าไปแล้ว

ฉันยังคงใช้ชีวิตปกติเฉกเช่นเดิม จะมีที่เปลี่ยนแปลงไปคือตอนเลิกเรียนที่ควรได้กลับบ้าน ฉันยังต้องไปเรียนที่โรงเรียนกวดวิชาเพิ่มอีก วันนี้ก็เช่นเดียวกัน ฉันเดินคอตกเข้าไปข้างใน ตรงทางขึ้นบันไดมีผู้ชายสองคนยืนอยู่ เป็นพี่ตะวันกับพี่สายชลนั่นเอง ฉันได้แต่ก้มหน้างุดจนแทบจะเอาหัวมุดลงดินไปเสียด้วยซ้ำ

“อ้าวน้องหวาน...มาเรียนแล้วเหรอ” เสียงพี่ตะวันเอ่ยแซวออกมา

ฉันได้แต่ถอนหายใจ ก้มหน้า ไม่โต้ตอบอันใดไป “พูดด้วยไม่พูดด้วย เป็นใบ้เหรอคะ” นั่นไงพี่ตะวันยังคงพล่ามออกมาไม่หยุด อยากจะให้ฉันลุกขึ้นมากรีดร้องใส่หน้าเขาเลยเหรอเนี่ย ฉันทำได้เพียงคิดในใจ หน้าตาหงิกงอลงอย่างช่วยไม่ได้

แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังอดปรายตามองไปที่พี่สายชลไม่ได้อยู่ดี พี่เขายังคงยืนนิ่งไม่พูดไม่จา ทำเพียงแค่มอง แค่มองเท่านั้น จู่ ๆ ฉันก็เกิดอาการหน้าแดงระเรื่อขึ้นมา หัวใจฉันเต้นรัวแรงอย่างห้ามไว้ไม่อยู่ ถ้ามันกระโดดออกมาจากอกได้ มันคงเด้งดึ๋งลงบนพื้นไปมาให้อับอายขายหน้าผู้คนเป็นแน่ จากนั้นผีนักวิ่งก็เข้าสิงฉันทันที ฉันรีบจ้ำอ้าวเดินขึ้นบันไดไปอย่างรวดเร็วยิ่งกว่าความเร็วแสงเสียอีก

ฉันนั่งเรียนโดยหาสมาธิไม่เจอเลยทีเดียว ฉันค่อนข้างแปลกใจพอสมควรทำไมพี่สายชลถึงดูสนิทกับพี่ตะวันน่าดู ทั้งที่พี่สายชลออกจะดูเงียบ ๆ ขรึม ๆ ต่างกับพี่ตะวันที่ดูท่าทางกวนบาทา แถมปากแทบหาหูรูดไม่เจอด้วยซ้ำ ยิ่งคิดสติฉันก็ยิ่งเตลิด นึกถึงแววตาที่มองมาที่ฉัน ก็รู้สึกร้อนผ่าว เกิดอาการครั่นเนื้อครั่นตัวขึ้นมาทันที สงสัยฉันจะเป็นไข้ซะแล้วละมั้ง

ผ่านเวลาไปอีกเทอม ชีวิตฉันยังคงวนเวียนอยู่ซ้ำ ๆ การเข้ามาเรียนที่โรงเรียนกวนวิชายังคงไม่เปลี่ยนแปลง พี่ตะวันยังคอยพูดจาแซวฉันจนฉันเริ่มรู้สึกชาชิน ฉันทำได้เพียงทำหน้าหงิกงอ ก้มหน้าลงพื้น ไม่มีแม้แต่เสียงใด ๆ เอ่ยออกมาจากปากฉัน ดั่งฉันเป็นเพียงวิญญาณที่ลอยเข้ามาแล้วก็ลอยออกไปเท่านั้นเอง

แต่สิ่งที่แตกต่างออกไปคือฉันมักจะลอบมองหน้าพี่สายชลอยู่เป็นประจำ ทุกครั้งที่สายตาเราสบกัน ฉันก็อดยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ออกมาไม่ได้ พี่สายชลคงคิดว่าฉันเป็นพวกไบโพล่าร์ละมั้ง เดี๋ยวหน้าบึ้ง เดี๋ยวอมยิ้ม อย่าว่าแต่พี่สายชลคิดเลย ฉันเองยังคิดว่าฉันต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ ๆ ใช่...ฉันเป็นบ้าไปแล้ว

วันนี้เป็นวันหยุดฉันแทบจะกระโดดโลดเต้นเลยทีเดียว ความสุขสงบภายในบ้านของฉันที่ฉันเฝ้าถวิลหา อากาศในบ้านนี่มันช่างสดชื่นยิ่งนัก ฉันคิดอย่างอารมณ์ดี วันดี ๆ อย่างนี้ฉันจึงเลือกหยิบหนังสือนิยายสักเล่มออกไปอ่านที่สวนหน้าบ้าน ตั้งใจจะใช้เวลากับความสุขสงบที่หาได้ยากนักให้เต็มที่เสียหน่อย

เมื่อฉันเดินออกไปที่หน้าบ้าน ฉับพลันตัวฉันก็แข็งทื่อไปเลยทีเดียว พี่เพชร พี่ตะวัน พี่สายชล กำลังนั่งคุยกันอยู่ สวนหน้าบ้านของฉันถูกยึดเอาไปแล้วเหรอนี่

พี่เพชรเห็นฉันจึงรีบเรียกอย่างเร็ว “น้ำหวาน วานเอาโค้กกับน้ำแข็งในตู้เย็นมาให้หน่อย”

หน๊อยแน่ะ มาแย่งมุมสุดโปรดของฉัน แล้วยังจะมาใช้ฉันอีก ฉันได้แต่ทำหน้าหงิกงอ ก่อนจะหันหลังเดินกลับเข้าไปในบ้าน แต่ต่อให้ไม่พอใจแค่ไหน ฉันก็ยังคงเดินไปหยิบโค้กและน้ำแข็งพร้อมทั้งแก้วน้ำสามใบเอามาให้พี่เพชรอีกอยู่ดี

ฉันยกออกมาอย่างพะรุงพะรัง ยังดีที่พี่เพชรยังพอมีน้ำใจ ช่วยยกโค้กกับน้ำแข็งไปวางบนโต๊ะ ฉันจึงหยิบแก้ววางไว้ตรงหน้าพี่สายชล

“ขอบคุณครับ” พี่สายชลเอ่ยออกมาโดยไม่ได้เงยหน้ามองฉันแม้แต่น้อย แต่นั่นกลับเป็นคำพูดคำแรกที่พี่เขาพูดกับฉันออกมา มือไม้ฉันสั่นไหวไปหมด ร่างกายแทบจะพยุงไว้ไม่อยู่ ฉันรีบกำถาดไว้ในมือแน่น จากนั้นก็วิ่งปรูดกลับเข้าห้องนอนของฉันทันที

“อร๊ายยยยย” ฉันให้หมอนปิดหน้าตัวเองก่อนจะกรี๊ดออกมาดังลั่น ฉันในตอนนี้ไม่สามารถหุบยิ้มได้เลย ฉันนอนกอดหมอนข้างกลิ้งไปมาบนเตียงอย่างมีความสุข นี่ตัวฉันกำลังเป็นอะไรกันแน่เนี่ย...ฉันต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ ๆ

Part : พี่สายชล

ตั้งแต่ผมได้เจอน้องหวานผมรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นเป็นกอง ความอยากเรียนเพิ่มขึ้นไปอีกเท่าตัวทีเดียว

ตั้งแต่วันนั้นในทุก ๆ วัน ผมมักจะชวนไอ้ตะวันมายืนตรงหน้าบันไดเพื่อรอใครบางคนเสมอ

ไอ้ตะวันก็คงงง ๆ กับผมเหมือนกันว่าเกิดผีเข้าอะไรขึ้นมา ผมขี้เกียจอธิบายอะไรมันมากนัก ได้แต่บอกปัดไปว่าขี้เกียจนั่งในห้อง

ผมคอยชะเง้อมองหาร่างบางตรงทางเข้าประตูอย่างรอคอย จนเธอเดินเข้ามา ไอ้ตะวันยังคงปากหมาเหมือนเคย มันคอยพูดแซวน้องหวานอยู่ได้ทุกวัน บางวันพูดเสร็จก็หันหน้ามาล้อเลียนผม ผมได้แต่มองมันด้วยความหงุดหงิด ใจผมก็อยากจะทักทายเธอบ้างเหมือนกัน แต่ไอ้เราก็พูดไม่เก่งซะด้วย น้องหวานก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตาประหนึ่งพวกผมเป็นวิญญาณเร่ร่อนที่มาขอส่วนบุญอย่างนั้นแหละ ผมจึงได้แต่มองเธอ เผื่อได้มีโอกาสสบตากันบ้างในบางจังหวะก็ทำเอาผมกระชุ่มกระชวยหัวใจแล้ว

วันนี้วันหยุดพวกเราสองคนไม่มีอะไรทำ ผมจึงนึกครึ้มชวนไอ้ตะวันไปหาไอ้เพชรที่บ้าน พวกเรานั่งคุยกันอยู่ที่สวนหน้าบ้าน ผมคอยสอดส่องสายตาเผื่อว่าจะโชคดีได้เจอน้องหวาน แต่จนแล้วจนรอดเธอก็ไม่มาปรากฏตัวให้เห็นเลย

แต่จู่ ๆ ก็เหมือนสวรรค์เข้าข้างผมขึ้นมา น้องหวานเดินถือหนังสือตรงมายังพวกเรา แต่เมื่อเธอเห็นพวกเราเข้าถึงกับชะงัก แล้วหันหลังเตรียมเผ่นกลับเข้าไปทันที ยังดีที่ไอ้เพชรขอให้น้องหวานไปหยิบน้ำมาให้ ไม่งั้นวันนี้ผมคงมาบ้านมันแบบเสียเที่ยวแล้ว

ตอนน้องหวานเดินถือของพะรุงพะรังเข้ามา ผมคิดจะลุกไปช่วยเธอเสียหน่อยแต่ไอ้เพชรก็ชิงตัดหน้าเสียก่อน จนเธอยื่นแก้วมาวางตรงหน้าผม ผมได้โอกาสเลยเอ่ยปากขอบคุณไปเพียงคำเดียว ตั้งใจว่าจะชวนพูดคุยอีกนิดหน่อย แต่เธอกลับเผ่นแนบ กึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าไปในบ้านทันที ผมได้แต่อ้าปากค้างไว้อยู่ตรงนั้น ผมได้แต่อมยิ้มและอดขำตัวเองไม่ได้

แมวน้อยของผม...ช่างตื่นคนเสียจริง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel