บทที่ 2 รักแรกของดอน
16.00 น.
ก่อนถึงช่วงเวลาที่สุดแสนเร่าร้อน...
"ในที่สุดก็สอบเสร็จสักที" นักศึกษาสาวสวยชั้นปีที่ 1 พูดขึ้น ขณะเดินลงบันไดออกจากห้องสอบหลังสอบวิชาสุดท้ายก่อนปิดภาคเรียนเทอมที่ 1 เสร็จสิ้น เธอพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล้ากับเพื่อนสนิทที่เดินเคียงคู่กัน
"..."
"เฮ้อ นี่เราจะต้องอดหลับอดนอนก่อนสอบทุกครั้งไปอีก 3 ปีเลยเหรอ ให้ตายเถอะ อยากรีบเรียนให้จบไว ๆ แล้วสิ"
เค้กบ่นอุบอิบ มองภาพตัวเองในสภาพนี้ไปถึงอนาคตต่อจากนี้ที่ต้องนั่งโต้รุ่งอ่านหนังสือสอบ สวนทางกับเพื่อนสนิทอย่างรักแรกที่เดินเคียงกันลงบันไดแต่ไม่ยอมพูดจาอะไร เอาแต่ปิดปากเงียบมาตั้งแต่ก่อนจะเข้าสอบจนถึงตอนนี้
"..."
"เกิดอะไรขึ้นเหรอรัก ทำไมเอาแต่เงียบ ทำข้อสอบไม่ได้เหรอ" เค้กสะกิดเพื่อนคนสนิทเบา ๆ
รักแรกดูเหม่อลอยไร้สติอยู่กับตัว ปล่อยให้เค้กพูดอยู่คนเดียวไม่คิดสนใจฟังบทสนทนา
"อ่อ เปล่า รักแรกแค่คิดอะไรไปเรื่อย" รักแรกหันมาพูดและยิ้มให้เพื่อนสนิท หันมาสนใจกับบทสนทนาของเค้กอีกครั้ง
"..." เค้กมองหน้ารักแรกอดนึกเป็นห่วงไม่ได้
คนที่ปกติจะร่าเริงเป็นศูนย์รวมของกลุ่มเพื่อน ๆ อย่างเธอนะเหรอจะเหม่อลอยคิดอะไรเรื่อยเปื่อย นอกเสียจากว่ามีอะไรเข้าไปกวนใจ
"หรือว่าน้าแกจะไม่อนุญาตให้แกไปสังสรรค์กับพวกเราคืนนี้"
เค้กเปลี่ยนสีหน้าจากคนที่ดูเหนื่อยล้าอดหลับอดนอนมาทำหน้าตาลนลานดูตกใจ คิดเป็นตุเป็นตะไปเอง ถ้าเกิดรักแรกไม่ได้มาปาร์ตี้สังสรรค์ขึ้นมาละก็งานคงล่มไม่เป็นท่าแน่ ๆ
"จะใช่ที่ไหนละ แกไม่เห็นกระเป๋าใบเบ้อเร่อที่รักสะพายอยู่เหรอ รักต้องแบกมันมาจากบ้านถือขึ้นรถเมล์อย่างทุลักทุเล แถมยังหนักมาก"
รักหันกระเป๋าผ้าใบใหญ่ให้เค้กดูซึ่งข้างในถูกบรรจุด้วยเสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นสำหรับแปลงโฉมออกไปสังสรรค์ในคืนนี้แล้วไหนจะเสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยนกลับบ้านในวันพรุ่งนี้ มันถูกอัดแน่นจนกระเป๋าแทบปริออก
"เอาเหรอ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ความจริงแกไม่ต้องเอาของอะไรมาเยอะแยะใช้ของของฉันไปก่อนก็ได้ เสื้อผ้าก็ยืมฉัน ขนาดตัวเราสองคนไม่ได้ถึงกับห่างกันมากซะจนใส่ด้วยกันไม่ได้"
"รักก็อยากทำแบบนั้นอยู่หรอก แต่แกก็น่าจะรู้นิสัยน้ารักดีว่าแกขี้เกรงใจ จู้จี้จุกจิกขนาดไหน ถ้าเกิดรู้ว่ารักเอาเสื้อผ้าแกมาใส่ รักต้องโดยบ่นหูชาอีกแน่"
"ก็จริง" เค้กยิ้มหยียักไหล่อย่างเข้าใจเพื่อนสนิทคนนี้ดี
เค้กกับรักแรก ทั้งสองคนเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมต้น เรียนด้วยกัน เที่ยวด้วยกัน ไปไหนมาไหนด้วยกันมาตลอด ร่วมทุกข์ร่วมสุข ผ่านเรื่องราวฝ่าฟันอุปสรรคมานับครั้งไม่ถ้วนจนกระทั่งถึงตอนมหาวิทยาลัยเราสองคนก็ยังสอบติดที่เดียวกัน คณะเดียวกันอี จึงไม่ใช่แปลกอะไรที่ทั้งสองคนจะรู้สถานะความเป็นอยู่ของครอบครัวแต่ละคนเป็นอย่างดี
"ถ้าอย่างนั้นเรื่องอะไรละที่ทำให้แกเงียบแบบนี้ จะเรื่องสอบก็ไม่น่าจะใช่เพราะแกเรียนเก่งที่สุดในรุ่นเรา"
"รักฝัน..."
"ฝัน? ฝันเปียกเหรอ" เค้กนึกอยากแกล้งรักแรกเลยพูดจาไปแบบนั้น
"...พูดอะไรออกมานะเค้ก"
รักแรกทำหน้าตาล่อกแล่กเมื่อเค้กพูดจาล่อแหลมสิบแปดบวกให้รักแรกฟัง ซึ่งเธอที่มีสมองเรื่องเพศแค่เด็ก 7 ขวบจึงไม่แปลกที่เธอจะเขินทำตัวไม่ถูก
"ล้อเล่น แล้วฝันเรื่องอะไรล่ะ"
"โถเค้กก็นะ...รักฝันถึงเรื่องเดิม ๆ ตอนเด็กอีกแล้ว"
"..." เค้กมองหน้าทุกข์ใจของเพื่อน
รักแรกพูดแค่นั้นเค้กเข้าใจเรื่องทุกอย่างได้ทันที...ในทุก ๆ ปี ก่อนจะถึงวันเกิดรักแรก เธอมักจะฝันถึง...
เปลวไฟสีส้มแดงโหมกระหน่ำลุกโชนเผาไหม้ทั่วบ้านหลังใหญ่ เสียงแตกร้าวของอาคารดังขึ้นเป็นระยะ ไม่นานนักการสึกกร่อนจะความร้อนทำให้หลังคาบ้านหล่นทับลงมาเข้าไปในตัวบ้านจนไม่เหลือล่องลอยรูปลักษณ์ความเป็นบ้านที่ดูสวยงามอีกเลย ความร้อนระอุของเปลวไฟที่ลุกลามอย่างรวดเร็วปล่อยไอความร้อนกระทบกับผิวบางของเด็กน้อยจนรู้สึกร้อนแสบผิว ในมือเล็ก ๆ ข้างหนึ่งกอดตุ๊กตาหมีสุดรักไว้อย่างมั่นคง ส่วนอีกข้างจับมือผู้ชายคนหนึ่งไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ยืนมองดูเปลวไฟอยู่นิ่ง ๆ ทำอะไรไม่ได้ แค่ได้แต่ยืนมอง ดูรถดับเพลิงกำลังฉีดน้ำดับเปลวไฟอย่างชุลมุนวุ่นวายหาทางช่วยสองชีวิตด้านในตัวบ้าน เป็นพ่อแม่ของเด็กตัวน้อยที่กำลังทำอาหารเตรียมสำหรับการฉลองวันเกิดครบอายุ 7 ขวบในวันพรุ่งนี้
ความร้อน สีเปลวไฟ เสียงผุพังและกลิ่นไหม้ มันยังคงติดแน่นอยู่ในความทรงจำ ของจิตใต้สำนึกของเด็กวัย 7 ขวบ จวบจนตอนนี้เธอกำลังจะอายุ 18 ปี มันไม่เคยเลือนจางหายไป
เรื่องราวในตอนนั้นมันก็ผ่านมา 11 ปีแล้ว...
และปีที่ 18 ของรักแรกในคืนนี้จะพิเศษกว่าปีไหน ๆ เพราะ
โลว่า ชื่อของเพื่อนสนิทของพ่อรักแรกได้ให้สัญญากับรักแรกวัย 7 ขวบว่า ถ้าเธออายุครบ 18 ปีบริบูรณ์เมื่อไหร่ เขาจะมารับเธอไปอยู่กับเขาที่อิตาลี เขาพูดในคืนวันสุดท้ายของงานศพครอบครัวเธอ ซึ่งในเวลานั่นรักแรกร้องไห้งอแงไม่ยอมปล่อยให้โลว่ากลับไปอิตาลีหวังให้เขาพาเธอไปด้วยจึงเป็นที่มาของคำสัญญาปากเปล่า รักแรกจึงยอมอยู่กับยายและน้าคอยดูแลเธอจนเติบใหญ่จนถึงทุกวันนี้ และรักแรกยังคงรักษาสัญญานั่นไว้ไม่ลืมเลือน เฝ้ารอที่จะได้พบกันอีกครั้ง
แม้ตอนนี้จะผ่านมาเกือบ 10 ปีและอายุของเธอจะครบ 18 ปีในวันพรุ่งนี้ เธอไม่รู้ว่าโลว่าเปลี่ยนไปขนาดไหน จะจำเธอได้รึเปล่า รวมถึงรักแรกเองก็เช่นกัน ความรู้สึกทุกอย่างจะยังเหมือนเดิมอยู่หรือไม่ ทุกคำถามและความรู้สึกมันถูกถาโถมเข้ามาให้เกิดความสั่นคลอนและตื่นเต้นในเวลาเดียวกัน ทำไมถึงเกิดความรู้สึกนี้ขึ้นมาได้ ทั้ง ๆ ที่ตลอดหลายปี รักแรกเอาแต่รอเฝ้าคิดถึง พอใกล้เข้ามาจริง ๆ ใจกลับรู้สึกกลัว
"เมื่อไหร่แกจะเลิกฝันถึงเรื่องร้าย ๆ พวกนั้นนะ"
เค้กพูดด้วยความเป็นห่วงความรู้สึกของรักแรก พอถึงช่วงนี้ทีไร รักแรกดูจะไม่เป็นตัวของตัวเอง
"นั่นสิ รักเองก็อยากให้เป็นแบบนั้น"
"เลิกคิดเถอะแก นึกถึงเรื่องสนุก ๆ ที่จะเกิดขึ้นในคืนนี้กันดีกว่า"
เค้กเข้ามากอดคอรักราวกับเป็นการปลอบใจ เปลี่ยนเรื่องในหัวเพื่อนสนิทให้นึกถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างปาร์ตี้หลังสอบเสร็จ
"ทันทีเลยนะ"
"ฮ่า ฮ่า ฮ่า ธรรมดาซะที่ไหน" เค้กยิ้มร่า หัวเราะร่าเริงเปลี่ยนบรรยากาศมาคุให้กลับมาสดใสอีกครั้ง
เค้กเป็นคนที่มองโลกในแง่ดีเสมอ รักแรกรู้สึกโชคดีมากที่มีเธออยู่เคียงข้างในยามไม่สบายใจ
"แต่ไม่ว่ายังไงนะเค้ก รักต้องกลับถึงบ้านก่อน 9 โมงเช้าพรุ่งนี้ ดังนั้น..."
"รู้แล้ว ๆ เค้กเคยส่งแกถึงบ้านสายรึเปล่าล่ะ"
"ถึงจะไม่เคยสาย แต่ก็เฉียดฉิวตลอดเถอะ"
"แต่ก็ไม่สาย"
"จ้ะ เพื่อนเค้ก"
ลองกลับบ้านสายดูสิ น้าชบาคงต้องบ่นรักแรกหูชาอีกเป็นแน่ ร้ายแรงสุดก็อาจถึงขั้นห้ามไม่ให้เธอออกไปสังสรรค์กับเพื่อนอีกเลย
ตึง ตึง ตึง เสียงเพลงเปิดดังสนั่นหวั่นไหวให้คนที่เที่ยวผับรู้สึกผ่อนคลาย ออกลวดลายให้ได้เหงื่อยามราตรี
กลุ่มแก๊งเพื่อนราว ๆ 5-6 คนนัดกันปาร์ตี้ที่ผับหรูแห่งหนึ่ง ผับที่นี่ดีอย่างมีแบ่งโซนได้อย่างชัดเจน 3 โซน ซึ่งแต่ละโซนราคาก็แตกต่างกัน ครั้งนี้เพราะมีเพื่อนใจป้ำ ป๋าสุดในกลุ่มเป็นคนหาบัตรสมาชิกเข้าผับหรูแห่งนี้มาจนได้ แน่นอนว่าคงเจ็บตัวไปไม่น้อยกว่าจะหาบัตรมาให้ครบ 6 คนในเวลาอันรวดเร็ว จนเพื่อนที่เหลืออดเกรงใจที่ร่วมกันจ่ายค่าตั๋วคืนให้ แต่สิ่งที่เพื่อนใจป้ำคนนี้ตอบกลับมาคือ
'บัตรราคาแค่นี้ขนหน้าแข้งกูไม่ร่วงหรอก' ขอบคุณนะเพื่อน
ในเมื่อเพื่อนบอกอย่างนั้น เราก็เลยต้องรับไว้แต่โดยดีไม่อยากเสียน้ำใจ
ข้อดีของบัตรสมาชิกคือเราสามารถสั่งเครื่องดื่มหรืออาหารอะไรมาก็ได้แบบไม่จำกัด ไม่กำหนดเวลาในรายการที่ทางร้านตั้งไว้แถมไม่ต้องแออัดแย่งโต๊ะหรือมีการจองโต๊ะให้เสียเวลา เพราะทุกอย่างเขาจัดเตรียมให้เราหมดแล้วเราแค่บอกว่าจะมาวันไหนก็พอ ที่สำคัญมีความเป็นส่วนตัวและได้รับการบริการอย่างดี แต่ถ้าเป็นโซนปกติสิทธิพิเศษทุกอย่างจะไม่ได้ แม้ราคาจะถูกกว่าสมาชิกหลายเท่าตัว แต่ค่าเครื่องดื่มที่เราต้องจ่ายเอง มาคิดเบ็ดเสร็จแล้วบางทีราคาของโซนปกติกับโซนสมาชิกอาจพอ ๆ กัน
แต่ถ้าใครเน้นเต้นไม่เน้นกินโซนปกติคงดูจะคุ้มค่ากว่า แต่ถ้าเน้นดื่มเป็นแก๊งเพื่อนโซนสมาชิกดูจะคุ้มกว่าเป็นไหน ๆ แต่ละคนดูจะคอทองแดงกันทั้งนั้น ไม่จำเป็นต้องไปถึงโซน VIP แค่เท่านี้สำหรับเด็กมหาวิทยาลัย เครื่องดื่ม อาหารก็กินกันแทบไม่หวาดไม่ไหว ดีไม่ดีหัวทิ่มในห้องน้ำ
ส่วนโซน VIP จะค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัวอยู่ในพื้นที่ของตัวเองพร้อมกับมีเหล้านอกราคาแพงหูฉี่เสิร์ฟไม่จำกัดจะอยู่อีกฝั่งหนึ่งของโซนสมาชิก
"หมดแก้ว ๆ ๆ"
เสียงตะโกนเชียร์ของเพื่อนในกลุ่มกำลังโห่ร้องให้กำลังใจรักแรกที่สวมชุดเดรสสั้นสีดำเลยเข่าแขนกุดประดับกากเพชรปล่อยผมยาวดัดลอนสลวยถึงกลางหลัง ยกเครื่องดื่มสีน้ำตาลอำพันผสมโซดาดื่นจนหมดแก้ว ถือเป็นการเฉลิมฉลองหลังสอบเสร็จและฉลองวันเกิดในคราวเดียวกัน
แต่ไหนแต่ไรมารักแรกก็ถือว่าเป็นจุดเด่นคนหนึ่งของกลุ่ม ทั้งเรื่องของรูปร่างและความสวย สมค่ากับตำแหน่งดาวประจำคณะ สวย เรียนเก่ง กิจกรรมแน่น ครบเครื่องมากสำหรับผู้หญิงคนนี้ มีหรือจะไม่มีคนอยากเข้าหาหรืออยากรู้จัก
และ...ค่ำคืนนี้เธอก็เด่นสะดุดเช่นเคย
"เฮ"
เสียงปรบมือ ร้องเฮลั่นดังสนั่น เมื่อรักแรกคว่ำแก้วเหล้าเป็นการบอกว่าเครื่องดื่มในมือของตนได้หมดลงแล้ว พร้อมกับโยกตัวตามเสียงเพลงอย่างสนุกสนาน
ตากลมโตสีน้ำตาลสว่างบนใบหน้ารูปไข่เหมือนตุ๊กตาจับจ้องมองดูคนตรงหน้าอย่างให้เกียรติ ปากกระจับเรียวบางอวบอิ่มสีชมพูฉีกยิ้มละไมให้คนที่เดินเข้ามาชนแก้วและพูดจาทักทายพอเป็นพิธีก่อนจะหันไปสนุกกับเพื่อนที่อยู่ใกล้ ๆ ความโดดเด่นและเสน่ห์ที่เธอมี ยิ้มนิดส่งสายตาหน่อย บิดกายเล็กน้อยก็เรียกใครต่อใครให้มาชนแก้วกับเธอนับไม่ถ้วน แล้วไหนจะผิวขาวผ่องหุ่นไซซ์ s ตัวเล็กสูง 160 เซนติเมตรเป็นใครเห็นเป็นต้องหลงเสน่ห์ทั้งนั้น
การได้ชนแก้วไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการเมื่อมาเที่ยวผับ และคนที่มาเที่ยวผับทุกคนไม่ใช่ต้องการว่าพอชนแก้วแล้วอยากจะไปต่อกับคุณ สำหรับรักแรก...เธอแค่ต้องการสนุกกับเพื่อนเท่านั้น แต่จะปฏิเสธไม่ชนแก้วเลยดูจะเป็นการหยิ่งเกินไป เพราะเธอถูกสอนมาว่าใครมีสัมมาคาระวะ แต่ถ้าเธอเกิดชนแก้วไปแล้วครั้งหนึ่งจากนี่เธอก็ต้องชนมันเรื่อย ๆ ไม่อย่างนั้นมันคงจะดูไม่ดีกับคนที่เธอไม่ชน ดังนั้นเพื่อนในกลุ่มจะรู้ดี มักจะเป็นคนคอยช่วยชนให้แทนในบางครั้งถ้าเธอเริ่มรู้สึกดื่มไม่ไหว
ขณะฤทธิ์แอลกอฮอล์กำลังคุกรุ่นไม่ถึงขั้นเมามายไม่ได้สติ จู่ ๆ ไฟและเสียงเพลงก็ดับลงมืดสนิทขัดจังหวะสนุก
พรึ่บ!
ก่อนที่เพลงแดนซ์มัน ๆ จะเปลี่ยนเป็นเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์ กลุ่มเพื่อนราว ๆ 2 คน โดยมีเค้กเป็นคนถือเค้กก้อนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับแสงเทียนสีเหลืองส่องนำทาง พร้อมเสียงปรบมือดังเประสานตามเสียงดนตรีที่ดีเจเปิด ยืนอยู่ตรงหน้ารักแรกที่ไม่รู้เรื่องอะไร
เค้กร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์รอบสุดท้ายก่อนจะให้รักแรกขอพรและเป่าเค้กตามลำดับ
ฟู่!
แสงเทียนดับพร้อมกับเสียงปรบมือและเสียงไฟสปอตไลต์หลากสีค่อย ๆ เปิดและทำหน้าที่ของมันอีกครั้ง การอวยพรวันเกิดเป็นอันเสร็จพิธี
"ขอให้มีความสุขมาก ๆ นะรักแรก" เค้กอวยพรวันเกิด
"ขอบคุณนะเค้ก ขอบคุณทุกคนเลย" เธอเข้าสวมกอดเพื่อนทุกคนดีใจในสิ่งที่พวกเขาอุตส่าห์ทำให้
"เอาล่ะ ๆ เวลาแห่งการอวยพรหมดลงแล้ว ต่อไปคือเวลาแห่งการเฉลิมฉลอง ปลดปล่อยตัวเองออกมาให้เต็มที่เลยทุกคน"
เพื่อนใจป้ำพูดพร้อมกับยกแก้วเหล้าที่มีเหล้าอยู่เกือบเต็มยกขึ้นมาดื่มแล้วคว่ำแก้วลง เสียงเพื่อน ๆ ผิวปากแล้วพากันชนแก้วในมือยกมาดื่มจนหมดและคว่ำแก้วลงตามกันมาติด ๆ
"วันนี้ไม่เมาไม่กลับบ้าน"
"เฮ"
"วันนี้เราจะนอนกันข้างถนน"
"เฮ"
"วันนี้พวกมึงต้องกินให้คุ้มกับค่าบัตรที่กูจ่ายตังค์ให้พวกมึง"
"ฮ่า ฮ่า ฮ่า"
พวกเราเฮฮากันอยู่ที่โต๊ะอย่างสนุกสนาน บางคนก็ออกไปเดินข้างหน้าเวที
"สวัสดีครับ"
บริกรหนุ่มหล่อหน้าตาดีประจำชั้นสมาชิกเดินเข้ามาใกล้ ๆ รักแรกพร้อมกับมอบขวดแชมเปญราคาแพงให้เธอที่เต้นอยู่กับกลุ่มเพื่อน
"นี่อะไรเหรอคะ"
รักแรกถามอย่างสงสัยและแปลกใจกับขวดเครื่องดื่มที่ดูก็รู้ว่าราคาต้องแพงมากแน่ ๆ และคิดว่าไม่มีเพื่อนคนไหนอุตริสั่งมา
"ของขวัญวันเกิดครับมีลูกค้าจากโซนวีไอพีสั่งให้คุณ"
"โห รักนี่มันแชมเปญแบรนด์ดังเลยนะขวดละเกือบแสน แถมสั่งได้เฉพาะโซนวีไอพีอีก ใครนะที่ยอมจ่ายให้แก"
อะตอมเพื่อนใจป้ำคนดีคนเดิมที่เต้นอยู่ข้าง ๆ และเป็นผู้ชำนาญผับยามราตรีเอ่ยด้วยสีหน้าตื่นเต้น ตาลุกวาว
"ขนาดนั้นเลยเหรอ"
"ก็ใช่นะสิ เศรษฐีคนไหนนะใจป้ำยอมจ่ายสั่งแชมเปญให้เธอโดยเฉพาะ"
"เอ่อ พอทราบไหมคะว่าเป็นใคร รักอยากไปขอบคุณ"
"ทางเราไม่สามารถบอกข้อมูลของลูกค้าได้ครับ แต่ท่านเป็นคนต่างชาติอยู่ห้องในสุดของโซนวีไอพี เดี๋ยวผมจะเป็นคนไปบอกคำขอบคุณให้นะครับ"
รักแรกพยายามเหลือบมองผ่านแสงไฟวิบวับไปตรงโซนวีไอพีซึ่งเอาเข้าจริงมองไปก็ไม่เห็นเพราะมีประตูกระจกกั้นทึบ
"..." รักแรกดูท่าทางลังเลใจ เธอไม่อาจรับเครื่องดื่มราคาแพงนี้ไว้ได้
"รักขอไม่รับได้ไหมคะ เอ่อ...ราคามันสูงเกินไป"
"ไอรัก แกจะบ้าเหรอว่ะ เขาอุตส่าห์เอามาให้ก็รับ ๆ ไปเถอะ"
อะตอมพูดตอบทันควัน ในเมื่อเขาอยากลิ้มรสแชมเปญราคาแพงเรื่องอะไรอยากจะให้เธอเอาไปคืน
"คงไม่ได้ครับ ท่านยังย้ำมาด้วยว่า ถ้าไม่ต้องการก็ทิ้งไปได้เลย"
พูดจบบริกรเดินจากไป ปล่อยรักแรกยืนทำตัวเอ๋อ ๆ อยู่กับกลุ่มเพื่อน อะตอมเป็นคนคว้าขวดแชมเปญในมือรักแรกและเปิดมันขึ้นมาดื่มทันทีแทนเจ้าของงานวันเกิเ
"ถ้ามึงไม่เอา งั้นกูเอาเอง"
"เดี๋ยวนะได้ไง นั่นเขาเอามาให้รักนะ"
เรื่องอะไรรักจะยอม จริง ๆ แล้วเธอก็อยากลองกินมันดูสักครั้งแม้จะรู้สึกเกรงใจที่ต้องรับมันมาในภาวะจับยอมแกลมบังคับ
เสียงดนตรีและแสงไฟระยิบระยับยังคงทำหน้าที่ตามปกติอย่างขยันขันแข็ง ต่างจากรักแรกในตอนนี้ที่เธอเริ่มรู้สึกไม่ชอบแสงไฟวิ่งไปมากับเสียงเพลงที่ดูจะดังเกินไป มันทำให้เธอรู้สึกมึนหัวประกอบกับแอลกอฮอล์ที่กินเข้าไปเยอะเกินลิมิตจนแน่นหน้าอก อึดอัดไม่สบายตัว และเลือดสูบฉีดจนร้อนรุ่มไปทั้งตัว ผ่านมาเกือบ 4 ชั่วโมงแล้วที่เธอไม่หยุดเต้นและดื่ม
"อึก"
รักแรกหันมองซ้ายมองขวาหาทางไปห้องน้ำ เธออยากจะไปล้างหน้าล้างตาสักหน่อยให้ร่างกายเธอรู้สึกสดชื่นเรียกสติกลับมา ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะปลดปล่อยสิ่งที่เธอกินเข้าไปทั้งหมดออกมา มันคงทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง
"รักขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ อึก"
รักบอกใครสักคนในกลุ่มเพื่อนแต่ไม่รู้ว่าใคร ก่อนจะเดินถือขวดแชมเปญที่เธอได้รับเป็นของขวัญวันเกิดไปเป็นเพื่อน ค่อย ๆ เดินโซซัดโซเซไม่ตรงทาง ระหว่างนั้นเธอก็ยกขวดแชมเปญขึ้นมาดื่มไปด้วย เธอเมาเต็มที่แล้วคงไม่รู้ว่าตัวเองจากนี้จะทำอะไรลงไป
"เอิ๊ก"
...
"หืม..."
ข้อมือเล็กยกขวดแชมเปญขึ้นดื่มปรายสายตาหันมองไปทางโซนวีไอพีที่มีคนใส่ชุดแบรนด์เนมราคาแพงทั้งชายและหญิงเดินเข้าออก รักแรกยืนนิ่งครุ่นคิดถึงอะไรบางอย่างเหลือบมองขวดแชมเปญในมือ อาศัยจังหวะที่ไม่มีใครสังเกตเห็นเดินเข้าไปในโซนของวีไอพีโดยไม่ได้รับอนุญาต
ต๊อก แต๊ก
ภายในโซนวีไอพีค่อนข้างจะต่างจากโซนสมาชิกที่รักแรกอยู่อย่างสิ้นเชิง มันถูกแบ่งเป็นห้อง ๆ ซ้ายขวาเป็นทางยาวต่อกันราว ๆ 10 ห้องยังไม่รวมถึงพื้นที่ชั้นบนอีก แต่ละห้องค่อนข้างจะเก็บเสียงพอสมควรประดับด้วยของประดับราคาแพง แม้แต่พื้นยังปูด้วยพรมสีแดง
รักแรกหันมองซ้ายขวาหาคนที่ซื้อแชมเปญให้กับเธอ เธอรู้จากบริกรแค่ว่าเป็นคนต่างชาติและอยู่ห้องในสุด รักแรกเดินโซเซกอดขวดแชมเปญเดินตามหาจากคำบอกนั้น
ก่อนจะหยุดอยู่ตรงทางเดินมองชายใส่สูทดำร่างสูงใหญ่ที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าห้องห้องหนึ่งซึ่งอยู่ด้านในสุดและเป็นคนต่างชาติ แค่มองปราดเดียวก็รู้ถึงความรู้สึกของคำว่า
อันตราย
แต่ว่านะมีแค่ห้องนี้ห้องเดียวที่มีคนต่างชาติยืนเฝ้าประตู นอกนั้นที่เธอเดินผ่านมาก็เห็นจะเป็นคนไทย
...
"เอิ๊ก!"
สาวน้อยร่างเล็กค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้ ๆ คงเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้คนเราขาดสติ ยั้งคิด กล้าทำ กล้าตัดสินใจโดยไม่รู้ว่าอะไรควรทำไม่ควรทำหรือว่าที่ไหนควรจะเข้าไปหรือไม่เข้าไป อย่างเช่นห้องห้องนี้ที่รักแรกกำลังจะเดินเข้าไป
พรึ่บ!
ชายร่างสูงสองคนราว ๆ 180 ยืนกั้นประตูไว้ เมื่อแขกไม่ได้รับเชิญกำลังจะเปิดประตูเข้าไป
"เข้าไปไม่ได้ กลับไปซะ"
บอดีการ์ดร่างโตคนหนึ่งพูดกับรักแรกด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำราบเรียบเป็นภาษาอังกฤษ
"ทำไม รักจะเข้า"
รักแรกไม่มีทีท่าว่าจะยอมแพ้ เธอพยายามที่จะเปิดประตูที่ห่างกันแค่ 1 คืบผลักเข้าไปให้ได้
แรงผู้หญิงตัวจิ๊ดริดมีหรือสู้แรงผู้ชายที่สูงเกือบหนึ่งเท่าตัวได้ ถ้าพวกเขาเอาจริงเธอคงโดยผลักล้มไปแล้ว
"..."
เสียงดังโหวกเหวกด้านนอกดังไปถึงในห้อง จนทำให้เขาเกิดสนใจ
...
"เกิดอะไรขึ้น"
สำเนียงอิตาเลียนน้ำเสียงราบเรียบโทนเสียงทุ้มต่ำฟังดูรู้สึกถึงพลังอำนาจของเจ้าของร่างใหญ่ที่นั่งดื่มเหล้านำเข้าอยู่คนเดียวในห้องพูดพร้อมกับเหลือบสายตามองไปที่ประตู
บอดีการ์ดข้างตัวรู้งานใช้สายหูฟังสื่อสารกับคนที่อยู่ด้านนอก
"ดอน มีเด็กผู้หญิงเมาไร้สติถือขวดแชมเปญกำลังอาละวาดอยู่หน้าห้องครับ"
...
นัยน์ตาสีฟ้าเทานิ่งลึกดูไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่มองดูแก้วในมือที่บรรจุเครื่องดื่มดีกรีแรง ใช้ข้อมือหนาหมุนแก้วอย่างช้า ๆ ก่อนจะยกขึ้นดมกลิ่นแล้วดื่ม เหยียดริมฝีปากหนาได้รูปเล็กน้อยและขยับมันเปล่งคำพูด
"ให้เข้ามา"
