แค้นที่ 1 ผู้ต้องสงสัย
เสียงแหลมชวนแสบแก้วหูจากล้อยางที่ถูกแตะเบรกอย่างกะทันหัน พวงมาด้วยเสียงหวอฉุกเฉินหวีดดังแหวกความเงียบท่ามกลางความมืด จากบรรยากาศยามค่ำคืนในตรอกซอยลึกแห่งหนึ่ง ก่อนที่ไม่นานชายฉกรรจ์ในเครื่องแบบสีกากีราวห้าถึงหกคนพลันพร้อมใจกันลงมาจากรถด้วยท่าทีระมัดระวัง ทุกนายเล็งปลายกระบอกปืนไปยังจุดหนึ่งพร้อมกันโดยไม่ต้องนัดหมาย พร้อมด้วยรถพยาบาลที่วิ่งฉิวเข้ามาจอดในวินาทีไล่เลี่ยกัน
"ตะ ตรงนั้น ตรงนั้นค่ะคุณตำรวจ"
เสียงสั่นเครือของหญิงวัยกลางคนละล่ำละลักบอก มือสั่นเทาชี้ไปยังจุดที่ปลายกระบอกปืนเล็งสีหน้าเกร็งหวาดกลัวแสดงออกมาอย่างเห็นได้ชัด จนพยาบาลต้องรีบเข้ามาดูแลก่อนที่เธอจะมีอาการตกใจไปมากกว่านี้
"ใจเย็นก่อนนะครับ คุณพยาบาลฝากหน่อย"
"คนเจ็บอยู่ตรงนั้น เอาไงดีครับสารวัตร เหมือนคนร้ายจะมีปืน"
ชายหนุ่มในชุดเสื้อกาวน์เอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าเคร่งเครียดไม่ต่างอะไรกับกลุ่มคนก่อนหน้า
"อย่าขัดขืน! แล้ววางอาวุธลง!"
เสียงของคนที่อยู่ในยศใหญ่สุด ตะแบงเสียงร้องบอกออกไปยังร่างอรชรที่ยืนหันหลังให้อยู่ ทว่าฝ่ายนั้นเหมือนไม่ได้ยินคำสั่งในตอนแรกจนเขาต้องเอ่ยซ้ำด้วยน้ำเสียงที่หนักกว่าเดิม
"บอกให้วางอาวุธลง!" ร่างนั้นสะดุ้งออกมาเบาๆ พยายามหันกลับมาหาด้วยท่าทีโงนเงน ในมือยังคงกำปืนสั้นไว้แน่น
"มากานทามมาย บอกล้าวงาย ว่ายางม่ายมี...อึก"
หญิงสาวที่บัดนี้ตาเยิ้มฉ่ำกลิ่นกายคละคลุ้งไปด้วยแอลกอฮอล์ทั้งยังแทบทรงตัวไม่อยู่เถียงกลับมา พร้อมกับแกว่งมือข้างที่ถือปืนไปด้วย จนกลุ่มคนต้องชุลมุนหาจุดกำบัง นั่นทำให้เธอหัวเราะคิกคักตามประสาคนไร้ซึ่งสติเฉกเช่นเวลาทั่วไป
"ดูถ้าคงพูดกันไม่รู้เรื่องแน่ เมาหนักขนาดนี้ จ่า!"
คนยศใหญ่พยักหน้าให้คนใต้บังคับบัญชาสองนายเป็นเชิงรู้กัน ซึ่งฝ่ายนั้นก็พยักหน้าตอบรับแล้วค่อยๆ ล่าถอยไป โดยมีคนที่ออกคำสั่งทำหน้าที่ชวนคุยเพื่อถ่วงเวลาไว้
"เจนิส! ตั้งสติแล้วฟังอา! วางปืนลงเดี๋ยวนี้! อย่าให้อาต้องใช้กำลัง!"
"อาหนาย! คิกๆ เจน ม่ายมีอาซาหน่อย"
"วางปืนลง! แล้วค่อยคุยกัน"
"ม่ายคุย อยากตาย ข้าวจายมาย อ๊าย ปล่อยน้า อย่ามาจับสิ!"
นางเมรีขี้เมาผู้ถืออาวุธร้ายร้องโวยวายออกมาทันที เมื่อสองชายฉกรรจ์ตรงเข้าชาร์จตัวเธอไว้ได้ พยาบาลและหมอเมื่อเห็นว่าหญิงอันตรายถูกคุมตัวแล้วจึงรุดไปยังคนเจ็บที่นอนจมกองเลือดใกล้
"เสียชีวิตแล้วครับ"
น้ำเสียงเศร้าๆ ร้องแจ้งแก่คนที่อยู่ในยศใหญ่ ทำเอาคนฟังถอนหายใจออกมาก่อนจะกลืนความลำบากใจที่เหมือนตีขึ้นมาลงคอแล้วเอ่ยออกคำสั่งเสียงเข้มทรงอำนาจ
"คุมตัวผู้ต้องหาไปโรงพัก! รอหายเมาแล้วเราค่อยสอบปากคำ"
คนยศน้อยกว่าที่คุมตัวหญิงสาวอยู่รับคำแล้วเร่งนำตัวเธอขึ้นรถออกไปทันที
"ทางนี้ฝากคุณหมอด้วยนะครับ"
เมื่อหมอหนุ่มพยักหน้ารับคำ เขาจึงล่าถอยออกมาเมื่อบึ่งรถตามขบวนก่อนหน้าไปทันที
ภายนอกอาคารที่ติดป้ายเด่นเป็นตระหง่านว่า 'สถานีตำรวจ' แลเห็นรถหรูคันหนึ่งแล่นเข้ามาด้วยความเร็วสูง ก่อนจะถูกจอดอย่างกะทันหันจนเกิดเสียงดังลั่น
และเพียงเสี้ยววินาทีร่างสูงของคนขับจะพุ่งกระโจนออกมา ใบหน้าสไตล์ลูกเสี้ยวฉายแววเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ ขายาวก้าวฉับขึ้นบันไดที่มีเพียงไม่กี่ขั้นด้วยความร้อนใจ
"เจน เจนิส คุณอยู่ใน จ่าเพื่อนผมอยู่ไหน!"
"มาร์ติน! เบาเสียงลงหน่อย แกกำลังรบกวนคนอื่นอยู่นะ"
สารวัตรองอาจเอ่ยปรามคนมาใหม่ด้วยน้ำเสียงเข้ม เมื่อเห็นว่าผู้มีศักดิ์เป็นหลานชายกำลังส่งเสียงดังลั่นจนผู้ต้องขังหลังลูกกรงสีดำสนิทเริ่มส่งเสียงอย่างไม่พอใจ
"แล้วเจนอยู่ไหนล่ะครับ! ผมต้องการเจอเพื่อนเดี๋ยวนี้!"
คนในตำแหน่งใหญ่ถอนหายใจออกมาก่อนจะพยักพเยิดไปทางห้องติดลูกกรงที่อยู่ท้ายสุด ร่างสูงของหนุ่มลูกเสี้ยวถลาเข้าไปหาคนในนั้นทันทีด้วยความห่วงใย
"เจนิส เจนครับ ได้ยินรึเปล่า เฮ้! เจน!"
มาร์ตินพยายามร้องเรียกเพื่อนผ่านลูกกรงเหล็ก ทว่าไร้เสียงตอบรับกลับมาเพราะเจ้าของร่างเหมือนจะถูกฤทธิ์ของแอลกอฮอล์เล่นงานอย่างหนัก จนหมดสติไปแล้ว
"เกิดอะไรขึ้นครับ"
หนุ่มลูกครึ่งถามอย่างงุนงงเพราะเขายังไม่รู้รายละเอียดอะไรมากนัก เพราะแค่ได้ยินจากอาว่าเพื่อนสาวของเขาโดนจับกุม
ความตระหนกและห่วงหาก็นำเขามาที่นี่ก่อนแล้ว
"เราก็อยากรู้เหมือนกันว่าเรื่องมันเป็นยังไงแน่ เพราะเจนนิสเองก็จะยังไม่สามารถให้ปากคำได้ อาเลยต้องสั่งขังไว้ก่อน เพื่อรอให้เธอมีสติกว่านี้"
"งั้นผมขอพาเธอกลับไปก่อนได้ไหมครับ เดี๋ยวเธอสร่างแล้วผมจะรีบพาเลย"
"ไม่ได้หรอก คดีร้ายแรงแบบนี้แกรับผิดชอบไม่ไหวหรอกมาร์ติน"
คนเป็นอาเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าหนักใจอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่คนเพิ่งมาถึงกับยิ่งงุนงงหนักกว่าเก่า
"ร้ายแรง? ผมคิดว่าเจนโดนข้อหาเมาแล้วขับเสียอีก"
"ไม่ใช่! เจนิสตกเป็นผู้ต้องหาคดีฆ่าคนตาย"
คำพูดของคนเป็นอาราวสายฟ้ามาฟาดลงกลางความรู้สึก ดวงตาสีน้ำข้าวเบิกกว้างอย่างตื่นตระหนก ภายในใจของเขากระตุกอย่างแรงจนสองเข่าอ่อนยวบจนไม่อาจทรงตัวได้ ค่อยๆ ปล่อยกายลงทรุดนั่งกับพื้น น้ำเสียงแหบพร่าละล่ำถามออกไปผ่านริมฝีปากที่สั่นกระทบกัน กับเรื่องราวที่เพิ่งได้ยิน
"ฆ่าคนตาย! เป็นไปไม่ได้ผมไม่เชื่อหรอก อาโกหก อาเกลียดเจนเลยยัดข้อหาให้!"
"มาร์ติน! มีเหตุผลหน่อยสิ ถ้าเราไม่มีหลักฐาน จะกล้ากล่าวหารึไง"
"หลักฐานอะไร! อาช่วยเล่าสิ่งที่ผมควรรู้ทีสิ ว่าเรื่องมันเป็นยังไงกันแน่"
สารวัตรองอาจถอนหายใจออกมาด้วยความรู้สึกหนักอก แต่ก็ยอมเปิดปากเล่าในสิ่งที่หลานชายควรรู้ให้ฟัง
"มีคนแจ้งความว่ามีเหตุยิงกันในซอยเก้าเราเลยไปตรวจสอบ แล้วก็เจอผู้หญิงคนหนึ่งโดนยิงจนแน่นิ่งจมกองเลือด โดยที่มี...เจนิสยืนถือปืนอยู่ข้างๆ"
"นี่อากำลังจะบอกว่า..."
"ใช่! ตามหลักฐานและพยานที่เห็นเหตุการณ์ บ่งชี้ว่าผู้ตายน่าจะถูกเจนิสกับชายคนหนึ่งยิง เธอเลยตกเป็นผู้ต้องสงสัยในข้อหาฆ่าคนตาย"
"ไม่จริง! ก่อนหน้านี้เจนยังนั่งดื่มกับผมอยู่เลย แล้วผู้หญิงนั้นเป็นใครก็ไม่รู้ เจนจะฆ่าเธอทำไม!!!"
"มาร์ติน! แกต้องใจเย็นกว่านี้นะ เราพูดไปตามหลักฐานและพยาน ที่เหลือต้องรอเจนิสมาแก้ต่างอธิบายเอง อีกอย่างตอนนี้ตำรวจกำลังตามหาผู้ชายคนนั้นอยู่ อาคิดว่าถ้าได้ตัวมาอะไรมันก็คงกระจ่างกว่านี้"
"แต่เจนไม่มีทางทำแบบนั้นแน่!"
หนุ่มลูกเสี้ยวร่ำร้องออกมา ทว่าแรงเสียงกลับเบาหวิวราวบ่นบ้ากับตัวเอง ในขณะที่องอาจกลับยิ้มเยาะออกมาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงคล้ายดูหมิ่น
"แกจะเอาอะไรมามั่นใจขนาด! จริงอยู่ที่แกเป็นเพื่อนกันมานาน แต่บางทีแกก็อาจจะไม่รู้ทุกเรื่องก็ได้"
"แต่ผมเชื่อเธอ เธอไม่มีวันฆ่าใครได้แน่ มันไม่มีเหตุจูงใจมากพอ!!"
"หึ! ผู้หญิงที่ยังอยู่ในคดีชู้สาวแบบนั้นน่ะเหรอ แค่ดูจากที่เกิดเหตุก็เห็นถึงแรงจูงใจได้แล้ว"
"ถ้าอาหมายถึงเจนฆ่าคนตายเพราะเรื่องชู้สาวสินะ แต่ผมไม่เชื่อ! ไม่ว่าจะคดีนั้นหรือคดีนี้ เจนก็คือผู้บริสุทธิ์!"
สารวัตรหนุ่มใหญ่ถอนหายใจออกมากับคนเป็นหลานก่อนจะทำท่าทางเหมือนกับว่า แล้วแต่เขาจะคิด ก่อนจะหันหลังให้ราวกับไม่อยากใส่ใจอีก ทว่าคนมาร์ตินเหมือนยังไม่หยุดหาเรื่องปวดหัวมาให้
"ผมอยากเข้าไปหาเธอ ได้โปรดจับผมเข้าคุกด้วยครับ"
"มาร์ติน! นี่เเก.."
"จับผมเข้าคุกด้วยครับ!"
"ฉันจับแกไม่ได้หรอก แกไม่ได้ทำผิดอะไร อีกอย่างแกเป็นผู้ชายยังไงก็ขังรวมกับผู้ต้องหาผู้หญิงไม่ได้!"
มาร์ตินที่ได้ยินแบบนั้นก็มีสีหน้าที่สลดลงกว่าเดิม ร่างสูงใหญ่ดั่งคนลูกเสี้ยวก้าวไปนั่งกับเพื่อนสาวผ่านลูกเหล็กกั้น แววตาสงสารระคนหนักใจทอดมองไปยังสาวน้อยที่ไร้ซึ่งสติ
*****
