17 ใครที่อยู่ในใจคุณ
เมญาวีเอาแต่เงียบจนทำให้เวหาเริ่มใจคอไม่ดี
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า ผมอาจจะพูดตรงเกินไป แต่ผมอยากเป็นแฟนกับคุณจริง ๆ นะครับ หรือว่าตอนนี้คุณกำลังคบใครอยู่”
“เปล่าค่ะ เมยไม่ได้คบใครอยู่”
“หรือผมไม่ดีพอ”
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกนะคะ”
“ผมรู้มันอาจเร็วไปสำหรับผู้หญิงแต่สำหรับผมมันช้าไปด้วยซ้ำ ผมไม่รู้นะว่าตอนนี้ในใจของคุณมีใครหรือกำลังคิดอะไรอยู่ ผมไม่เร่งรัดจะเอาคำตอบ ผมแค่อยากบอกความรู้สึกออกไป ผมรู้สึกดีกับคุณมาก อยากอยู่ใกล้ตลอดเวลา ความรู้สึกนี้มันมากขึ้นเรื่อย ๆ จนผมเก็บเอาไว้คนเดียวไม่ได้ เอาจริงนะ ผมไม่เคยขอใครเป็นแฟนมาก่อนเลยไม่รู้ว่าที่ทำอยู่มันถูกต้องไหม” ความรู้สึกที่เก็บไว้พรั่งพรูออกมาเป็นคำพูดอย่างไม่จะเก็บเอาไว้ได้อีกต่อไป
“เมยไม่ได้รังเกียจคุณหรอกนะคะ เมยยอมรับว่าตัวเองก็รู้สึกดีกับคุณ แต่มันมีบางอย่างที่เมยต้องเล่าให้คุณฟังก่อน”
“เล่ามาสิครับ ผมพร้อมฟัง”
“ถ้าฟังจบแล้วคุณอาจจะหัวเราะหรืออาจเปลี่ยนใจเมยก็ไม่ว่า แต่ถ้าเมยไม่บอกคุณมันก็เหมือนเมยไม่ให้เกียรติคุณ”
“เล่ามาเถอะครับ แล้วผมจะตัดสินใจเอง”
แล้วเมญาวีก็เรื่องราวในอดีตที่ตัวเองเคยสัญญากับพี่ชายใจดีคนหนึ่งให้กับเวหาฟังอย่างไม่ปิดบัง
“ถ้าหากได้เจอเขาอีกครั้งคุณจะบอกอะไรกับเขาเหรอครับ”
“เมยอยากถามเขาว่าเขายังจำสัญญาได้ไหม”
“ถ้าเขาจำได้และทวงสัญญาล่ะครับคุณจะทำยังไง”
“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ เมยไม่ได้คาดหวังอะไรเด็ก ๆ แบบนั้นแล้ว บางทีการได้เจอเขาอีกครั้งมันอาจปลดล็อกความรู้สึกของตัวเอง เมยคงจะบอกเขาว่าที่เมยพูดตอนนั้นเมยยังเด็ก แต่พอโตขึ้นก็เข้าใจแล้วว่าการที่คนเราจะแต่งงานกันมันมีอะไรมากกว่านั้น”
“คุณไม่กลัวเขาเสียใจเหรอครับ”
“เขาจะเสียใจได้ยังไงคะ”
“เขาเองก็อาจกำลังตามหาคุณอยู่”
“ป่านนี้เขาคงมีครอบครัวไปแล้ว”
“ถ้าเขายังโสดและสนใจคุณล่ะ”
“เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ เมยใช่คนที่มีเสน่ห์ขนาดที่ว่าเจอกันปุ๊บแล้วเขาจะชอบปั๊บนี่ค่ะ”
“ผมเข้าใจครับ ผมถามหน่อยสิคุณชอบผมบ้างไหม”
“คุณถามเมยตรง ๆ เมยก็ตอบตรง ๆ นะคะ เมยเองก็ชอบคุณเหมือนกัน”
“ถ้าสมมุติว่าต้องเลือกล่ะครับ ระหว่างพี่ชายคนนั้นกับผม”
“เมยเลือกคุณค่ะ” เธอตอบโดยไม่ลังเล
เวหายิ้มอย่างดีใจแล้วถามเธอต่อ
“เพราะอะไรครับ”
“เพราะคุณคือคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า คุณคือคนที่เมยอยู่ด้วยแล้วรู้สึกว่าเป็นตัวของตัวเอง อยู่ด้วยแล้วมีความสุขค่ะ ส่วนพี่ชายใจดีเขาก็คือความประทับใจในอดีต เขาจะยังเป็นพี่ชายใจดีของเมยเสมอค่ะ”
“ผมดีใจที่ได้ยินอย่างนั้น ถ้าผมจะบอกคุณว่าผมเป็นพี่ชายใจดีของคุณล่ะครับคุณจะเชื่อไหม”
“จะเป็นไปได้ยังไงคะ พี่ชายใจดีที่เมยพูดถึงเขาเป็นลูกชายเจ้าของโรงงานนะคะ แต่คุณเวย์ไม่ใช่”
“มันสำคัญด้วยเหรอครับ ว่าผมเป็นลูกใคร”
“ไม่ค่ะ มันไม่ได้สำคัญ ว่าคุณจะเป็นลูกใคร แต่พี่เมยพูดอย่างนั้น เพราะนั่นเป็นเบาะแสเดียวที่เขาทิ้งไว้ คุณเวย์พูดออกมาแบบนี้เมยสับสนไปหมดแล้วนะคะ”
“ผมอาจจะจำเรื่องราวไม่ได้ทั้งหมดเพราะมันผ่านมานานแล้ว แต่สิ่งที่จำได้ดีก็คือเด็กผู้หญิงคนนั้นแก้มยุ้ย ตาโตและมักจะถักผมเปียมาโรงเรียนเป็นประจำ ครั้งสุดท้ายที่ผมเจอกับเธอผม เธอร้องไห้ ผมไม่รู้จะปลอบยังไงก็เลยเอาขนมให้เธอกิน ผมยังให้ผ้าเช็ดหน้าเธอด้วยนะครับ เพราะวันนั้นเธอกินขนมเลอะเทอะ ไปหมด”
เมญาวีนิ่ง อารมณ์ของเธอตอนนี้มันยากที่จะอธิบายเป็นคำพูด ทั้งดีใจ และแปลกใจความรู้สึกมันสับสนปนเปกันไปหมด
“ผมคือพี่ชายใจดีของคุณ”
“คุณรู้มาตลอดใช่ไหมคะ” เธอทำเสียงไม่ค่อยพอใจเพราะเหมือนตอนนี้กำลังถูกเขาหลอกอยู่
“เปล่าเลย ผมเพิ่งรู้ตอนคุณเล่า ถ้าผมรู้ว่าคุณกำลังตามหาผมอยู่ ผมคงบอกคุณไปนานแล้ว อีกอย่างคุณในตอนนั้นกับตอนนี้ก็ต่างกันมาก”
“เมยไม่อยากจะเชื่อเลย คุณคือพี่ชายคนนั้นจริง ๆ เหรอคะ”
“เชื่อเถอะครับ ตอนนี้ผมก็อยู่ตรงหน้าคุณแล้ว”
“ค่ะ” เมญาวีทำตัวไม่ถูก เมื่อผู้ชายที่ตัวเองชอบกับผู้ชายที่ตัวเองตามหาเป็นคนเดียวกัน
“ถ้าอย่างนั้นเราเป็นแฟนกันนะ หรือคุณอยากข้ามขั้นไปแต่งงานเลยผมก็ยินดี” เขายิ้มพราว
“ค่ะ”
“ค่ะ นี่คืออะไร เป็นหรือแต่งงานครับ หรือทั้งสองอย่าง”
“เราลองคบกันดูก็ได้ค่ะ”
เวหาดีใจจนเก็บอาการไว้ไม่อยู่เขาปลดเข็มนิรภัยออกอย่างรวดเร็วแล้วดึงตัวหญิงสาวเข้าไปกอดด้วยตื่นเต้นและดีใจที่เธอยอมคบกับเขา
เมญาวีทำตัวไม่ถูกเป็นครั้งแรกที่เขาใกล้ชิดกับผู้ชายมากขนาดนี้ หญิงสาวไม่ได้ผลักตัวเขาออกเพราะตอนนี้ตัวเองนั้นรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาดที่อยู่ในอ้อมกอดของเขา คนที่เธอแอบชอบและคนที่เธอรอคอยมาตลอดหลายปี ทั้งสองเป็นผู้ชายคนเดียวกัน
“คุณเวย์คะ เมยว่าปล่อยได้แล้วนะคะ เดี๋ยวมีใครมาเห็น”
“ก็ผมดีใจ”
“แต่นี่มันในรถนะคะ”
“งั้นไปกอดต่อบนห้องคุณได้ไหม” เขาพูดอย่างเอาแต่ใจ
“ดึกแล้วค่ะ เมยว่าคุณกลับก่อนดีกว่านะคะ”
“ผมกลับก่อนก็ได้ เห็นไหมว่าผมเป็นแฟนที่เชื่อฟังดีขนาดไหนแล้วพรุ่งนี้ผมจะมาช่วยเก็บของนะครับ”
“อย่าลำบากเลยค่ะ วันหยุดทั้งทีคุณควรอยู่บ้านพักผ่อนนะคะ”
“ผมอยากมาหาแฟนนี่ครับ ให้ผมมาช่วยนะ ผมสัญญาจะเป็นแฟนที่ดีของคุณ” เขาทำเสียงอ้อนอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน มันขัดกับบุคลิก ของตัวเองมากจนเมญาวียิ้ม
“ก็ได้ค่ะ แล้วอย่ามาบ่นนะคะ ถ้าเมยใช้งานคุณหนัก”
“ไม่มีทาง พรุ่งนี้ผมจะซื้อข้าวเที่ยงเข้ามาเลยนะครับ”
“ค่ะ ขับรถดี ๆ นะคะ”
“ครับ ถึงบ้านแล้วผมจะโทรหานะ”
“ค่ะ” เมญาวีลงจากรถแล้วเดินอ้อมมาทางฝั่งคนขับ เวหาเปิดกระจกรถออกมาพูดกับเธออีกครั้ง
“คุณรีบขึ้นไปเถอะครับ ผมอยากในใจว่าคุณถึงห้องแล้ว”
“ค่ะ” เมญาวีรีบเดินขึ้นไปบนห้องเพราะไม่อยากให้เขาเสียเวลาไปมากกว่านี้
เวหายังไม่ขับรถออกไป เขารอจนกระทั่งเห็นไฟในห้องของหญิงสาวสว่างขึ้นจึงขับรถออกไปจากหอพักซึ่งคงมาที่นี่อีกไม่กี่ครั้ง
กลับถึงบ้านอย่างอารมณ์ดี ตอนนี้ทุกคนเข้านอนกันหมดแล้ว พรุ่งนี้เช้ามารดาจะเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นกับเพื่อน ๆ ทำให้ตลอดทั้งสัปดาห์เวหาจะมีเวลาให้แฟนสาวอย่างเต็มที่
ชายหนุ่มรีบอาบน้ำแต่งตัวอย่างรวดเร็วเพราะอยากใช้เวลาก่อนนอนคุยกับแฟนสาว
เรื่องราวในอดีตที่ตัวเองเกือบลืมไปแล้วว่าครั้งหนึ่งเคยเจอกับเด็กหญิงตัวป้อมที่เขามักจะเห็นเธอมานั่งรอมารดาหลังเลิกเรียนเป็นประจำ แล้ววันหนึ่งก็เห็นว่าเธอเอาแต่ร้องไห้ เขาไม่รู้จะปลอบเด็กคนนั้นยังไงนอกจากยื่นขนมในมือให้และชวนเธอคุย เด็กคนนั้นหยุดร้องไห้ เธอยิ้มจนตาหยีเมื่อได้ทานขนม เขาเลยบอกกับเธอไปว่าพ่อของตัวเองนั้นเป็นเจ้าของโรงงานผลิตขนม นั่นทำให้เด็กหญิงตาโต และบอกกับเขาว่าโตขึ้นเธอจะแต่งงานกับเขา
หลังจากวันนั้นเวหาก็ไม่เคยได้เจอเธออีกเลยเพราะตัวเองต้องไปเรียนต่อต่างประเทศตั้งแต่จับชั้นประถมศึกษาปีที่หก เพราะบิดากับมารดาไม่อยากให้เขาอยู่ที่บ้าน ท่านไม่อยากให้เขาต้องทนอยู่ในบ้านที่เต็มไปด้วยบรรยากาศของการทะเลาะเบาะแว้ง
ครั้งแรกที่ได้ยินเมญาวีเล่าเขาก็เริ่มรู้ทีละนิดว่าคนที่หญิงสาวพูดถึงและอยู่ในใจเธอมาตลอดนั้นเป็นตัวเอง
ยอมรับว่าดีใจมากเมื่อรู้ว่าตัวเป็นที่เธอตามหาและดีใจยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อหญิงสาวบอกว่าเลือกเขาแทนที่จะเป็นเด็กผู้ชายใจดีคนนั้น เพราะนั่นหมายความว่าเธอชอบตัวตนของเขาที่เป็นอยู่ในตอนนี้ ไม่ใช่เพราะอยากทานขนมเหมือนในอดีต
เวหาดูนาฬิกาบนผนัง คิดว่าตอนนี้เธอคงทำธุระส่วนตัวเรียบร้อยแล้วจึงกดโทรออก
พอได้ยินเสียงหวานรับสายเขาก็ยิ้มแก้มปริ แม้จะเคยคุยกันก่อนนอนมาหลายครั้งแล้ว แต่ความรู้สึกมันต่างกัน ครั้งนี้เขาโทรคุยกับเมญาวีในฐานะแฟนสาว ซึ่งมีความสุขมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาหลายเท่า
