บทที่ 1
‘คนโสดมีเฮ นักธุรกิจหนุ่มชื่อดัง หย่าขาดภรรยาปริศนาแล้ว รับหน้าที่ดูแลลูกสาววัยเตาะแตะเองคนเดียว’
พาดหัวข่าวที่จู่ๆ ก็เด้งขึ้นมาบนหน้าจอโทรศัพท์ ขณะที่นิ้วเรียวกำลังไล่อ่านข้อความบนโลกออนไลน์ ซึ่งไม่รู้อะไรดลจิตดลใจให้เธอคลิกเข้าไปอ่านเนื้อหาด้านใน
พอได้อ่านเนื้อข่าวถึงได้รู้ว่ามันแทบไม่มีอะไร นอกจากนักธุรกิจหนุ่มที่ว่าหย่าขาดกับภรรยาผู้ซึ่งเป็นปริศนา เพราะไม่มีใครเคยเห็นหน้าเธอมาก่อน รวมถึงไม่มีใครรู้ประวัติอะไรทั้งนั้นว่าเธอเป็นใครมาจากไหน หลังจากหย่าร้างเขาก็รับหน้าที่เลี้ยงลูกเอง แถมในข่าวยังทิ้งท้ายว่าเรื่องนี้อาจมีมือที่สาม! จนทำให้ขาเตียงพัง
“ใต้เตียงกันจริงๆ เป็นปลวกแทะเตียงเขาอยู่หรือไง...หืม” อิงฟ้าส่ายหน้าให้ประโยคสุดท้ายของข่าว ที่ไม่วายล่อเป้าให้คนสนใจอีกตามเคย
อิงฟ้ากวาดสายตาต่ำลงมาอีกหน่อย ก็เจอเข้ากับรูปของผู้ชายในข่าว แต่แล้วจู่ๆ ใจเธอกลับเต้นแรงอย่างไม่เป็นจังหวะ รวมถึงไม่อาจละสายตาไปจากดวงตาของชายในรูปได้แม้แต่วินาทีเดียว บางสิ่งบางอย่างดึงดูดให้เธอสนใจเขา บางสิ่งบางอย่างที่อิงฟ้าเองก็ไม่เข้าใจว่าคืออะไร
“อิ้ง”
“คะแม่” อิงฟ้าถึงกับสะดุ้ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคนเป็นแม่
“เป็นอะไร ทำไมนั่นเหม่อขนาดนั้นลูก”
“เอ่อ...อิ้งอ่านข่าวเพลินไปหน่อยน่ะค่ะ” เอ่ยจบก็ส่งยิ้มหวานให้ ก่อนจะรีบปิดข่าวที่กำลังอ่านให้เรียบร้อย
“เราเนี่ยนะ”
“แม่จะไปไหนคะวันนี้ แต่งตัวสวยเชียว” คำชมของลูกสาวทำให้ผู้เป็นแม่ยิ้มกว้าง
“ก็มีนัดตามประสาแม่ๆ นั่นแหละ ว่าแต่ลูกเถอะกลับมาจากเมืองนอกก็หลายวันแล้ว เมื่อไหร่จะเข้าไปช่วยงานพี่ที่โรงเรียนสักที”
“พรุ่งนี้ค่ะ”
“นี่แม่หูฝาดไปหรือเปล่า...หืม” อรทัยแสดงสีหน้าประหลาดใจ ไม่คิดว่าอิงฟ้าจะเข้าไปทำงานพรุ่งนี้ เพราะมันไม่มีปี่มีขลุ่ยมาก่อน นั่นเพราะลูกสาวคนนี้บ่ายเบี่ยงที่จะเข้าไปช่วยงานพี่ชายมาตลอด ตั้งแต่เรียนจบปริญญาโทมาก็ใช้ชีวิตที่ต่างประเทศเป็นหลัก ก่อนที่จะกลับมาเมืองไทยเมื่อไม่กี่วันก่อน
“ไม่ฝาดค่ะแม่ อิ้งพักมาพอแล้ว ต่อไปนี้จะลุยงานให้หนัก” สีหน้าของคนพูดแสดงออกถึงความมาดมั่น นั่นเพราะเธอโยนภาระทุกอย่างให้พี่ชายรับผิดชอบคนเดียวมานานเกินพอแล้ว
ไหนจะบริหารงานที่โรงเรียนของครอบครัว ซึ่งมีทั้งแผนกอนุบาล ประถมไปจนถึงมัธยม ยังปลีกตัวไปดูแลงานที่โรงแรมแถมยังลามไปดูรีสอร์ตอีก ไม่รู้พี่ชายเธอเอาสมองที่ไหนมาแยกแยะงาน เพราะแค่คิดก็ยุ่งแล้ว
“ดีแล้วจ้ะ พี่ชายเราจะได้เบาแรง เผื่อจะมีเวลาไปปั๊มหลานให้แม่เลี้ยงอีก”
“โธ่แม่คะ พี่โอมมีลูกตั้งสี่คนแล้วนะ แม่ยังอยากมีหลานอีกเหรอ”
“อยากมีสิ บ้านจะได้ครึกครื้น เพราะตอนนี้เด็กๆ โตเป็นหนุ่มไปกันหมดแล้ว กว่าแม่จะกอดจะหอมได้แต่ละที ยากเหลือเกิน” อรทัยส่ายหน้าให้บรรดาหลานชายทั้งสี่คน ที่ยิ่งโตก็ยิ่งหวงตัว ไม่ยอมให้คนแก่ได้กอดได้หอมเหมือนตอนเด็กๆ ที่วันๆ เรียกหาแต่ คุณย่า
“หลานชายก็แบบนี้ล่ะค่ะ”
“ถ้าโอมมีให้แม่ไม่ได้ อิ้งก็มีให้แม่สิลูก ขอลูกสาวนะ แม่อยากเลี้ยงหลานสาว”
“ขอเวลาอิ้งหาพ่อของลูกให้เจอก่อนนะคะ แล้วจะรีบปั๊มลูก” เอ่ยจบอิงฟ้าก็รีบเข้าไปสวมกอดแม่เพื่อตัดบทสนทนาเรื่องนี้เสีย จากนั้นเธอก็ควงแขนแม่แล้วพาไปส่งที่รถ
“ขับรถดีๆ นะลุงก้อน”
“ครับคุณอิ้ง” ลุงก้อนคนขับรถของที่บ้านเอ่ยรับคำของอิงฟ้า จากนั้นก็ขับรถเบนซ์มูลค่าหลายล้านออกไป เพื่อส่งอรทัยที่บ้านเพื่อน
ชีวิตของอรทัยผ่านความลำบากมามายมายกว่าจะมีวันนี้ พอแก่ตัวมาก็สบายเพราะมีลูกๆ คอยสานงานต่อ ส่วนสามีของเธอบุญน้อยจากไปเสียก่อน
เมื่อส่งผู้เป็นแม่ขึ้นรถแล้ว อิงฟ้าก็ออกไปข้างนอกเช่นกัน นั่นเพราะวันนี้เธอมีนัดกับเพื่อนสนิท แต่เพราะมาก่อนเวลานัด ทำให้เธอตัดสินใจเดินเข้าไปยังร้านหนังสือ
เสียงเพลงเบาๆ ที่เปิดคลออยู่ภายในร้านตอนนี้ ช่วยทำให้การเลือกซื้อหนังสือเพื่อไปอ่านสักเล่มได้บรรยากาศมากขึ้น ที่นี่คือร้านหนังสือขนาดใหญ่ภายในห้างสรรพสินค้าที่ยังคงไม่ถูกยุบหรือปิดตัวไปตามกาลเวลา
สำหรับคนชอบอ่านหนังสือ การได้เดินเข้าร้านหนังสือเปรียบคือวิมาน และหนึ่งในคนที่ชอบเดินชอบซื้อหนังสือไปอ่านคือ...อิงฟ้า
“เล่มไหนที่ยังไม่ได้อ่านบ้างนะ” มือเรียวกวาดไปตามสันปกหนังสือ เธอชอบอ่านหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์เป็นพิเศษ ไม่ว่าประวัติศาสตร์ประเทศไหนก็ตาม รวมถึงชอบอ่านนวนิยายด้วย เรียกได้ว่าเธอเป็นหนอนหนังสือตัวจริงเสียงจริง
แต่จู่ๆ ผู้หญิงตัวเล็กๆ ก็กำลังออกอาการโมโห นั่นเพราะเธอเอื้อมมือไปหยิบหนังสือที่สนใจไม่ได้ เพราะมันถูกวางไว้สูงชนิดที่เธอเขย่งจนสุดปลายเท้าแล้วก็ยังเอื้อมไม่ถึง
“ถ้ารู้ว่าโตมาจะตัวเตี้ยขนาดนี้ เด็กๆ จะขยันดื่มนมให้หมดโรงงาน” อิงฟ้าบ่นกระปอดกระแปด ก่อนจะมองหาพนักงานของร้าน เพื่อจะได้ขอความช่วยเหลือ แต่สุดท้ายก็มองไม่เห็นใคร
อิงฟ้าพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ ก่อนจะตัดสินใจเขย่งปลายเท้าอีกครั้ง พร้อมกับเอื้อมมือให้สูงเข้าไว้ เวลานี้ปลายนิ้วเธอสัมผัสถูกหนังสือเล่มที่ว่านั่นแล้ว ยิ่งทำให้เธออยากเอาชนะ แต่ทว่า....
“ตายแน่ ตายแน่ๆ เจ็บตัวอีกแล้วแน่ๆ” อิงฟ้าอุทานออกมายาวเป็นหางว่าว เมื่อสายตามองเห็นหนังสือเล่มอื่นๆ กำลังจะหล่นลงมาใส่ตัวเธอ
เพราะกำลังตกใจ นั่นทำให้เธออะไรไม่ถูก ก่อนที่เธอจะก้มหน้าหลบพร้อมเตรียมใจรับมือกับความเจ็บที่ต้องเกิดขึ้นแน่ๆ หากหนังสือมันหล่นมาใส่หน้าและตัวเธอแบบนี้
“เอ้!...” จากที่คิดว่าจะเจ็บตัว แต่เอาเข้าจริงกลับไม่รู้สึกอย่างที่คิด แถมยังได้กลิ่นน้ำหอมผู้ชายที่ปลายจมูกอีกต่างหาก นั่นทำให้อิงฟ้าค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมอง จนกระทั่งได้สบตาเข้ากับผู้ชายคนหนึ่งเข้า
“คุณ...เป็นอะไรไหมครับ” เสียงทุ้มที่ดังขึ้นทำเอาอิงฟ้าถึงกับต้องมนต์สะกด ผู้ชายตรงหน้าตัวสูงกว่าเธอมาก ไหล่กว้างและที่สำคัญตัวเขาหอมมากด้วย หอมจนอยากเอาหน้าซุกไซ้
เขาช่างเหมือนเจ้าชายขี่ม้าข้าว ที่เข้ามาช่วยคว้าหนังสือซึ่งกำลังจะหล่นใส่ตัวเธอไว้ได้ทัน อิงฟ้าเงยหน้าขึ้นมามองชายตรงหน้า เธอกำลังเผลอแสดงความชื่นชมเขาผ่านแววตา
หัวใจก็เผลอเต้นแรงอย่างไม่อาจห้ามได้อีก หรือนี่จะเป็น...พรหมลิขิต นั่นเพราะเธอรู้สึกคุ้นตาเขาเหลือเกิน พยายามคิดว่าเคยเจอเขาที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า แต่พยายามคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก นี่สิ
“มะ...ไม่เป็นไรค่ะ” อิงฟ้าดึงสติกลับมาแล้วเอ่ยตอบเขาไป แม้จะไม่ค่อยเต็มเสียงนักก็ตาม ก่อนที่เธอจะสะดุ้งโหยงเพราะหนังสือที่อยู่ในมือผู้ชายคนนั้นเกิดหลุดจากมือเขาและหล่นใส่เท้าเธออย่างพอดิบพอดี
“อุ๊ย...เจ็บๆ”
