ตอนที่ 6
ตอนที่ 6
หากแต่หลังจากวันนั้น แตงกวากลับชวนญาณินไปกินข้าวกลางวันที่โรงอาหารคณะวิศวะฯ อยู่บ่อย ๆ ช่วงนี้เธอติดแฟนหนุ่มคนนั้นมาก ถ้าจะปล่อยญาณินเอาไว้คนเดียวก็ยังไง ๆ อยู่ เธอจึงจำเป็นต้องบังคับเพื่อนสาวให้ไปด้วยกัน
“ญา…”
“ฉันไม่ไป แกอยากไปก็ไปเลย ไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก”
“ไม่เอาอะ ไปด้วยกันเถอะนะ ขอร้อง...”
“แตงกวา แกก็รู้ว่าฉันไม่อยากเจอเขา”
ญาณินยังคงยืนกรานปฏิเสธอยู่อย่างนั้น เพราะรู้ดีว่าถ้าไปก็คงจะถูกผู้ชายคนนั้นหาเรื่องอีกเหมือนอย่างที่ผ่าน ๆ มา เธอไม่อยากยุ่งกับคนแบบนั้นอีกแล้ว
“ฉันรู้ แต่ว่าฉันไม่อยากไปคนเดียว แกคิดว่าผู้หญิงไปนั่งในกลุ่มผู้ชายแบบนั้น มันจะดีเหรอ?”
“ถ้าอย่างนั้นแกก็ไม่ต้องไปสิ ให้แฟนแกมาคณะเราบ้าง”
“ไม่ได้หรอก ฉันรับปากไว้แล้วอะว่าจะไปกินข้าวด้วยทุกวัน นะ...ไปด้วยกันเถอะนะญา” ทว่าแตงกวากลับไม่ยอมลดละความพยายาม เธอออดอ้อนเพื่อนสนิทข้างกายอยู่พักใหญ่ เพราะไม่อยากผิดคำพูดที่ได้ให้ไว้กับแฟนหนุ่ม
“เออ ๆ ไปก็ไป ถ้าไม่ใช่แกฉันไม่ยอมแบบนี้ทุกวันหรอกนะ รู้เอาไว้ด้วย”
“เย่ ถ้าอย่างนั้นไปกันเลยดีกว่า ขอบคุณนะเพื่อนรัก...”
หญิงสาวได้แต่ส่ายหน้าไปมาให้กับความเอาแต่ใจของแตงกวา แต่ด้วยความที่สนิทสนมกันค่อนข้างมาก เธอจึงยอมให้อีกฝ่ายเสมอมา ไม่เคยมีสักครั้งที่เถียงชนะแตงกวาเลยก็ว่าได้ ถึงได้ต้องหอบกันไปกินข้าวกลางวันที่คณะวิศวะฯ อยู่บ่อย ๆ แบบนี้
ใช้เวลาประมาณยี่สิบนาที ทั้งสองพากันเดินมายังตึกคณะวิศวะฯ ก่อนจะรีบตรงดิ่งเข้าไปยังโรงอาหารซึ่งเป็นสถานที่นัดหมายของพวกเขาทันที
“ยังจะกล้ามาอีกเหรอ?” วินาทีที่ญาณินหย่อนกายลงนั่งทางฝั่งตรงข้ามกันกับนอร์ท อยู่ ๆ เขาก็ทักทายด้วยถ้อยคำที่ไม่เป็นมิตรเหมือนอย่างที่ญาณินคาดเดาเอาไว้ไม่มีผิด
“กล้าสิคะ เพื่อนอุตส่าห์ชวน ไม่อยากเสียมารยาทน่ะค่ะ”
หญิงสาวเจ้าของร่างบางตอบสวนกลับไปอย่างทันควัน ไม่ว่ากี่ครั้งที่ทั้งสองต้องเผชิญหน้ากัน พวกเขาก็มักจะมีปากเสียงกันอยู่บ่อย ๆ จนบางทีคนรอบข้างก็แทบจะชินกันหมดแล้ว
“น่าเบื่อ”
ญาณินได้ยินถ้อยคำเหล่านั้นเต็มสองหู ทว่าไม่ได้คิดที่จะตอบโต้อะไรกลับไปแต่อย่างใด เธอเพียงแค่กลอกตาไปมาอย่างไม่สบอารมณ์ แล้วพยายามไม่สนใจเผื่อว่าเขาจะเลิกยุ่มย่ามกับเธอ
สักที
“ฉันไปซื้อข้าวก่อนนะ เดี๋ยวกลับมา”
“กูก็จะไปซื้อข้าวเหมือนกัน เดี๋ยวกลับมา”
สิ้นสุดประโยคบอกเล่าจากปากของหญิงสาวรุ่นน้องได้ยังไม่ทันไร นอร์ทก็เอ่ยปากตามออกมาติด ๆ เขาจงใจจะกวนประสาทญาณินอย่างเห็นได้ชัด
แต่ด้วยความที่เขาเองก็เป็นรุ่นพี่ที่ใครต่อใครต่างก็นับถือ แม้แต่เพื่อนในกลุ่มก็ยังไม่มีใครกล้าห้ามปรามเลยด้วยซ้ำ
“ให้ฉันไปเป็นเพื่อนไหมญา” แตงกวาเห็นท่าไม่ดี จึงรีบเอ่ยถามความเห็นจากเพื่อนสนิททันที
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันไปเองได้”
จากนั้นทั้งนอร์ทและญาณินก็เดินออกไปจากโต๊ะเพื่อซื้ออาหารกลางวันพร้อม ๆ กัน พวกเขามองกันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจตลอดเวลาเลยก็ว่าได้
อันที่จริงแล้วญาณินเองก็ไม่ได้อยากมีปัญหากับใคร ทว่าตั้งแต่ที่ได้มารู้จักกับนอร์ท การใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัยของเธอก็เริ่มเปลี่ยนไป เธอค่อย ๆ เป็นที่สนใจจากผู้คนรอบข้างมากขึ้น
ซึ่งต้นเหตุก็มาจากการที่ทะเลาะกับนอร์ทบ่อย ๆ เธอไม่อยากที่จะยอมรับ แต่จะให้ทำยังไงได้ในเมื่อเพื่อนสาวตัวดีลากเธอมาด้วยไม่เว้นแต่ละวัน
เวลาผ่านไปไม่นาน ทั้งคู่ก็กลับมาที่โต๊ะแล้วนั่งทานอาหารกันตามปกติ คนอื่น ๆ ที่นั่งอยู่ด้วยก็พากันพูดคุยไปเรื่อยเปื่อย จะมีก็แต่นอร์ทกับญาณินที่มองด้วยสายตาจิกกัดกันไปมาอย่างไม่ยอมหยุดหย่อน
“ญา กินดี ๆ สิ หกหมดแล้วเนี่ย”
แตงกวาสังเกตเห็นว่าญาณินกินเลอะเทอะ เพราะถูกกดดันอยู่ตลอดเวลา จึงรีบเอ่ยทักขึ้นมาท่ามกลางกลุ่มเพื่อนของแฟนหนุ่ม
“ยายเฉิ่ม”
แน่นอนว่านอร์ทไม่ปล่อยให้โอกาสนี้ผ่านไปอย่างง่ายดาย เขาพูดสมทบประโยคก่อนหน้าของแตงกวาพร้อมทั้งแสยะยิ้มขึ้นด้วยความชอบใจ แต่หารู้ไม่ว่าคนฟังถึงกับมีอารมณ์ฉุนเฉียวพุ่งสวนขึ้นมาอย่างรุนแรง
“นี่พี่ว่าไงนะ”
“ก็เฉิ่มไง ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องเหรอ?”
“ฉันชักจะหมดความอดทนแล้วนะ”
หญิงสาวพูดขึ้นทั้งยังหยัดกายขึ้นยืนอย่างเต็มความสูง เธอไม่พึงพอใจกับคำพูดของนอร์ทเป็นอย่างมาก ที่ผ่านมาเธอพยายามยับยั้งอารมณ์ความโกรธเคืองเอาไว้อย่างหนักหน่วง หากแต่ถ้อยคำเมื่อครู่ เป็นคำที่เธอรับไม่ได้จริง ๆ
“ก็มันเรื่องจริง แค่นี้ก็ยอมรับไม่ได้หรือไง” เขาเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย ซ้ำแล้วน้ำเสียงที่ใช้ยังยั่วโมโหฝ่ายตรงข้ามอยู่เรื่อย ๆ คราวนี้นอร์ทจงใจพูดหาเรื่องญาณิน นี่เป็นสิ่งที่ไม่มีใครกล้าคัดค้าน
“ไม่ใช่ว่ายอมรับไม่ได้ แต่คำพูดแบบนี้มันสมควรที่จะออกมาจากปากรุ่นพี่จริง ๆ เหรอคะ”
“แก ใจเย็น ๆ...”
