ตอนที่ 5.1
ตอนที่ 5.1
เวลาผ่านไปสักระยะ ญาณินและแตงกว่าเริ่มสนิทสนมกันมากขึ้น และสามารถที่จะเรียกว่าเพื่อนสนิทกันอย่างได้เต็มปาก
ขณะนี้เป็นเวลาเที่ยงตรงโดยประมาณ สองสาวคณะสถาปัตย์เดินออกมาจากตรงหลังเลิกคลาสเป็นที่เรียบร้อย ทั้งคู่ยังตกลงกันไม่ได้ว่าจะไปกินข้าวกลางวันกันที่ไหนดี จึงเดินเถียงกันมาตลอดทาง
“ฉันรู้แล้ว ถ้าอย่างนั้นเราไปกินข้าวกันที่ตึกวิศวะฯ กันไหมล่ะ”
“แหม ยายกวาคบกับพี่เขาได้ยังไม่ทันไร ก็ติดหนึบเลยนะ”
“เปล่าสักหน่อย ฉันก็แค่เสนอตัวเลือกให้แกไง แต่ไปด้วยกันก็ดีนะ”
“ฉันไม่ไปได้ไหม ขี้เกียจเดินด้วยอะ”
ญาณินตัดสินใจปฏิเสธออกไปด้วยน้ำเสียงไม่มั่นคง เพราะใจหนึ่งเธอเองก็ไม่อยากเพื่อนสนิทต้องไปคนเดียว แต่อีกใจเธอก็ไม่ได้อยากไปที่นั่นมากถึงเพียงนั้น จึงยังไม่ค่อยแน่ใจว่าจะเอายังไงดี
“อะไรกัน แล้วแกจะให้ฉันไปคนเดียวเหรอ อีกอย่างฉันเองก็ไม่ได้อยากปล่อยให้แกไปกินคนเดียวเหมือนกัน ไปด้วยกันนี่แหละ นะ ๆ ๆ”
ประโยคดังกล่าวลอยแว่วมาถึงหูของหญิงสาวเจ้าของใบหน้างามจนเธอรู้สึกใจอ่อนยวบลงมาแทบจะทันที ญาณินเองก็เป็นห่วงแตงกวาไม่ต่างกัน ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยหากว่าเธอจะยอมใจอ่อนให้ง่าย ๆ
“อืม ไปเป็นเพื่อนก็ได้ แต่ว่ากินเสร็จแล้วต้องรีบกลับนะ ฉันไม่ได้สนิทกับใครที่คณะนั้นเลย กลัวว่าจะอึดอัดกันเปล่า ๆ”
“มีฉันกับแฟนฉันอยู่ทั้งคน แกไม่ต้องกลัวอึดอัดหรอก อีกอย่างเพื่อน ๆ ของพี่เขาก็เฟรนด์ลีกันทั้งนั้น วันแรกที่ฉันไปทุกคนก็ชวนฉันคุย เป็นกันเองสุด ๆ ว่าไปแล้วก็ดีเหมือนกัน แกจะมารู้จักฉันคนเดียวในมหาวิทยาลัยไม่ได้นะ ทำความรู้จักกับพี่ ๆ เขาไว้ เผื่อวันไหนมีอะไรเดือดร้อน จะได้มีคนพร้อมช่วยเหลือ”
“เอาอย่างนั้นก็ได้ แต่แกห้ามปล่อยให้ฉันนั่งเหงา ๆ อยู่คนเดียวละกัน ไม่อย่างนั้นนี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันยอมไปด้วย เข้าใจไหม?”
สิ่งเดียวที่เธอกำลังเป็นกังวลอยู่ในตอนนี้ก็คงจะหนีไม่พ้นการเข้าสังคม ตั้งแต่แรกญาณินไม่ได้ต้องการเป็นที่สนใจจากใครทั้งนั้น ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม แต่ทว่าเหตุผลที่แตงกวาให้มาก็ไม่ได้น่าเกลียดจนถึงขนาดที่เธอรับไม่ได้แต่อย่างใด นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอยอมเปิดใจลองดูสักตั้ง เผื่อว่าอะไร ๆ ในชีวิตจะดีขึ้นตามคำแนะนำของเพื่อนสนิทคนนี้...
“เข้าใจแล้วค่ะคุณญา...ไปกันเถอะ พี่เขาน่าจะรออยู่ที่โรงอาหารคณะแล้ว”
พูดจบทั้งสองก็พากันเดินไปยังตึกคณะวิศวกรรมศาสตร์อย่างรวดเร็ว
ทั้งสองใช้เวลาไม่นานก็มาถึง พวกเธอพากันเดินหาแฟนหนุ่มของแตงกวาอยู่สักพัก ก่อนจะพบเข้ากับกลุ่มชายฉกรรจ์กลุ่มใหญ่ที่กำลังนั่งสนทนากันอยู่กลางโรงอาหาร
“ทำไมมาช้าจัง” แฟนหนุ่มของแตงกวากล่าวถามขึ้นด้วยความสงสัย เมื่อเห็นว่าพวกเธอทั้งสองคนมากันช้า ทั้ง ๆ ที่นัดเวลากันเอาไว้เร็วกว่านี้
“พอดีมัวแต่ขอร้องให้ญามาเป็นเพื่อนน่ะ นางไม่ค่อยอยากมาเท่าไร ฝากชวนคุยหน่อยนะ เพื่อน ๆ พี่ก็ด้วย” แตงกวาเอ่ยบอกชายหนุ่มรุ่นพี่ด้วยน้ำเสียงกระซิบกระซาบ ก่อนที่จะจบบทสนทนาด้วยการพากันนั่งลง โดยที่ยังคงมีกลุ่มเพื่อนของอีกฝ่ายนั่งเรียงรายกันอยู่
“น้องแตงกวานี่พวกพี่ก็พอรู้จักอยู่นะ ว่าแต่น้องคนเป็นใครเหรอ เห็นนั่งเงียบ ๆ ไม่พูดไม่จากับใครเลย”
ชายคนหนึ่งที่นั่งร่วมวงอยู่กล่าวขึ้นตามความสงสัยที่ผุดขึ้นมาอย่างกะทันหันเมื่อสังเกตเห็นว่าหญิงสาวรุ่นน้องที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กันกับแตงกวาแฟนสาวของเพื่อนตนเอง
“เพื่อนหนูเองค่ะ เป็นเพื่อนสนิทคนเดียวของหนู เธอชื่อญาค่ะ อาจจะเข้าสังคมไม่ค่อยเก่ง แต่ว่าน่ารักแล้วก็จริงใจมาก ๆ ญา...พูดอะไรหน่อยสิ”
“อ๋อ...ชื่อญานะคะ เป็นเพื่อนของแตงกวาค่ะ”
ญาณินเอ่ยสวนขึ้นมาตามคำขอของเพื่อนสาวที่นั่งติดหนึบอยู่ข้างกาย แต่ทว่าในเนื้อเสียงกลับสั่นเครือ ไม่มั่นใจกันขึ้นมาเสียดื้อ ๆ ยิ่งอยู่ต่อหน้าผู้คนที่ให้ความสนใจมาที่เธอกันอย่างล้นหลาม ก็ยิ่งแล้วใหญ่ ตอนนี้เธอแทบไม่เป็นตัวของตัวเองเลยด้วยซ้ำ
“ไอ้นอร์ท มึงใจเย็นดิวะ มองน้องเขาเหมือนอย่างกับว่าจะจับแดกลงท้องอย่างนั้นอะ ดูดิ...น้องเขากลัวจนตัวสั่นแล้วน่ะ”
ชายอีกคนที่นั่งมองดูเหตุการณ์อยู่อย่างไม่ละสายตา เมื่อเห็นว่า นอร์ท หนึ่งในเพื่อนสนิทที่กำลังนั่งร่วมวงสนทนาอยู่จับตาดูหญิงสาวที่มาใหม่ด้วยสายตาที่ไม่ค่อยเป็นมิตร
ตั้งแต่ที่ญาณินเดินเข้ามา เขาก็มองเธอด้วยสายตาเช่นนั้นตั้งแต่หัวจดเท้า ราวกับว่าไม่ถูกชะตากันทั้งที่เพิ่งจะได้พบกันที่นี่เป็นครั้งแรก ไม่เคยสนิทด้วยมาก่อน แล้วก็ไม่เคยมีเรื่องร้ายแรงต่อกันมาก่อนเลยอีกด้วย
นั่นจึงส่งผลให้หญิงสาวที่ต้องถูกตกเป็นเป้าสายตาถึงขั้นต้องมองกลับด้วยสายตาไม่เข้าใจเป็นอย่างมาก
“นั่นสิคะ มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“ก็เปล่านี่” นอร์ทตอบกลับอย่างทันควัน
