14. หมั่นไส้
ดวงเดือน นำหนังสือพิมพ์ “สู่มวลชน” ที่มีภาพการเปิดตัวของหนังสือพิมพ์ มาให้เพื่อน ๆ ดูที่บ้านของกาบแก้ว เกวลิน สนใจดูภาพข่าว โดยมีนับพร เป็นคนคอยบรรยายให้เห็นภาพบรรยากาศของงานด้วยความตื่นเต้น
“เสียดายจังที่ไม่ได้ไปงานด้วย”
เกวลิน เอ่ยขึ้นหลังจากดูภาพ
“ไม่เห็นน่าสนใจสักนิด…เสียเวลา”
วนาลี สะบัดเสียง มองภาพข่าวนั้นด้วยหางตา เป็นเหตุให้เพื่อน ๆ หันไปมองหน้ากันอย่างอัตโนมัติ เพราะต่างรู้ว่าวนาลีไม่ชอบหน้านรา
ดวงเดือน แกล้งไม่สนใจคำพูดของวนาลี จึงเปิดไปภาพที่มีดาราคนโปรดของนับพรให้ดูเป็นการเบี่ยงเบนความสนใจของวนาลีไม่ให้อารมณ์ขุ่นมัว…แต่วนาลีกลับไปสะดุดกับภาพของสาครที่ยืนเคียงคู่กับคุณหญิงโศรดา
วนาลี กำลังห่วงความรู้สึกของมารดาไม่อยากให้เห็นภาพนี้
“ไหนจ๊ะที่ว่าหนังสือพิมพ์ที่นราเขาทำอยู่น่ะ..ขอแม่ดูบ้างสิ”
กาบแก้ว เห็นทุกคนสนใจดู ก็อยากจะขอดูบ้าง
วนาลี รีบยื่นมือไปหยิบหนังสือพิมพ์นั้นมาไว้ในมือทันทีที่เห็นกาบแก้วกำลังจะเดินเข้ามา และดึงส่วนที่มีภาพของบิดากับภรรยาใหม่ออกไปดู แล้วก็ส่งส่วนที่เหลือให้มารดาไป
“สมัครเป็นสมาชิกให้นราเขาหน่อยก็ดีนะ”
กาบแก้ว ไม่เจาะจงพูดกับใครโดยเฉพาะ
“อุ๊ย..คุณแม่ขา..ไม่ต้องเลยค่ะ เดี๋ยวยัยเดือนก็ได้รับแจกฟรีมาเองแหละค่ะ”
นับพรส่งสายตาล้อเลียนไปยังดวงเดือน
“จริงสินะ..แม่ก็ได้ยินนราบอกว่ารู้จักหนูเดือนมาก่อน แล้วเห็นว่ากำลังจะฝากให้ทำงานด้วย”
กาบแก้วนึกถึงคำพูดของนราขึ้นมาได้
“ต๊าย…คุณแม่ขา..คุณแม่รู้จักพี่นราด้วยเหรอคะเนี่ยตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”
นับพร มีท่าทางสนใจอยากรู้
“แหม..ทำเป็นตื่นเต้นยังกะเป็นคนสำคัญอะไรนักหนากะอีแค่ตานั่นเคยช่วยแม่ฉันตอนเป็นลมอยู่หน้าบ้านเขาเท่านั้นเอง”
วนาลี เป็นคนตอบแทนมารดาด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่น้ำเสียงเจือหมั่นไส้
“จริงเหรอคะคุณแม่” เกวลิน ถามขึ้นมา
“จ๊ะ..แม่กำลังจะไปเรียกรถที่หน้าหมู่บ้าน พอดีเดินผ่านหน้าบ้านนราก็เลยเป็นลมแถวนั้น แล้วนราก็พาเข้าบ้านไปปฐมพยาบาล พอแม่อาการดีขึ้นก็ขับรถมาส่งที่บ้าน เขาเป็นคนหนุ่มที่มีน้ำใจจริง ๆ”
“ว้าว! ฮีโร่” นับพร ทำท่าชื่นชม
“แต่ฉันว่าอีตานั่นมีแผนจะหลอกคนแก่ไปปลดทรัพย์มากกว่า พอไม่มีโอกาสก็เลยแกล้งทำเป็นมาส่งแม่ฉันที่บ้าน เพื่อมาดูข้าวของในบ้านว่ามีอะไรบ้างจะได้พาพวกมายกเค้าวันหลัง”
วนาลี คาดการณ์อย่างสะใจที่ได้พูดออกไป
“ลี…ทำไมมองพี่นราในแง่ร้ายอย่างนั้นล่ะ”
ดวงเดือนติงเพื่อนเสียงอ่อน
“นั่นน่ะสิ…เป็นคนไร้น้ำใจไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ยัยลูกคนนี้” กาบแก้วตำหนิบ้าง
“ก็ตั้งแต่อีตานี่ มาเกี่ยวข้องกับชีวิตของลีไงล่ะแม่”
วนาลี รู้สึกหงุดหงิดที่ต้องพูดถึงนรา
“เรื่องไม่เป็นเรื่อง ขอโทษขอโพยกันก็สิ้นเรื่อง..ทำไมจะต้องไปเจ้าคิดเจ้าแค้นด้วยล่ะ”
กาบแก้ว บอกลูกสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนใจ
“ถ้าอีตานั่นเป็นลูกผู้ชาย มีความสุภาพกับผู้หญิง ลีคงไม่คิดอะไรหรอก แต่เพราะเขาเป็นคนปากไม่ดี นิสัยแย่ โรคจิต ลามก ลีก็เลยไม่ชอบขี้หน้า”
วนาลีบรรยายให้เห็นภาพเลวร้ายของศัตรู
“เท่าที่ได้พูดคุยกับพี่เค้า..ก็เห็นสุภาพคุยสนุกดีออก”
นับพร พยายามพูดให้เพื่อนเข้าใจ
“ใช่จ๊ะลี…พี่นราน่ะ.ไม่ได้แย่ขนาดที่ลีว่าหรอก”
ดวงเดือน ช่วยยืนยันอีกแรง
“เข้าข้างอีตานี่กันหมดเลย เหลือเธอคนเดียวยัยเก..มีอะไรจะพูดเข้าข้างอีตาโรคจิตนั่นไหม”
วนาลีหันไปคาดคั้น หวังให้เกวลินเป็นพวก
“เอ้อ…เรายังไม่เคยพูดคุยกับพี่นราอะไรนี่เลย..เพราะฉะนั้นขอไม่ออกความเห็นได้ไหม”
“ก็ยังดี…มีความเป็นกลาง” วนาลีคลายความน้อยใจ
เมื่อเพื่อน ๆ ทราบว่าวนาลี ไม่อยากให้เอ่ยชื่อถึงนรา ทุกคนจึงเปลี่ยนเรื่องพูด โดยเกวลิน ได้บอกข่าวดีให้ทุกคนได้รับทราบกันถ้วนหน้าว่ากำลังจะไปเรียนต่อปริญญาโทที่อเมริกา
แต่ก่อนจะเดินทางไป เกวลิน ก็ได้ทำหน้าที่เพื่อนที่ดี ด้วยการฝากงานให้วนาลีและนับพรด้วย โดยฝากผ่านกัลยาผู้เป็นพี่สาว ส่วนดวงเดือนนั้นได้งานพิสูจน์อักษรที่นิตยสารแห่งหนึ่งแล้ว โดยนราเป็นคนฝากงานให้
“พวกฉันเป็นเด็กเส้นเหมือนยัยเดือนน่ะสิเนี่ย” นับพร พูดยิ้ม ๆ
“เด็กเส้นของพี่กัน..ดีกว่าเด็กเส้นอีตานั่นนะยัยพร”
วนาลี ยังอดแขวะนราไม่ได้
“โธ่…ลีจ๋า..ลืมเรื่องอดีตเก่า ๆ ที่เข้าใจผิดกับพี่นราเถอะนะ” ดวงเดือน ทำเสียงออดอ้อน
“รู้ได้ยังไงว่าเข้าใจผิด อีตานั่นเป่าหูอะไรหล่อนยะถึงได้เชื่อกันจัง” วนาลี ต่อว่าดวงเดือน
“เปล่า..เขาไม่ได้พูดถึงลีในทางไม่ดีเลยนะ..เพียงแต่เขาอยากให้ลียกโทษให้”
“ยกโทษให้…เชอะ!…คนอย่างนายนั่นเหรอพูดคำนี้เป็น..ฉันว่าเขาพูดเอาใจเธอมากกว่า..ยังไงเธอก็เป็นเพื่อนฉันนะ..เธอจะเชื่อเพื่อนหรือเชื่อผู้ชายที่เพิ่งรู้จักกัน…”
วนาลี จ้องหน้าดวงเดือน
“ฉันเชื่อเธอ…แต่..ก็เห็นใจพี่เค้า”
ดวงเดือนสารภาพเสียงเบาหวิว
“ถ้าเชื่อฉัน..เธอก็ต้องเลิกคบกับนายนรานั่นซะ” วนาลี ยื่นคำขาดอย่างเผด็จการ
“ลี!..”
ดวงเดือน เรียกชื่อเพื่อนอย่างตกใจ
