11. ดั่งเจ้ากรรมนายเวร
“อ้าว..จะจ้องหน้ากันอีกนานไหมจ๊ะ”
กาบแก้ว เตือนสติคนทั้งสอง
“เอ้อ..ผมส่งคุณป้าแค่นี้นะครับ”
นรา รีบขอตัวทันที เมื่อเห็นแววตาของศัตรูสาวลูกเจ้าของบ้าน
“เข้าไปข้างในบ้านก่อนสิ..นรา..ไปดื่มอะไรเย็น ๆ สักแก้ว ป้าคั้นน้ำผลไม้ใส่ตู้เย็นไว้เยอะแยะ ให้ป้าได้ตอบแทนเล็ก ๆ น้อย ๆ บ้างเถอะพ่อคุณ…ถือเสียว่าเราคนบ้านใกล้เรือนเคียงกัน”
คำพูดของกาบแก้ว ทำให้นราไม่กล้าปฏิเสธ เขาจึงเดินประคองนางเข้าไปในบ้าน
วนาลี ถือโอกาสให้นรา อยู่ด้านที่จะบังสายตากาบแก้วไม่ให้มองเห็นรถยนต์ที่จอดอยู่บริเวณก่อนถึงประตูบ้าน
กาบแก้ว เล่าให้วนาลีฟังถึงน้ำใจของนราที่ช่วยเหลือขณะที่เป็นลมอยู่หน้าบ้านเขา จากนั้นนางก็สั่งให้วนาลี นำน้ำผลไม้มาเสิร์ฟให้แขก วนาลี ทำตามด้วยใบหน้าบึ้งตึง เมื่อวางแก้วน้ำผลไม้เสร็จก็รีบขอตัวขึ้นข้างบนทันที
“คุณป้ารู้จักคนชื่อดวงเดือนหรือเปล่าครับ”
นรา รีบถามเสียงดังหวังจะให้วนาลีที่กำลังเดินออกไปได้ยินด้วย ซึ่งก็ได้ผล วนาลีชะงักฝีเท้ากึกทันที นราอมยิ้ม เขาเริ่มแผนแกล้งให้หล่อนหัวเสียทันที
“ดวงเดือนไหนล่ะ..ถ้าดวงเดือนเพื่อนของยัยลี ลูกสาวของป้าก็รู้จักดีเชียวล่ะ หนูเดือนมาที่บ้านป้าบ่อย ๆ เอ๊ะ..รู้จักกันด้วยหรือ”
กาบแก้ว มีสีหน้าแปลกใจ
“รู้จักครับ..คือ ผมกำลังจะฝากงานให้น้องเดือนทำน่ะครับเห็นว่าเพิ่งเรียนจบ”
“ยัยลี…มานั่งนี่ก่อน…ดูสิคนกันเองทั้งนั้น นี่ยัยลีก็เป็นเพื่อนสนิทกับหนูเดือนนะ กำลังหางานทำอยู่เหมือนกัน”
กาบแก้ว รีบเรียกวนาลีให้เข้ามา นางกำลังหาช่องทางให้ลูกสาวได้มีงานทำ
“แม่คะ..ลีไม่ชอบเป็นเด็กฝากเด็กเส้นนะคะ..ลีจะหางานทำด้วยตัวของลีเองค่ะ”
วนาลี พูดอย่างไม่เกรงใจ แม้หล่อนจะรู้สึกขอบคุณที่เขาพามารดามาส่ง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าหล่อนจะหายเจ็บใจที่เขาได้ทำอะไรไว้กับหล่อนบ้าง และยิ่งเขาหาทางสนิทสนมกับดวงเดือน แล้วยังจะมาทำท่าสนิทสนมกับกาบแก้วอีก แววตาของเขามันแสดงความมีชัยชนะเหนือหล่อน ไม่มีวันที่หล่อนจะญาติดีกับผู้ชายเจ้าเล่ห์คนนี้ได้
“น้องลีนี่ช่างมั่นใจในตัวเองดีจริง ๆ เลยครับ”
นราชม แต่วนาลี รู้ดีว่ามันเป็นคำประชดประชัน
“แม่คะ..ลีขอตัวนะคะ…ปวดหัว”
วนาลี ย้ำเสียงแข็งคำว่า ปวดหัว ก่อนจะสะบัดหน้าเดินลิ่ว ๆ ออกไป ปล่อยให้กาบแก้ว รู้สึกงุนงง และรู้สึกเสียหน้ากับพฤติกรรมที่เหมือนไม่รักษามารยาทของเจ้าของบ้าน
“เอ้อ..นรา..ป้ารู้ว่าลูกสาวป้าไม่มีมารยาทกับแขกเลย ขอโทษจริง ๆ”
นางหันมาบอกนรา สีหน้าไม่สบายใจ
“ผมไม่ถือหรอกครับ..คุณป้าอย่ากังวลไปเลย”
“ดูสิ..นรามีน้ำใจกับป้า แทนที่ลูกสาวจะขอบคุณสักคำไม่มี เดินสะบัดพรืด ๆ ไปเลย ป้าไม่เข้าใจลูกคนนี้จริง ๆ แต่ปกติเขาก็ไม่เคยเสียมารยาทกับใครหรอกจ๊ะ”
นรา ทราบถึงเหตุผลดี จึงได้แต่ยิ้ม ๆ และจากการพูดคุยทำให้กาบแก้วได้รับรู้ว่าครอบครัวของนราซื้อบ้านต่อมาอีกทอดหนึ่งแล้วมาตกแต่งปรับปรุงใหม่ ทั้งคู่คุยกันอย่างถูกอัธยาศัยเกือบชั่วโมง
กาบแก้ว เดินไปส่งนราที่ประตูรั้ว นางจึงเห็นรถเก๋งสีเขียวเข้มอย่างชัดเจน แต่เพราะยังส่งแขกอยู่ นางจึงระงับอาการเอาไว้ รอจนนราขับรถออกไปแล้วจึงตะโกนเรียกชื่อวนาลีดังลั่นบ้าน
“มีอะไรคะแม่…โธ่..นึกว่าโดนอีตาฝรั่งหัวหยิกนั่นปล้ำเอา..ตกใจหมดเลย..”
วนาลี รู้ถึงสาเหตุที่ทำให้กาบแก้วร้องเรียกชื่อหล่อนเสียงดังลั่น หล่อนจึงแสร้งทำเป็นพูดติดตลกเพื่อให้มารดาลดดีกรีความร้อนแรงทางอารมณ์ลงไป
“หมายความว่าไง…เนี่ย..”
กาบแก้วยืนเท้าสะเอวพร้อมกับชี้ไปที่รถปริศนา
“แม่คะ..ใจเย็น ๆ เดี๋ยวก็เป็นลมอีกรอบหรอก..”
วนาลี เตือนด้วยความเป็นห่วง
“แม่ออกจากบ้านไปไม่กี่ชั่วโมง กลับเข้าบ้านมีรถใหม่เอี่ยมมาจอดในบ้าน นี่มันนิทานหลอกเด็กหรือไง ยัยลี..”
นางจ้องหน้าวนาลีเพื่อต้องการคำตอบ
“พ่อเขาซื้อเป็นของขวัญให้ลีในฐานะที่เรียนจบปริญญา ก็แค่นั้นเองแม่..”
“ดีใจมากเลยสินะ..ยอมรับของแพงจากพวกคนรวย อีกหน่อยเขาก็ซื้อตัวเราไปอยู่ด้วย”
วนาลี เดาไม่ผิดในที่สุดกาบแก้วก็เผยความรู้สึกนั้นออกมาจริง ๆ ความรู้สึกที่กลัวการสูญเสียวนาลีไป เหมือนกับที่เคยสูญเสียอดีตสามีให้กับผู้หญิงที่ร่ำรวยอย่างคุณหญิงโศรดา
“แม่จ๋า…ลีขอโทษถ้าทำให้แม่รู้สึกแย่มาก ๆ แต่ลีขอยืนยันว่าต่อให้พ่อทุ่มเทเงินทองแค่ไหนเพื่อให้ลีไปอยู่ด้วย ลีก็ทำไม่ได้หรอก เพราะลีมีแม่คนเดียวอยู่เคียงข้างมาตลอด ลีจะเนรคุณทิ้งแม่ไปได้ยังไง”
กาบแก้ว นิ่งอึ้งไป วนาลีจึงรีบพูดให้ต่อเนื่อง
“แล้วที่พ่อเขาซื้อรถให้..ก็ซื้อเพราะอยากจะทำหน้าที่พ่อบ้างเท่านั้นเอง ไม่ได้หวังจะมาให้ลีไปอยู่ด้วยสักหน่อย ถ้าแม่ไม่อยากให้ลีรับไว้ ลีจะโทรศัพท์บอกให้พ่อส่งคนมารับคืนไปก็ได้”
คำพูดของลูกสาวทำให้กาบแก้วรู้สึกบายใจขึ้นมาบ้างจึงหันไปพูดเรื่องที่อยากพูด
“เอาเถอะเรื่องนี้แม่พอรับได้…ก็ดีเหมือนกันแม่จะได้เอาเงินที่ตั้งใจจะซื้อรถเป็นของขวัญให้เราไว้ซ่อมแซมทาสีบ้านใหม่ แต่เรื่องที่แม่รับไม่ได้เลยคือ เรื่องที่แขกมาบ้านแล้วเราทำกิริยาน่าเกลียด ไม่ไว้หน้าแม่เลย..จะขอบคุณที่เขาช่วยแม่ไว้ก็ไม่มีสักคำ”
กาบแก้ว ตำหนิลูกสาวอย่างเอาจริงเอาจัง
“แม่ฟังลูกตัวเองก่อนที่จะเข้าข้างคนอื่นได้ไหม…อีตานั่นคือ อีตาฝรั่งหัวหยิก ปากกรรไกร เคยมีเรื่องกับลีตั้งหลายครั้ง คอยกลั่นแกล้งลีตลอด แล้วอย่างนี้จะให้ลีมีมารยาทกับเขาได้ไงล่ะแม่..”
กาบแก้วนึกไปถึงเมื่อครั้งที่วนาลีเล่าให้ฟังว่ามีเรื่องกับฝรั่งหัวหยิกในหมู่บ้าน กาบแก้วเพิ่งจะเข้าใจเรื่องราว แต่ถ้านางไม่ได้พูดคุยกับนรา ก็คงจะนึกภาพเขาเป็นอันธพาลตามที่วนาลีเล่าให้ฟัง
“แต่ลีก็ต้องมีมารยาทบ้างนะ เขาอุตส่าห์ช่วยปฐมพยาบาลแม่อยู่ที่บ้านของเขาแล้วก็พามาส่งบ้าน คนเขามีน้ำใจ ถึงเราจะไม่ถูกกับเขายังไงก็ไม่ควรแสดงกิริยาไม่ดีแบบนั้น”
กาบแก้วตำหนิลูกสาว
“ดีนะ..ที่อีตานั่นไม่หลอกปลดทรัพย์แม่ไป ยังมีสร้อยคอกลับมาให้เห็น”
วนาลี นอกจากจะไม่ฟังแล้วยังพูดไปอีกทาง
“ยัยลี!…นี่คิดในแง่ร้ายขนาดนี้เชียว”
กาบแก้วส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ
“ก็ลีเป็นคนรอบคอบนี่คะ ไม่ได้เชื่อคนง่ายเหมือนแม่ แล้วแม่ไม่เห็นรึไง พอแม่ชวนเข้าบ้านแทนที่อีตานั่นจะปฏิเสธ กลับเดินเจ๋อเข้ามา คงจะมาดูลาดเลากะจะยกเค้าบ้านเรามากกว่า…”
“นี่ปากเราหรือนี่..คิดได้ไง..ดู๊..คนดีมีน้ำใจเลยทำบุญไม่ขึ้นกับคนอย่างเรา..ไม่เอาแล้วแม่ไม่ฟังคำพูดเหลวไหลของเราแล้ว”
วนาลี หน้างอที่เห็นกาบแก้วเข้าข้างนรา หล่อนจึงเดินฮึดฮัดเข้าไปในบ้านหวังจะโทรศัพท์ไประบายกับดวงเดือน แต่โทรเข้าบ้านก็ไม่อยู่ โทรเข้ามือถือก็สายไม่ว่างสักที วนาลีจึงต้องเปลี่ยนไปโทรหานับพรแทน เพราะมิเช่นนั้นอกแตกตายแน่ถ้าไม่ได้ระบายความคับแค้นใจเกี่ยวกับนายนรานั่น
