9 คุณมันเลว
เขาเอื้อมดูนาฬิกา คงจะไม่ทันกลับวอชิงตันต้องหาที่พักใกล้ ๆ บริเวณนี้ เพราะถ้าขืนฝ่าสายฝนไปแบบนี้จะอันตรายกว่า มองดูคนข้าง ๆ ที่หมดฤทธิ์ไปแล้วตอนนี้ เธอหลับตาได้แล้ว แต่เขานี่สิยังคงปวดร้าวไปทั่วความเป็นชาย
เขาตัดสินใจขับรถไปที่บ้านของตัวเอง วันนี้ป้าเขาไม่อยู่ เขาอุ้มหญิงสาวไร้สติลงไปนอนบนเตียงกว้างที่เขาใช้นอนประจำ เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าของเธอออกด้วยตัวเอง เพราะขืนรอป้ากลับมาคนตรงหน้าคงได้เป็นปอดบวมกันพอดี แต่จะว่าไปแล้ว เธอก็ปอดบวมอยู่นะมันเต่งตึงล่อตาเขาซะเหลือเกิน
ราชาวดีตื่นขึ้นมาก็รู้สึกแปลกใจ เธออยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน และเมื่อมองสำรวจตัวเองก็พบว่าเธอไม่ได้สวมชุดเดิม แต่กลับเป็นเสื้อเชิ้ตแขนยาวตัวใหญ่ และกางเกงนอนขายาวที่ดูน่าจะเป็นของผู้ชายมากกว่า มันหมายความว่ายังไง พยายามนึกย้อนเหตุการณ์ไปแต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อประตูห้องเปิดขึ้นพร้อมกับร่างสูงใหญ่ที่คุ้นตาเดินเข้ามา
“คุณตื่นแล้วเหรอครับ..ราเชล” ชายหนุ่มทักได้เพียงแค่นั้นก็มีหมอนใบหนึ่งปาเข้ามาที่เขา และหญิงสาวก็พุ่งกระโจนตามมาทันที
“แก ไอ้คนเลว แกทำอะไรฉัน ฉันจะฆ่าแก” ราชาวดีกรีดเสียงคำรามใส่เขาอย่างเกรี้ยวกราด
“ราเชล ใจเย็นสิครับ” ชายหนุ่มร้องขึ้น พยายามป้องกันตัวเองจากร่างบางตรงหน้าเป็นพัลวัน
“นี่คุณกล้าล่วงเกินฉันเหรอ” หญิงสาวถามขึ้น แต่ในมือยังขยุ้มทึ้งเสื้อกล้ามสีขาวที่เขาสวมอยู่แน่น
“ราเชล..ผมเปล่าครับ” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยเรียกชื่อเธอ พร้อมกับรอยยิ้มอ่อนโยนที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าคมเข้มนั้น
“ไม่จริง คุณข่มขืนฉัน” ราชาวดีครางขึ้นมาเบา ๆ แทนที่จะโกรธและลงมือทุบตีเขา
“คุณทำอะไรฉันบ้าง..บอกมานะ” หญิงสาวพยายามนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาอีกครั้ง เธอรู้ตัวเองว่าตอนนั้นเมามาก และหลังจากนั้นก็เลือนรางเต็มที แต่ก็พอจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่ทำไมเขาถึงไม่ยอมรับ
“ผมยอมรับก็ได้ คุณโดนไอ้เควินวางยาเสียสาว คุณลวนลามผมผมห้ามเท่าไหร่คุณก็ไม่ฟัง ผมจึงจำเป็นต้องช่วย ผมขับรถต่อไม่ได้ ฝนก็ตกแต่ผมไม่รู้ว่าคุณยังเวอร์จิ้นอยู่ ผมขอโทษ” เขาเล่าไปยิ้มไปเล็กน้อย
“ไอ้บ้า ไอ้คนฉวยโอกาส เลวสิ้นดีคอยดูนะฉันจะฟ้องคุณพ่อ”
“ครับผมมันเลว แต่คนที่วางยาคุณมันก็เลวเหมือนกัน แล้วผมก็ไม่ได้ทำลายพรหมจรรย์คุณ ผมเพียงแค่ใช้บางอย่างของผมปลดปล่อยคุณเท่านั้น พอใจหรือยัง”
เธอรับรู้ด้วยหัวใจในวินาทีนั้นเองว่าอารมณ์ที่เสร็จสมของเธอเพราะเขาช่วยเธอเอาไว้นี่เอง แต่น้ำตาเจ้ากรรมกลับหลั่งไหลออกมาซะแบบนั้น เธอร้องไห้จนตัวโยนอย่างไม่สามารถระงับมันเอาไว้ได้ ชายหนุ่มเข้ามากอดเธอเอาไว้อย่างแผ่วเบา นุ่มนวล และหวงแหน มือหนาของคนตัวโตค่อย ๆ ลูบหลังเธอเบา ๆ ราวกับจะปลอบประโลม
“คุณไม่ต้องเสียใจ ผมไม่ได้พรากพรหมจรรย์ของคุณ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นแกมหัวเราะ แทนคำตอบราชาวดีใช้สองมือดันตัวเองออกจากอ้อมกอดของเขา เงยมองหน้าชายหนุ่มอย่างเต็ม ๆ ตา เพิ่งจะรู้สึกเดี๋ยวนี้เองว่าปราศจากรองเท้าส้นสูงแล้ว ตัวเธอก็ดูเล็กลงไปถนัดตา และโดยเฉพาะในเวลาที่อยู่ในอ้อมกอดของเขาแบบนี้ หญิงสาวส่ายหน้าเบา ๆ แทนคำตอบให้กับร่างสูงตรงหน้า เพียงชั่ววินาทีที่คนทั้งสองจ้องมองกันอยู่แบบนั้น ราวกับว่าเวลาหยุดอยู่กับที่ สิ่งที่สายตารับรู้ และหัวใจสัมผัสได้มีเพียงกันและกันเท่านั้น
ใบหน้าของราชาวดีในตอนนี้ดูอ่อนเยาว์ ใบหน้าของเธอยามปราศจากเครื่องสำอางดูสวยใสบริสุทธิ์ นี่ต่างหากคือราเชลของเขา ผิวขาวเนียนละเอียดราวกับน้ำนม มองดูช่างน่าหลงใหล ดวงตาคู่งามสีน้ำตาลกลมโตราวกับอัญมณีที่ล้ำค่า และอัญมณีคู่นี้ก็กำลังมองจ้องมาที่เขา
“ฉันขอโทษ ฉันพอจำได้อยู่บ้าง แต่อยากรู้ว่าคุณจะพูดอย่างไรต่างหาก..แต่ก็ถือว่าฉันเสียตัวให้คุณอยู่ดีแหละ”
“ผมขอโทษครับ แต่ผมไม่มีวิธีอื่นแล้ว”
“ขอบคุณนะคะ ที่ช่วย และไม่ทำให้ฉันเสียหายไปมากกว่านี้”
“ครับ”
“แต่ยังไง นายก็ต้องรับผิดชอบฉันอยู่ดี” เธอขึ้นเสียงอีกรอบ เหมือนคนอารมณ์แปรปรวน
“เออ..แต่”
“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น ถ้ายังมีแต่ ฉันจะฟ้องคุณพ่อ”
“ครับ” ชายหนุ่มใช้มืออันอบอุ่นและแข็งแรงลูบไล้ไปเบา ๆ บนใบหน้างามตรงหน้า เธอยังคงจ้องหน้าเขาอยู่อย่างนั้นราวกับจะเชิญชวนก็ไม่ปาน เขาค่อย ๆ โน้มตัวลงใช้ปลายจมูกโด่งกดเบา ๆ ไปบนหน้าผากนวลเนียนของคนตรงหน้าอย่างแสนอ่อนโยนและรักใคร่ สูดดมกลิ่นกายหอมกรุ่นของหญิงสาวตรงหน้าอย่างโหยหา และค่อย ๆ ละเลียดไล้ปลายจมูกอย่างแผ่วเบาและนุ่มนวลลงมายังแก้มนวลของหญิงสาว
‘หอม’ มันไม่ใช่กลิ่นน้ำหอม แต่มันเป็นกลิ่นหอมจางจากตัวเธอที่ช่างเย้ายวนให้เขาลุ่มหลง แล้วเขาจึงค่อย ๆ แนบหน้าผากตนเองลงบนหน้าผากเนียนของเธออย่างแผ่วเบาและอ้อยอิ่ง ใช้ปลายจมูกของเขาสัมผัสกับปลายจมูกเล็ก ๆ ของเธออย่างนุ่มนวล จนรับรู้ได้ถึงลมหายใจของกันและกัน เพื่อถ่ายทอดความรู้สึกทั้งหมดที่มีผ่านการกระทำนั้นให้หญิงสาวตรงหน้าได้รับรู้ คิดถึงและโหยหาเธอเหลือเกินตลอดระยะเวลาที่ไม่ได้เจอกัน ชายหนุ่มใช้ริมฝีปากจุมพิตอย่างแผ่วเบาลงบนเปลือกตาคู่งามราวกับจะช่วยซับน้ำตาของเธอให้หมดไป
“สรุปว่าคุณจะให้ผมรับผิดชอบ” ชายหนุ่มถามขึ้นด้วยน้ำเสียงอันอ่อนโยน
“เออ!.ก็คุณเห็นของฉันหมดแล้ว” ราชาวดีเอ่ยเสียงเบาด้วยความเอียงอาย พร้อมกับก้มลงมองเสื้อที่ตัวเองสวมอยู่ แล้วจับมันดึงขึ้นมาเบา ๆ แทนคำตอบ
“แสดงว่าก่อนหน้านี้คุณจำได้หมดแล้วใช่มั้ย” ชายถาม แต่ราชาวดีก็เอาแต่ก้มหน้า ชั่วขณะหนึ่งยามที่เธอพยายามจะหลบหน้าเขาและหันไปทางอื่น เขาพบว่าใบหน้างามของเธอแดงราวกับคนเป็นไข้ด้วยความอาย แล้วเธอก็ส่ายหน้าเบา ๆ แทนคำตอบ
“ราเชล..ถ้าคุณจะให้ผมรับผิดชอบคุณต้องเป็นเมียผมเท่านั้น” ชายหนุ่มเรียกเบา ๆ หญิงสาวจึงค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมามองหน้าเขา
“อื้อ!.. จะตอกย้ำกันทำไมเนี่ย” ราชาวดีค้อนวงใหญ่ให้ชายหนุ่มทั้งน้ำตามองดูน่าสงสารยิ่งนัก และเขาก็เชื่อเธอจนหมดหัวใจว่าเธอรู้สึกแบบนั้นจริง ๆ เพราะแม้แต่ตอนที่เธอเมาจนแทบจะไม่ได้สติ เธอก็ยังเรียกชื่อเขาออกมาอย่างแสนเศร้า เขาเอื้อมมือไปกุมมือเธอเอาไว้ราวกับจะปลอบโยน
