20 ดิลลับ
เสียงเพลงที่ดังกระหึ่มจนแทบจะทำให้กำแพงของผับแห่งนี้พังทลายลงไปเสียให้ได้ แต่บรรดานักท่องราตรีที่มามั่วสุมกันอยู่ในขณะนี้หาได้สนใจไม่ ยิ่งเสียงเพลงดังและรัวมากเท่าไหร่ ยิ่งกลับทำให้ผู้คนเกิดความคึกคักออกลีลาเต้นกันอย่างบ้าคลั่ง
นักเที่ยวหลายต่อหลายคนต่างหัวเราะเสียงดัง และพูดคุยตะโกนใส่กันแข่งกับเสียงเพลงอย่างไม่ทุกข์ร้อน และในอีกมุมหนึ่งของผับ บรรดา หนุ่ม ๆ นักเที่ยวต่างมานั่งสุมหัวรวมตัวกันจ้องมองนักเต้นที่กำลังวาดลีลาอวดโฉมโชว์เรือนร่างกันอย่างสุดเหวี่ยง
กลุ่มชายฉกรรจ์ที่นั่งปะปนไปกับนักเที่ยวราตรีรอบข้าง ใช้บรรยากาศรอบ ๆ ตัว อำพรางความตึงเครียด และลดความโดดเด่นจากสายตาคนอื่นที่อาจจะมองมาอย่างสนใจกับการมานั่งรวมตัวของพวกเขา
“คุณคาร์เตอร์สบายดีนะครับ” ชายหนุ่มคนหนึ่งกล่าวขึ้น พร้อมกับยืนขึ้นต้อนรับชายร่างท้วมที่เดินเข้ามาสมทบ ข้างหลังมีบรรดาลูกน้องเดินตามมาอีกสามถึงสี่คนเห็นจะได้
“สบายดี ๆ นั่งเถอะ” ชายร่างท้วมกล่าวเรียบ ๆ เหมือนว่าคุ้นเคยกับคนถามเป็นอย่างดี
“แล้วเป็นไง สบายดีนะเรา แล้วคุณแฟรงค์เป็นยังไงบ้าง”
“สบายดีครับ นายฝากความคิดถึงมาให้คุณคาร์เตอร์ด้วยเช่นกัน”
“รอบนี้ไม่คุ้นหน้าคุ้นตาเลยนะเอ็ดเวิร์ด เด็กใหม่ล่ะสิ แล้วไอ้พวกเก่า ๆ ไปไหนซะล่ะ”
“พวกเก่า ๆ ที่ใช้ประโยชน์ไม่ค่อยได้ก็ต้องโละล่ะครับ” ชายหนุ่มคนเดียวที่คุยโต้ตอบกับชายร่างท้วมที่ถูกเรียกว่า ‘เอ็ดเวิร์ด’ พูดขึ้นอย่างไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญอะไรนัก เขาหันไปมองบรรดาชายฉกรรจ์ที่นั่งอยู่ด้วยอีกสามคนอย่างไม่จริงจังอะไร
“ตกลง คุณคาร์เตอร์เตรียมของเอาไว้เรียบร้อยหรือยังครับ”
“ถามเหมือนไม่รู้จักกันเลยนะ” ชายร่างท้วมหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“พรุ่งนี้ไปเจอกันที่โกดังตอนเที่ยง ของล็อตนี้ดีกว่าล็อตที่ผ่านมาเยอะ รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน”
“ได้ยินแบบนั้นผมก็ดีใจครับ คาดว่านายผมก็น่าจะพอใจด้วย”
“มันก็ต้องแบบนั้นอยู่แล้วล่ะ ระดับคาร์เตอร์ซะอย่าง ไม่มีผิดหวังอยู่แล้ว แล้วเป็นยังไงถูกใจเด็กคนไหนกันบ้างรึเปล่า เลือกเอาตามใจชอบเลยแล้วกัน ถือว่าฉันเลี้ยงเองวันนี้ เด็กใหม่ ๆ สด ๆ ทั้งนั้น”
“คุณคาร์เตอร์พูดแบบนี้ผมก็ไม่เกรงใจแล้วนะครับ เด็ก ๆ ที่นี่น่ากินกันทุกคนเลยนะครับเนี่ย” ชายหนุ่มตอบรับและหัวเราะอย่างถูกใจ
“เอาเถอะ ๆ ตามสบาย ไว้พรุ่งนี้เจอกัน” ชายร่างท้วมลุกขึ้นกล่าวตัดบท และทุก ๆ คนในโต๊ะก็ลุกขึ้นตามพร้อม ๆ กันเป็นการส่งแขกระดับพิเศษไปในตัว
บรรดาสาว ๆ ที่อวดลีลาเต้นกันอยู่บนเวทีเมื่อสักครู่ต่างก็ทยอยเดินลงจากเวที มุ่งหน้าลงมาที่โต๊ะของกลุ่มชายหนุ่มที่เจ้าของผับร่างท้วมเพิ่งเดินจากไปราวกับรู้หน้าที่ และเมื่อชายร่างท้วมเดินจากไป บรรยากาศตึงเครียดก่อนหน้าที่เขาจะเข้ามานั้นก็เลือนหายไปทันทีหลังจากได้พูดคุยกันเสร็จ
“เลือกเอาตามสบายเลยโว้ยพวกเรา วันนี้ฟรี” ชายที่ชื่อเอ็ดเวิร์ดกล่าวขึ้น ก่อนจะคว้าร่างบางของใครคนหนึ่งที่อยู่ใกล้ตัวมานั่งตักตัวเองแล้วเริ่มเล้าโลมหญิงสาวอย่างไม่อายใคร
“ว่าไงแพทริค นั่งนิ่งเชียว แล้วนี่มาถึงแอริโซนาเมื่อไหร่”
“เพิ่งมาถึงวันนี้” ชายหนุ่มที่ถูกเรียกกล่าวตอบเรียบ ๆ
“แล้วไง ธุระที่ว่าต้องไปจัดการกะทันหัน” ชายหนุ่มอีกคนยังซักต่อ ขณะเดียวกันก็ง่วนกับอาหารชิ้นงามตรงหน้า
“เรียบร้อยแล้ว” แพทริคกล่าวตอบ
“ให้เดา เรื่องผู้หญิงใช่มั้ย” และเมื่อพูดไปแล้ว ชายรอบตัวต่างก็หัวเราะขึ้นมาพร้อม ๆ กันอย่างนึกขัน
“เห็นเงียบ ๆ ไม่สนใจใคร หรือว่ามีเมียแล้ววะ”
“เปล่า” เขากล่าวตอบเรียบ ๆ เช่นเดิม นั่งเอนตัวพิงโซฟาอย่างสบายอารมณ์ พลางยกขาขึ้นมาพาดขาอีกข้างทำราวกับไม่สนใจต่อเสียงหัวเราะรอบตัวนั้น แล้วก็กระชากหญิงสาวคนหนึ่งที่ตอนนี้นั่งกระแซะเบียดเขาอยู่ให้เข้ามาอยู่ในวงแขนเป็นการตัดบท เพื่อให้ทุกคนเลิกสนใจที่จะถามเรื่องราวเกี่ยวกับเขา
ชายหนุ่มค่อย ๆ ดื่มน้ำสีอำพันลงคอก่อนจะกวาดตามองไปรอบ ๆ ผับที่เปิดอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวของแอริโซนาแห่งนี้ ดูภายนอกก็คือสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับบรรดาผีเสื้อราตรีทั้งหลาย แต่เขารู้ดีว่าภายในและเบื้องลึกนั้นมันสกปรกโสมมแค่ไหน ไหนจะเรื่องผู้หญิงที่ทำงานกันอยู่ที่นี่ เขามองปราดเดียวก็พอจะรู้ว่าผู้หญิงส่วนใหญ่อายุยังไม่ถึงเกณฑ์ และเจ้าของผับที่เพิ่งจะจากไปนั่น เขาคือเอเย่นต์ค้ายาตัวใหญ่เลยก็ว่าได้ พรุ่งนี้สินะภารกิจสำคัญที่จะต้องจัดการ เขาไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าผลมันจะออกมาเช่นไร แต่หน้าที่มันก็คือหน้าที่ ชายหนุ่มคิดพลางดื่มน้ำสีอำพันลงคอไปอีกครั้ง ในใจกลับนึกถึงหญิงสาวอีกคนขึ้นมาอย่างประหลาด ดึกป่านนี้จะนอนไปแล้วรึยังนะ หรือเธอจะรอเขาอยู่
หวนนึกถึงตอนที่เขาบอกเธอว่าเขาจะต้องไปทำงาน หญิงสาวเดินออกมาส่งเขาที่หน้าบันไดบ้านก่อนเขาจะเดินไปขึ้นรถ เห็นแล้วก็อดคิดไปไม่ได้ว่ามันช่างคล้ายกับภรรยาที่เดินมาส่งสามีไปทำงานยังไงยังงั้น เขาอดไม่ได้ที่จะสวมกอดเธอเอาไว้อย่างรักใคร่ แทบไม่อยากจะเดินลงจากบ้านเลยทีเดียว นี่ก็เพิ่งจะจากหญิงสาวมาแค่เพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น แต่ใจกลับคิดถึงเธอแทบแย่
“ไปก่อนนะ” ชายหนุ่มพูดขึ้น รั้งร่างบางข้างตัวในอ้อมแขนให้ลุกขึ้นตามก่อนจะหันไปหาเพื่อนที่ยังนั่งอยู่
“ใจร้อนขึ้นมาเลยนะเว้ย เออไปเหอะ อย่าให้หนักจนพรุ่งนี้มาทำงานไม่ไหวล่ะ” ชายที่ชื่อเอ็ดเวิร์ดตะโกนตอบกลับมา แล้วก็หันกลับไปสนใจหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมกอดต่อ แพทริคเอาเงินให้หญิงสาวที่เขาพาออกมาให้เธอไปและบอกว่าเขาไม่ได้ต้องการนอนกับเธอ จากนั้นเขาก็แยกย้าย หญิงสาวคนนั้นมองตามอย่างประหลาดใจ ‘มีด้วยหรือผู้ชายแบบนี้’
หลังจากกลับมาถึงบ้าน ชายหนุ่มค่อย ๆ เดินเบา ๆ ไปยังห้องนอน เมื่อเอื้อมมือไปเปิดประตูห้องเขาก็พบว่าคนที่เขาคิดถึงเป็นอย่างมากนั้น ขณะนี้นอนหลับไม่รู้เรื่องอยู่บนเตียงราวกับเด็กตัวน้อย ๆ เขาเดินเบา ๆ ไปยังเตียงนอนที่เธอนอนอยู่ ก่อนจะค่อย ๆ ก้าวขึ้นไปนอนข้าง ๆ เธออย่างระวังเพราะกลัวจะทำให้เธอตื่น
แพทริคใช้แขนข้างหนึ่งเท้าศีรษะตัวเองเอาไว้ แล้วนอนตะแคงมองดูราชาวดีหลับอย่างมีความสุข เธอนอนตะแคงข้างหันหน้ามาทางเขา ริมฝีปากบางเผยอออกน้อย ๆ ราวกับจะยิ้มให้เขาแม้ว่าเธอจะยังหลับอยู่ก็ตาม อดไม่ได้ที่จะค่อย ๆ ก้มลงจุมพิตหน้าผากงามตรงหน้าอย่างแสนรัก และค่อย ๆ เลื่อนลงมาประทับจูบไปบนริมฝีปากบางสวยได้รูปตรงหน้า ริมฝีปากบางของเธอช่างหวานละมุนราวกับขนมหวาน เขาค่อย ๆ ถอนจุมพิตออกอย่างอ้อยอิ่ง ก่อนจะค่อย ๆ โอบเธอเอาไว้แนบอกอย่างหวงแหน มือใหญ่ค่อย ๆ ลูบเบา ๆ ไปที่แขนของคนตรงหน้าราวกับจะขับกล่อมเธอที่กำลังเข้าสู่ห้วงนิทราในขณะนี้ให้พบกับฝันดีก่อนที่เธอจะตื่น
ผิวของเธอนวลเนียนลื่นมือยามสัมผัส กลิ่นกายของเธอช่างหอมกรุ่นน่าหลงใหล เรือนผมงามที่เขาค่อย ๆ บรรจงประทับจูบลงไปครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างแสนรักช่างหอมหวนและอ่อนนุ่มเนียนมือยามลูบไล้ เป็นเพราะความคิดถึงแท้ ๆ ทีเดียว
ในวันพรุ่งนี้ยังมีเรื่องให้ต้องสะสางอยู่อีกมากนัก แต่ในเวลานี้เขาขอตักตวงความสุขเอาไว้ให้เต็มเปี่ยมเสียก่อนที่จะต้องออกไปเผชิญกับงานหนักที่รอเขาอยู่
