ตอนที่ 3 ผมอยากนอนกับคุณ
“มาทำอะไรที่นี่?”
“มาคุยงานค่ะ” เสียงหวานตอบกลับอย่างอึกอัก
“รู้ใช่ไหมว่าที่นี่เป็นโรงแรมของตระกูลบูรพจน์” เสียงทุ้มแข็งขึ้น นลินนาราตกใจไม่รู้ว่าที่นี่เป็นโรงแรมของตระกูลนี้ เธอรู้สึกจุกอกอยากกลับบ้านขึ้นมาทันที
“ตั้งใจมาป่วนให้ปานวาดโกรธที่เมียน้อยมาหยามถึงที่หรือว่านัดสามีคนอื่นมาทำอะไรกัน ฮึ น่าสงสารผู้ชายพวกนั้นตาถั่วเห็นเปลือกนอกสวยงามคิดว่าเป็นของดีทั้งที่เนื้อในเน่าเฟะ” หน้าคมยิ้มเหยียดผ่านกระจก นลินนาราหน้าชาที่ถูกต่อว่ากำหมัดแน่นพยายามเก็บอารมณ์ ภูวดลเห็นเธอไม่เถียงในสิ่งที่เขาพูดคล้ายยอมรับว่าเขาพูดเรื่องจริงยิ่งทำให้คนตัวโตรู้สึกใจหวิวและไม่พอใจ
“ไม่เถียงแสดงผมเข้าใจถูกสินะ” เขารีบกดหยุดลิฟต์ค้างไว้ที่ชั้นเดิมแล้วหันไปจ้องหน้าโกรธเคืองหญิงสาวหน้าหวานที่ยืนก้มหน้าหลบสายตา นลินนารากำมือแน่นอย่างอดทนอีกนิดพอออกจากลิฟต์เพื่อไปคุยงานไม่ต้องกดดันอยู่กับเขาอีก
“เท่าไหร่?” คำถามแสนธรรมดาแต่หน้าเยาะหยันดูถูกด้วยสายตา
“อะไร!” เธอหายใจถี่เงยหน้าจ้องมองขุ่นเคือง
“นอนกับคุณ ต้องจ่ายเท่าไหร่”
“ดูถูกฉันเกินไปแล้วนะ!” เสียงหวานแข็งขึ้นโกรธจนตัวสั่น
“ผู้หญิงอย่างคุณสมควรให้โดนดูถูก............ครั้งก่อนคุณบอกว่ามีอะไรให้ช่วยก็บอก งั้นผมบอกเลยแล้วกันผมอยากนอนกับคุณ.....” สายตาเจ้าเล่ห์มองใบหน้าหวานไล่ลงมาเนินอวบยิ้มมุมปากเล็กๆ
“ปึก! ผลัวะ!” เรียวขาเล็กเตะผ่าหมากเป้ากางเกง ซัดหมัดขวาเน้นๆ เข้าหน้าคมจนเขาเซล้ม
“โอ๊ย!”
“ฉันไม่ได้ขายตัวถึงจะมีผัวสองคนก็แต่งงานถูกต้องตามกฎหมาย และที่สำคัญคนอย่างคุณบอกเลย ฉันไม่ให้เอา!” หน้าสวยเกรี้ยวกราดชี้หน้าเขาที่หน้าเหยเกตัวงอจุกกลางเป้า เธอเดินผ่านเขาไปกดลิฟต์ย้ำ ๆ เมื่อประตูเปิดออกพนักงานโรงแรมชายสี่คนก็ปรี่เข้ามาจับตัวเธอไว้
“จับฉันทำไม!”
“คุณทำอะไรท่านรอง” พนักงานโรงแรมคนหนึ่งพูดขึ้น เธอหยุดชะงักมองคนพนักงานที่จับตัวเธอไว้แล้วหันไปมองผู้ชายปากเสียคนนั้นที่มีพนักงานประคองออกมาจากลิฟต์ เขาเดินกะเผลกออกมองจ้องหน้าเอาเรื่องเธอก็จ้องตอบไม่กลัว
ภายในห้องทำงานหรูของรองประธาน
“ฝ่ายรักษาความปลอดภัยเห็นว่าลิฟต์ค้างอยู่ที่ชั้น 10 พอดูในกล้องวงจรปิดเห็นว่าท่านกำลังถูกทำร้ายจึงรีบมาช่วยค่ะ” นันรายงานกับเจ้านายพลางส่งผ้าเย็นให้เขาประคบแก้ม
“นำตัวส่งตำรวจเลยไหมครับ” หัวหน้ารปภ.เอ่ยถามแล้วหันมองหญิงสาวร่างเล็กที่ยืนข้าง ๆ
“ไม่ต้อง ออกไปกันได้แล้วผมอยากคุยกับเธอส่วนตัว” ภูวดลเสียงเรียบเฉยนั่งเอาผ้าเย็นประคบแก้มแล้วปรายตามองเคืองนลินนารา พนักงานทุกคนพยักหน้ารับพร้อมกันแล้วทยอยเดินออกจากห้อง
“ถ้าไม่เคยช่วยคุณไว้ผมคงน่วมไปแล้ว” ภูวดลมองเหวี่ยงประชดประชัน
“ก็คุณปากไม่ดีพูดจาแย่ ๆ ทั้งที่ฉันไม่ได้ทำอะไรให้คุณ”
“คุณแย่งสามีน้องสาวผมจนต้องเข้าพบจิตเวช ครอบครัวอยู่กันไม่เป็นสุขก็เพราะคุณ” ใบหน้าคมเรียบนิ่งถอนหายใจยาว
“น้องสาวคุณคือปานวาด?” หญิงสาวหน้าเสียเอะใจที่เขาบอกโรงแรมนี้เป็นของบูรพจน์ เขาเป็นรองประธานแสดงว่าเขาเป็นคนในครอบครัวเดียวกันกับปานวาด
“คนสวยอย่างคุณหาผู้ชายรวยๆ ที่เขาไม่มีครอบครัวก็ได้ ทำไมถึงแย่งสามีคนอื่น” เขาและเธอมองสบตากันนิ่งงัน นาราหลบสายตาเสียงอ่อนลง
“ฉันไม่รู้ว่าเขามีครอบครัว”
“ตอนแต่งงานคุณรู้แล้วทำไมไม่เลิก”
“ฉันมีเหตุผลของฉัน” หน้าสวยแดงก่ำน้ำตาคลอพยายามหลบสายตาท่าทางอึกอักของเธอทำให้เขาหงุดหงิด
“มีเหตุผลอะไรนอกจากเงิน อยากมีอยากได้จนไร้สำนึกผิดชอบชั่วดี” น้ำเสียงดุดันขึ้นพร้อมกับสายตาผิดหวัง
“ฉันขอโทษ......ตอนนี้แก้ไขอะไรไม่ได้ ฉันขอโทษ ขอโทษจริงๆ” น้ำใสหยดลงแก้มเนียน เธอมีเหตุผลที่บอกเขาไม่ได้จริง ๆ เพราะมันจะทำให้คนที่เธอรักเดือดร้อน นาราหน้าเศร้าบีบมือตัวเองแน่นอยู่ ๆ ก็มีเสียงโวยวายของผู้หญิงดังมาจากด้านหลังเธอไม่ทันจะหันไปมองก็โดนกระชากผมจนหน้าหงายเล็บยาวขีดข่วนหนังศีรษะจนแสบ
“คนที่แกต้องขอโทษคือลูกฉัน อีอัปรีย์!” ปิ่นมณีเกรี้ยวกราดกระชากผมยาวดึงรั้งไปมาร่างบางเซล้มลงก็ยังไม่หยุดการกระทำตามไปขย้ำกระชากไม่หยุด ภูวดลรีบวิ่งมาแกะมือแม่เลี้ยงออก แต่ปิ่นมณีได้เปรียบไม่ยอมปล่อยทั้งสามจึงดึงรั้งกันทุลักทุเล
“ถ้าไม่หยุด ผมจะไล่ออกจากบ้านให้หมด!” ภูวดลตะโกนสุดเสียงหวังให้แม่เลี้ยงหยุดการกระทำและนั่นก็ได้ผลปิ่นมณีหยุดชะงักมองหน้าลูกเลี้ยงแววตาขึงขัง
“คุณภูเข้าข้างมัน!”
“ผมไม่ได้เข้าข้าง ในเมื่ออยู่ด้วยกันแล้วไม่ฟังก็ต้องต่างคนต่างอยู่!” เขาจ้องตาเขม็งก่อนจะหันหลังกลับเดินไปยังโต๊ะทำงาน ปิ่นมณีรู้ว่าลูกเลี้ยงเอาจริงจึงค่อยๆ คลายมือออกแต่สีหน้ายังเกรี้ยวกราดแทบจะฆ่าเมียน้อยของลูกสาวให้ตาย นลินนาราผมเผ้ายุ่งเหยิงน้ำตาไหลแม้สู้ได้แต่ไม่อยากสู้รู้ว่าสิ่งที่ทำกับปานวาดมันผิดบาป ในเมื่อแม่เขาเยากเอาคืนแทนลูกเธอก็ไม่อยากขัดขืน เธอค่อย ๆ ยืนขึ้นแววตาเศร้ายกมือไหว้ปิ่นมณีที่ยืนเชิดหายใจหอบแรงอย่างโกรธแค้น
“ฉันขอโทษ ถ้าคุณอยากให้ฉันไปขอโทษคุณปานวาดฉันก็ยินดี”
“คำขอโทษ มันชดใช้กับสิ่งที่แกทำไม่ได้ ลูกฉันต้องทรมานเหมือนตายทั้งเป็นเพราะความสำส่อนของแก ต่อให้แกตายก็ชดใช้ไม่ได้ แกบอกลาโคตรเหง้าไว้ได้เลยเพื่อตายกะทันหัน!” ปิ่นมณีจ้องหน้าอาฆาตพร้อมกับคำขู่ที่ฟังแล้วขนลุก ปิ่นมณีขบกรามบดขยี้ก่อนจะสะบัดหน้าเดินออกไปจากห้องทำงานของภูวดลในเมื่อเล่นงานต่อหน้าลูกเลี้ยงไม่ได้เธอจะเก็บความแค้นไว้ชำระภายหลัง
นลินนาราน้ำตาไหลมองตามหลังปิ่นมณี มือบางยกขึ้นปาดน้ำตาเบา ๆ แล้วจัดแจงเสื้อผ้าหน้าผมให้เข้าที่ค่อย ๆ เดินออกไปจากห้องโดยไม่หันไปมองภูวดลที่มองเธอด้วยสายตาเป็นห่วงแต่ฝืนใจไม่เข้าไปดูแล เพราะสิ่งที่เธอทำไว้มันสมควรที่ต้องโดนแบบนี้
เมื่อออกมาจากห้องรองประธาน นลินนารารีบโทรหารุ่นพี่นัดไว้เพื่อยกเลิกการคุยงานขนมหวานต้อนรับท่านทูตพอวางสายเธอก็เดินเหม่อลอยคิดไปต่างๆ นานา ไม่รู้ว่าที่นี่เป็นโรงแรมของใครไม่ได้อยากทำให้ใครโกรธการมาที่นี่เหมือนมาท้าทายพวกเขาถึงถิ่นเธอเข้าใจความรู้สึกของปิ่นมณีอยากบอกเหลือเกินว่าไม่ได้ตั้งใจแต่ใครจะไปฟังคำพูดของคนที่แย่งสามีคนอื่น
ด้านภูวดลครุ่นคิดอย่างหนักกับคำขู่ของแม่เลี้ยงเขากังวลว่านลินนาราจะไม่ปลอดภัย
“เธอทำตัวเองทั้งนั้น” ภูวดลสับสนกับสิ่งที่เขาเป็นอยู่ตอนนี้ เธอทำผิดก็สมควรโดนเอาคืนแต่ทำไมถึงเป็นห่วงเธอเหลือเกิน เขาไม่ใช่คนโลเลแต่ตอนนี้สมองกับหัวใจมันตีกันวุ่นวายไปหมดแล้ว
บ้านเรือนไทยสองชั้น
มีสวนผลไม้อยู่ล้อมรอบ รั้วบ้านกว้างใหญ่ของชาวสวนทั่วไป ใต้ต้นมะม่วงใหญ่เด็กหญิงสองคนยืนถือกระสอบปุ๋ยรอเก็บลูกมะม่วงที่คนบนต้นกำลังเก็บ เด็กชายสองคนกับพี่สาวอีกหนึ่งคนช่วยกันสอยมะม่วงสอยไปเกาตัวไป มดแดงเริ่มเข้าไปในเสื้อผ้ายุกยิกบิดตัวไปมา เด็กหญิงด้านล่างสองคนยืนขำกันสนุกสนาน
“พักก่อนเถอะจ้ะ มดกัดตัวแดงหมดแล้ว”
“ไปดีกว่าแสบตัวไปหมด” เด็กชายตะโกนบอก เด็กชายสองคนกับพี่สาวบนต้นไม้รีบไต่ลงมาจากต้นมะม่วง เมื่อลงมาได้พี่สาวก็รีบถอดผ้าปิดหน้าเสื้อคลุมตัวใหญ่ออกมือบางปัดเนื้อตัวไล่มดแดงสะบัดตัวไปมาจนชนเข้ากับร่างแกร่งที่ยืนอยู่ด้านหลัง เธอหันมองอึ้ง
“คุณ มาทำอะไรที่นี่” นลินนาราเอ่ยถามเมื่อเห็นภูวดลยืนหน้าขรึมอยู่ด้านหลัง
“มาซื้อผลไม้”
“ต้องมาที่สวนเองเลยเหรอ” หน้าสวยบิดเบี้ยวยืนหยุกหยิกมือบางปัดป่ายเสื้อผ้า เขาก้มมองสงสัยเพียงสักพักเขาก็รู้สึกเจ็บแสบร้องออกมาเสียงดัง
“เฮ้ย!” เขาก้มมองต้นขาเห็นมดแดงตัวใหญ่ไต่เต็มขากางเกง พอเงยหน้ามาอีกทีหญิงสาวกับเด็กๆ วิ่งกระโดดลงคลองกันเสียงดังตูม ตูม ดำผุดดำว่ายอยู่ในคลอง เขาหน้าเครียดพยายามจะปัดมดออกจากเสื้อผ้า
“ลงคลองเถอะจ้ะ ปัดออกไม่หมดหรอก” เด็กหญิงตัวเล็กตะโกนบอก เขาลังเลมองที่คลองกับขากางเกงมดเริ่มเข้าไปข้างกัดจนเจ็บแสบไม่รู้จะทำยังเลยตัดสินใจวิ่งกระโดดลงคลองตามไปอีกคน
“ตู้ม!” ร่างหนากระโดดลงคลองโผล่ขึ้นมาได้ยินเสียงหัวเราะดังระงม สักพักเด็กหญิงอีกสองคนก็กระโดดตามลงมา
“ดำน้ำสิคุณ มดจะได้ไม่ขึ้นหัว” นลินนาราบอกยิ้มๆ แล้วดำลงไปในน้ำคลอง ภูวดลหน้าตาเหลอหลาเด็กๆ ทั้งสี่หัวเราะแล้วดำลงน้ำกันหมด เขาอมยิ้มขำตัวเองที่ต้องมาทำอะไรแบบนี้ก่อนจะดำลงน้ำพอโผล่ขึ้นมาทุกคนก็หัวเราะกันเสียงดัง ดำผุดดำว่ายกันสนุกสนานอยู่นาน
“คุณพระ มาซื้อผลไม้ไม่ใช่เหรอพ่อคุณ!” ป้าแช่มยืนมือทาบอกมองภูวดลอยู่ในคลอง เขาหันมายิ้มเจื่อน เด็กๆ กับพี่สาวมองหน้ากันแล้วอมยิ้ม
