ตอนที่ 11 โดนตัดสัมพันธ์
รีสอร์ตริมทะเล
สองวันที่ผ่านมาภูวดลมาช่วยงานนลินนาราทำงานจัดเลี้ยงทุกวันจนงานสำเร็จจะเดินทางกลับในวันรุ่งขึ้น ช่วงเที่ยงหลังจากเช็กเอ้าท์กำลังจะเดินทางกลับบ้านภูวดลอาสาพานลินนารากับชมเชยไปกินอาหารที่ร้านริมทะเลบรรยากาศดีเพื่อฉลองที่ทำงานสำเร็จไปได้ด้วยดี ชายหญิงทั้งสามนั่งรับประทานอาหารกันอย่างสนิทสนมพูดคุยกันมากขึ้น
“ขอตัวไปเข้าห้องน้ำนะคะ” นลินนาราพูดขึ้นระหว่างนั่งรับประทานอาหารแล้วลุกเดินไปเข้าห้องน้ำ ด้านภูวดลสบโอกาสที่จะถามเรื่องที่คาใจกับเชยชม
“นาราเคยบอกว่ามีพี่สาวเหรอครับ?”
“ใช่ค่ะ” เชยชมตอบสั้น ๆ พลางตักอาหารเข้าปาก
“ผมไม่เคยเจอเลย พี่เขาไม่ค่อยได้มาบ้านใช่ไหม”
“ไม่มาดีแล้วค่ะมาทีไรบ้านร้อนเป็นไฟทุกที คนนั้นเขาเป็นไฟส่วนนาราเป็นน้ำ ยอมพี่ทุกอย่างแต่ก็ยังไม่วายทะเลาะกัน” เชยชมเผลอทำหน้าตาเอือมระอาต่อหน้าภูวดลที่เป็นคนนอกของครอบครัว
“สองคนนี้หน้าตาเหมือนกันไหมครับ” เขาตะล่อมถามต่อด้วยความสงสัย
“มีส่วนคล้ายกันค่ะก็พี่น้องเนอะ แต่ตอนเด็กทิพย์ผิวคล้ำส่วนนาราผิวขาวซีดเพราะเป็นโรคเลือด แต่ว่าตอนนี้...” เชยชมพูดถึงลักษณะของหญิงสาวทั้งสอง ภูวดลตั้งใจฟังว่าตอนนี้เป็นยังไงแต่นลินนาราเดินกลับมาก่อน
“คุยอะไรกันอยู่หน้าเครียดเลย?”
“คุยกันหลายเรื่องจ้ะ” เชยชมหันไปยิ้มแหย ๆ ถ้านารารู้ว่าเธอพูดมากต้องโดนบ่นแน่ ภูวดลมองหน้าเชยชมแล้วดูรู้ว่าอึกอักไม่กล้าพูดเลยเปลี่ยนเรื่องคุยเป็นอย่างอื่นเพื่อไม่ให้เสียบรรยากาศ
ช่วงเย็น
ภูวดลขับรถตามมาส่งสองสาวที่บ้านเรือนไทย เขาขอเข้าไปสวัสดียายปองแล้วขอตัวกลับเลยเพราะยายไม่ค่อยอยากให้มา นลินนาราอาสาเดินออกมาส่งเขาที่หน้าประตูเรือน
“พรุ่งนี้ไม่เจอกันนะ ผมมีประชุม”
“ค่ะ” เธอตอบรับแล้วส่งยิ้มหวาน
“แค่นี้เองเหรอ?”
“โชคดีนะคะ กลับได้แล้วฉันง่วง”
“โห่............ไม่โรแมนติคเลยคุณ” เขาทำหน้างอหวังจะให้เธอหอมแก้มก่อนกลับแต่ก็รู้ว่าอยู่ที่นี่เธอทำอย่างนั้นไม่ได้ นลินนาราอมยิ้มขำคนตัวโตงอแงทั้งคู่ยืนพูดคุยหยอกล้อกันพักใหญ่ก่อนที่เขาจะเดินลงบันไดไปยังรถที่จอดอยู่ข้างล่าง ยายปองนั่งชะเง้อมองทั้งคู่อย่างหนักใจ สักพักนลินนาราก็เดินมานั่งพับเพียบดูโทรทัศน์ข้าง ๆ ยาย
“เขาตามไปหาเหรอ”
“ใช่จ้ะยาย” เธอยิ้มเจื่อนรู้ว่าตัวว่าต้องโดนบ่น
“ทำใจห่างเขาไม่ได้ใช่ไหม” ยายเสียงอ่อนเป็นห่วงหลานสาวที่ท่านรัก
“หนูชอบเขาจ้ะยาย”
“เขาแค่ถูกใจเราหรือว่าชอบเราเหมือนกัน”
“หนูไม่รู้ว่าเขาคิดยังไง............” เสียงหวานอ่อนลงก้มหน้าหลบสายตาไม่รู้ว่าที่เขาทำดีด้วยกับความสัมพันธ์คืนนั้นเป็นเพราะพลั้งเผลอหรือแค่ถูกใจเมื่อได้จนพอใจแล้วอีกไม่นานก็ห่างหายหรือเปล่า
“ระวังอย่าเผลอใจให้เขามาก ยายไม่อยากเห็นหลานเสียใจ” ยายปองถอนหายใจดูท่าทางหลานสาวจะชอบภูวดลและอาจถลำลึกมากเกินไปจนไม่ระวังความเจ็บปวดที่จะตามมา
“จ้ะยาย” นลินนาราสีหน้าหนักใจ เธอเผลอใจรักเขายอมเป็นของเขาทั้งที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาคิดยังไงกับเธอ ความสัมพันธ์ครั้งนี้ทำให้เธอสับสนอยากสานต่อความรักกับเขารับความสุขให้เต็มเปี่ยมแต่แล้วก็ถูกฉุดกระชากตกลงมาด้วยความกลัวว่าเขาจะมีอันตราย …………….
เช้าวันรุ่งขึ้น ณ คฤหาสน์หรู
ภูวดล ตื่นแต่เช้าเพื่อมาตามงานกับนักสืบส่วนตัวใบหน้าคมเคร่งขรึมคุยกันนานเกือบชั่วโมงก่อนจะวางสาย เขาอยากรู้เรื่องการตายของวิษณุที่สุขภาพร่างกายแข็งกายแข็งแรงแต่กลับหัวใจวายตายหลังจากแต่งงานกับนลินนาราและแคลงใจเรื่องหญิงสาวปริศนาที่หน้าตาคล้ายนลินนาราจนเขาแยกไม่ออก เขาพยายามปะติดปะต่อเรื่องราวและสงสัยว่าครอบครัวนั้นมีความลับบางอย่างซ่อนอยู่เลยจ้างนักสืบให้ช่วยหาข้อมูลอีกแรง ระหว่างที่ภูวดลกำลังครุ่นคิดเสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น ภูวดลหันไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูชื่อบนหน้าจอโทรศัพท์แล้วเผลอยิ้มแววตาเป็นประกาย
“โทรมาหาแต่เช้า คิดถึงผมมาล่ะสิ” เขาหยอกล้อกับปลายสายที่คิดถึง
“ฉันคิดว่าเราสองคนไม่ควรมาเจอกันอีก” นลินนาราน้ำเสียงแน่วแน่หลังจากนอนคิดทบทวนทั้งคืน ภูวดลอึ้งไปชั่วขณะก่อนจะทักท้วง
“เกิดอะไรขึ้น หรือว่ายายห้าม!”
“ยายยังไม่รู้เรื่องของเรา”
“แล้วทำไมไม่อยากเจอกัน!”
“ฉัน... ฉัน..”
“พูดออกมาสินารา บอกผมว่ามันเกิดอะไรขึ้น!” เสียงทุ้มแข็งพยายามเค้นคำตอบแต่เธอก็เงียบแล้วตัดสายเขาทิ้งไปเฉย ๆ ภูวดลใจหายวาบอยู่ ๆ ก็โดนตัดสัมพันธ์ง่ายดายเลยรีบลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อออกไปหาเธอด้วยความร้อนใจ
“ยกเลิกประชุมทั้งหมด วันนี้ผมมีธุระ” เขาโทรไปสั่งเลขาก่อนจะเดินหรี่ไปที่รถหรูแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว
บ้านเรือนไทย
ภูวดลวิ่งขึ้นไปบนบ้านกระหืดกระหอบอยากคุยกับนาราและยายปองให้รู้เรื่อง เมื่อขึ้นมาถึงบนเรือนทุกอย่างกลับเงียบเชียบไม่มีใครอยู่เขาหันมองรอบบ้านเดินเข้าไปในห้องครัวก็ไม่มีใคร สักพักขนุนเด็กหญิงวัยห้าขวบก็วิ่งขึ้นเรือนมากำลังจะวิ่งผ่านเขาไปที่ห้องน้ำ
“ขนุนคนในบ้านไปไหนกันหมด” ภูวดลรีบคว้าแขนขนุนมาถาม
“ยายไปวัดจ้ะ”
“นาราด้วยเหรอ?”
“พี่นาราเก็บของอยู่ห้องใต้ถุนเรือน จะถามอะไรอีกไหมหนูปวดอึ” ขนุนยืนบิดไปมาหน้าบูดเบี้ยว
“ขอโทษที” เขารีบปล่อยมือให้ขนุนวิ่งไปเข้าห้องน้ำ แล้วเดินเร็วไปที่ใต้ถุนบ้านทันที
นลินนารากำลังจัดข้าวของอยู่ในห้องใต้ถุนเรือนหาอะไรทำเพื่อลืมเรื่องฟุ้งซ่านที่ทำให้ทุกข์ใจ ระหว่างที่กำลังยกเครื่องมือขึ้นวางบนชั้นวางของอยู่ ๆ เธอก็โดนดึงจนเซไปซบอกแกร่งหน้าสวยตกใจผละออกห่างแต่ภูวดลก็กอดรัดไม่ยอมปล่อย
“ปล่อยเดี๋ยวใครมาเห็น” เสียงหวานลากยาวหงุดหงิดแล้วเงยมองเคือง
“ทำไมเราต้องห่างกัน!”
“ฉันไม่อยากยุ่งกับคุณอีก”
“แต่คุณเป็นของผมแล้ว” เขาก้มมองหญิงสาวในอ้อมกอดไม่อยากให้เธอห่างจากเขา
“เราต่างมีความสุขกันแล้วก็แยกย้าย” เสียงหวานสั่นเครือพยายามฝืนกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล
“พูดง่ายดีนี่ หรือว่าเป็นแผนเล่นตัวหลอกเพื่อผู้ชายหน้าโง่ ไม่น่าผู้ชายคนอื่นถึงยอมทิ้งลูกเมียมาหาคุณ หลอกให้หลงแล้วก็ตีจากแบบนี้เอง!” เขาพูดประชดด้วยความโมโหเจ็บปวดที่ถูกผลักไส
“ถ้าไม่อยากตกเป็นเหยื่อก็ไปซะสิ!” เธอตวาดกลับแววตาแข็งกร้าวอยากไล่เขาไปให้พ้น
“มันไม่ทันแล้ว ผมยอมเป็นไอ้หน้าโง่ที่ให้คุณหลอก ผมอยากเป็นเหยื่อของคุณ” สิ้นเสียงทุ้มใบหน้าคมก็ซุกไซ้คอเรียวอย่างรุนแรงเต็มไปด้วยความโหยหา
“อย่าคุณ อย่าทำแบบนี้” ร่างบางพยายามดิ้นหนีทุบตีอกแกร่งดันให้เขาออกห่าง มือหนาจับรวบข้อมือเธอกดตรึงไว้กับผนังห้อง แล้วผละมองหน้าสวยอย่างสับสน เป้าหมายของเขาคือสืบเรื่องการตายของวิษณุและความร้ายกาจของผู้หญิงที่ทำให้ปานวาดเสียใจจนพบจิตเวชแต่เขากลับเลยเถิดมีความสัมพันธ์กับหม้ายสาวทั้งที่ไม่อยู่ในแผนแล้วยังหลงเสน่ห์เธออย่างไม่ควรจะเป็น นลินนารามองสายตาของเขาที่มองมาเต็มไปด้วยความลังเลไม่ได้สื่อว่าเขารักเธอสักนิด ทั้งสองมองกันนิ่งนานต่างคนต่างมีความลับในใจที่ไม่อาจพูดออกมาได้
