ตอนที่ 6 ชีวิตที่ถูกบีบคั้น
หลังเรียนจบ ศศิราได้ส่งใบสมัครไปยังบริษัทมากมาย ทั้งเล็กและใหญ่ หวังเพียงได้งานมั่นคง แต่โลกความจริงมันไม่ง่ายขนาดนั้นโทรศัพท์เงียบสนิท ไม่มีบริษัทไหนเรียกสัมภาษณ์เธอเลย
ระหว่างรอเรียกสัมภาษณ์งาน สามเดือนมานี้เธอจำต้องกัดฟันทำงานพิเศษเพื่อแบ่งเบาภาระของพ่อแม่ เธอพยายามหาเงินเลี้ยงดูตัวเอง แต่โชคชะตายังไม่เข้าข้างเธอ เมื่อสองวันก่อนพ่อของเธอได้ประสบอุบัติเหตุ และต้องผ่าตัดด่วน เธอจึงจำเป็นต้องเร่งหาค่ารักษาพยาบาลถึงสองล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่หนักอึ้งราวกับหินก้อนใหญ่ทับลงบนอกของเธอ
เธอเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง… สองล้านมันมากเกินไปแต่เธอก็ต้องดิ้นรนเพราะไม่ว่าวิธีใดเธอก็ต้องพยายามหาเงินมาให้ได้
ร้านเหล้า... บาร์... อะไรก็ตามที่ได้เงิน เธอทำหมด ไม่ว่ามันจะสกปรกแค่ไหนในสายตาคนอื่นเธอก็ไม่แคร์ ขอแค่พ่อของเธอได้ผ่าตัดก็พอแล้ว
บาร์ของดนัย... จุดเริ่มต้นของโชคชะตา
เสียงเพลงดังสนั่น แสงไฟสีแดงสลัวทำให้บรรยากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์และกลิ่นบุหรี่
“วันนี้ฉันจะเลี้ยงฉลองการกลับมาของเราสองคน! เมาไม่เมาช่างมัน แต่ต้องเต็มที่! ใช่ไหมวะ พศวัต?”
ดนัยตะโกนเสียงดัง ปลดกระดุมเสื้ออย่างคนเมาได้ที่
พศวัต ...ชายหนุ่มที่เธอไม่อยากเจอที่สุดในชีวิต เขาเดินผ่านโต๊ะแคชเชียร์ และหยุดชะงักทันทีเมื่อเห็นศศิรานั่งอยู่ตรงนั้น
ดวงตาคมกริบเต็มไปด้วยความเยาะหยันจ้องมองเธอราวกับเป็นสิ่งมีชีวิตต่ำต้อย
“เรียนจบออกแบบมาแท้ ๆ สุดท้ายต้องมาทำงานกลางคืนแบบนี้? แฟนเธอมันปล่อยให้เธอมานั่งเสิร์ฟเหล้าให้คนเมาแบบนี้เหรอ?”
เสียงของเขาเย็นชาและแหลมคม ราวกับใบมีดกรีดลงกลางใจของเธอ
“ช่างน่ารังเกียจสิ้นดี” เขาสบถ
ศศิรากำหมัดแน่น สูดลมหายใจพยายามควบคุมตัวเอง
“ขอโทษนะคะ แต่นี่มันงานสุจริตค่ะ ฉันใช้แรงแลกเงิน ไม่ได้ไปขโมยใครมา แล้วมันหนักตรงไหนของคุณไม่ทราบ?”
พศวัตกระตุกยิ้มมุมปาก รอยยิ้มนั้นเต็มไปด้วยความเหยียดหยัน
“ปากดี... หึ”
เขาเดินเข้าห้องวีไอพีไปโดยไม่พูดอะไรอีก
ไม่นาน ผู้จัดการก็เดินมาบอกให้ศศิราเข้าไปช่วยดูแลแขกห้องวีไอพี
หัวใจเธอตกไปอยู่ที่ตาตุ่มทันที
เธอรู้ดีว่าคนอย่างพศวัตต้องหาเรื่องเธอแน่ แต่เธอไม่มีทางเลือก งานนี้คือรายได้ของเธอ… ที่จะต้องมีเงินสำหรับใช้รักษาพ่อ…
ศศิราสูดลมหายใจลึก แล้วเดินเข้าไปในห้องนั้นทันทีเมื่อเข้าไปในห้อง กลิ่นเหล้าแรงฉุนผสมกับกลิ่นซิการ์ทำให้เธอรู้สึกเวียนหัว
พศวัตนั่งเอนกายบนโซฟา แก้วเหล้าในมือแกว่งไปมาเล็กน้อย ดวงตาแข็งกร้าวของเขามองเธอเหมือนนักล่าที่กำลังจ้องเหยื่อ
“มาแล้วเหรอ... แม่คนเก่ง”
เสียงของเขาเต็มไปด้วยการเย้ยหยัน ดนัยแสร้งลุกขึ้น “ฉันมีธุระสักครู่ นายดื่มไปก่อน”
ศศิรารู้ตัวทันทีว่าเธอกำลังจะถูกทิ้งให้อยู่กับพศวัตสองต่อสอง ตอนนี้เธอกลัวมากที่ต้องเผชิญหน้ากับเขา
เธอรีบวางแก้วเหล้าที่ชงลงบนโต๊ะ และกำลังจะลุกออกไป แต่กลับถูกมือใหญ่คว้าเอวรั้งเอาไว้ เธอเสียหลักเซไปนั่งบนตักเขา
“จะทำบ้าอะไร! ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ!”
พศวัตกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นจนเธอหายใจแทบไม่ออก
“ทำไม? เธอทำงานบริการไม่ใช่เหรอ? ไม่ต้องห่วง… ฉันจ่ายให้เธอเอง”
เสียงกระซิบของเขาเย็นเยียบ ศศิราโมโหจนตัวสั่น เธอเงยหน้าสบตาเขาด้วยความเกลียดชัง
“ฉันมาทำงาน ไม่ได้มาขายตัว! คุณควรให้เกียรติฉันบ้าง!”
พศวัตหัวเราะเบา ๆ ดวงตาของเขาเปล่งประกายอำมหิต
“ให้เกียรติ? คนอย่างเธอมีสิทธิ์พูดเรื่องเกียรติด้วยเหรอ?”
ศศิรานิ่งไป หัวใจเธอกระตุกวูบเมื่อได้ยินคำพูดนั้น
“เธอเป็นชู้กับแฟนน้องสาวฉัน จนทำให้เธอเสียใจวิ่งออกไปถูกรถชน… แล้วจะมาร้องขอเกียรติอะไรอีก?”
“ใครบอกคุณว่าฉันคบกับพี่กวี!? แล้วใครบอกว่าฉันเป็นต้นเหตุให้น้องสาวคุณถูกรถชน!?”
“ก็หลักฐานมันชัดเจน! ไม่งั้นน้องฉันจะเสียใจขนาดนั้นเหรอ?”
“คุณมันคนโง่ เชื่อคนง่าย อคติบังตา ไม่เคยคิดจะหาความจริง! ฉันไม่อยากคุยกับคุณแล้ว! ปล่อย!”
เธอดิ้นสุดแรง แต่มือใหญ่กลับรัดแน่นขึ้น
ทันใดนั้น…
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นก้องห้องเงียบงัน
“กรี๊ง! กรี๊ง!”
ศศิราที่กำลังนั่งตัวแข็ง น้ำตาคลอเบ้า รีบคว้าโทรศัพท์ขึ้นมากดรับแทบจะทันที
“แม่ค่ะ?”
ปลายสายมีเพียงเสียงสะอื้น ก่อนที่เสียงของมารดาจะดังขึ้นอย่างเร่งร้อนและสั่นเครือ
“ลูก… พ่อจะไม่ไหวแล้ว หมอบอกว่าต้องผ่าตัดด่วน ถ้าไม่รีบคืนนี้พ่ออาจไม่รอด”
โลกของเธอเหมือนหยุดหมุนไปชั่วขณะ อากาศรอบตัวกลายเป็นสุญญากาศ เธอกัดริมฝีปากแน่นจนรู้สึกถึงรสชาติของเลือดที่ซึมออกมา มือที่ถือโทรศัพท์เริ่มสั่นสะท้าน น้ำตาไหลอาบแก้มโดยไม่รู้ตัว
“แม่... ผ่าตัดเลย หนูจะหาเงินให้ได้ หนูสัญญา”
เสียงของเธอสั่นเครือ แต่เต็มไปด้วยความแน่วแน่
“สองล้านเลยนะลูก หนูจะหาจากไหน”
คำถามนั้นทิ่มแทงเธอราวกับมีดกรีดลึกลงกลางอก แต่ศศิรากลับไม่ลังเลแม้แต่วินาทีเดียว
“เรื่องเงินแม่ไม่ต้องห่วงค่ะ หนูหาได้”
เธอเอ่ยออกไปอย่างมั่นคง แต่ภายในใจกลับเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและหวาดกลัว
พศวัตที่นั่งอยู่เงียบ ๆ ตลอดเวลามองเธออย่างจับจ้อง ดวงตาของเขาทอแสงประหลาด แววตาของนักล่าที่พบเหยื่อที่จนตรอก ทุกคำพูดที่เธอเอ่ยออกมา เขาได้ยินหมดแล้ว
เขาคลายอ้อมแขนออกอย่างเชื่องช้า ก่อนเอียงศีรษะเล็กน้อย จ้องเธอด้วยสายตาอ่านยาก
“ฉันรู้ว่าเธอต้องใช้เงิน”
ศศิราหันขวับไปมองเขา ดวงตาเต็มไปด้วยความระแวงและไม่ไว้วางใจ
พศวัตกระตุกยิ้มบาง ๆ แล้วพูดช้า ๆ ชัด ๆ
“ฉันจะให้เงินเธอเอง… แต่เธอต้องแต่งงานกับฉัน”
เสียงนั้นไม่ได้ดังนัก แต่กลับหนักแน่นกดทับลงมาเหมือนพันธนาการที่หลีกหนีไม่ได้
หัวใจของศศิราหล่นวูบลงในเหวลึก ความเงียบงันรอบตัวดังอื้ออึงราวกับพายุถาโถม โลกทั้งใบของเธอ… พังทลายลงในวินาทีนั้น
“...อะไรนะ?”
“แต่งงานกับฉัน แล้วฉันจะโอนเงินให้ทันที หรือ… เธอจะปล่อยให้พ่อเธอตายไป ก็แล้วแต่เธอนะ”
คำพูดของเขาเย็นชา ไร้ซึ่งความปรานี
ศศิราเงยหน้ามองเขาด้วยแววตาสั่นระริก
นี่มัน… ไม่ใช่ข้อตกลง แต่มันคือการซื้อขายชีวิต แต่ตอนนี้เธอไม่มีทางเลือกใดแล้ว เธอจำเป็นต้องใช้เงินด่วน ต่อจากนี้ชีวิตของเธอจะเป็นอย่างไรก็ไม่สำคัญเท่ากับการช่วยชีวิตพ่อของเธอ
“ตกลง”
เสียงของเธอสั่น แต่หนักแน่น เธอขายชีวิตตัวเองไปแล้วแลกกับชีวิตของพ่อ
“ตกลง ฉันจะแต่งงานกับ แต่ที่คุณทำแบบนี้เพื่ออะไร”
“ผมเคยบอกคุณแล้วใครที่ทำให้น้องผมเป็นแบบนี้มัต้องชดใช้”
เวลานี้ศศิราไม่มีเวลามาถาหาเหตุผล ขอแค่ได้เงินก็พอจะเหตุผลอะไรก็ช่าง
“ไป...ไปกับผม” พศวัตลากแขนเธอไปขึ้นรถเขาทันที
รถสปอร์ตคันหรูพุ่งทะยานผ่านแสงไฟนีออนของเมืองใหญ่ มุ่งหน้าสู่คอนโดสูงระฟ้า ราวกับสัตว์นักล่าที่หมายมั่นเป้าหมายไว้แล้ว
ภายในรถเงียบสงัด...เงียบเสียจนเสียงเครื่องปรับอากาศยังชัดเจนราวระเบิดเวลา เงียบเสียจนได้ยินแม้แต่เสียงลมหายใจของศศิรา ลมหายใจที่หนักและสั่นเครือด้วยความหวาดหวั่น
ไม่นานนัก รถก็เลี้ยวเข้าจอดสนิทที่ลานจอดของคอนโดหรู ก่อนที่เธอจะทันได้ตั้งสติ เขาก็เปิดประตูออก ก้าวอ้อมมาฝั่งเธอแล้วกระชากบานประตูออกอย่างแรง
ค่ำคืนนี้ช่างโหดร้ายเกินกว่าจะมีใครหลุดพ้นสำหรับผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่จำต้องแลกทุกอย่างเพื่อเงิน ส่วนอีกคนเขาพร้อมจะบดขยี้ทุกอย่างด้วยเพลิงแค้น! แต่ใครกันที่จะเจ็บปวดที่สุดเมื่อทุกอย่างจบลง?
“คุณพาฉันมาที่นี่ทำไม?” น้ำเสียงของเธอสั่นพร่า
“ทำไม...กลัวฉันเหรอ?” คำถามของเขาเย็นชา แววตานิ่งลึกเหมือนน้ำแข็ง
“ฉัน...”
ไม่ทันให้เธอพูดจบ เขาก็กระชากแขนเธอลงจากรถ ราวกับเธอเป็นเพียงวัตถุที่เขาสามารถควบคุมได้!
ลิฟต์เปิดออกพร้อมเสียงกริ๊งเบา ๆ แต่ในวินาทีที่ก้าวเข้าไป เขาก็ผลักเธอเข้าหาผนัง ล็อกตัวเธอไว้ระหว่างวงแขนที่แข็งแกร่ง ใบหน้าของเขาโน้มต่ำลงจนลมหายใจร้อนผ่าวสัมผัสลำคอเธอ
ศศิราหายใจถี่ด้วยความกลัว สัมผัสของเขาทำให้เธอขนลุกเกรียว ไม่รู้เพราะความหวาดหวั่นหรือเพราะแรงกดดันมหาศาลที่เขาส่งผ่านมา
“นี่คุณ...ไม่คิดจะทำอะไรบ้า ๆ ในนี้หรอกนะ?”
เธอกลั้นหายใจถามเสียงเบาหวิว
เขาหัวเราะออกมา เสียงหัวเราะที่ทั้งต่ำลึกและแฝงไว้ด้วยอะไรบางอย่างที่อันตราย!
ก่อนที่ประตูลิฟต์จะเปิดออก เขากระซิบชิดใบหูเธอด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น
“ถึงเวลาที่เธอต้องทำหน้าที่เมียแล้ว”
คำพูดของเขาราวกับสายฟ้าฟาดลงกลางใจเธอ ใจเธอตกวูบไปที่ตาตุ่ม แต่เธอจะหนีไปไหนได้? ถอยก็ไม่ได้แล้ว!
เขากระชากแขนเธอไปยังหน้าห้องพัก ทว่าร่างของเธอยังคงแข็งขืน ขาทั้งสองแทบฝังรากกับพื้น ไม่อาจก้าวต่อไป
“คุณ...ใจเย็นก่อนได้ไหม? วันนี้ฉันยังไม่พร้อม...”
เสียงเธอสั่นไหว แววตาฉายความหวาดหวั่น
แต่มือของเขากลับบีบรัดแขนเธอแน่นขึ้นโดยไม่สนว่าเธอจะเจ็บหรือไม่ ดวงตาของเขาวาวโรจน์ดุจนักล่าที่จับเหยื่อไว้ได้แล้ว
“ก็เธอเป็นคนพูดเองไม่ใช่เหรอ ว่าจะตกลงแต่งงานกับฉันเพื่อแลกกับเงินสองล้าน?”
“ฉันจะแต่งงาน แต่ฉันไม่ได้ตกลงว่า...”
“ว่าอะไร?” เสียงของเขาข่มขวัญเธออย่างน่าเกรงขาม “ในเมื่อแต่งงานกันแล้ว ยังไงไม่ช้าก็เร็ว...ก็ต้องเป็นผัวเมียกันอยู่ดี”
เธอไม่มีคำพูดใด ๆ อีกต่อไป...มีเพียงน้ำตาที่ไหลรินอาบแก้ม พร้อมคำภาวนาในใจ ขอให้คำพูดของเขาเป็นเพียงความโกรธชั่ววูบ มิใช่คำสั่งที่เขาต้องการให้เกิดขึ้นจริง!