ตอนที่ 5 จุดเริ่มต้นของความแค้น
บ้านพศวัต...
“แม่ค่ะ วันนี้ไม่ต้องรอหนูนะคะ ทานข้าวได้เลยค่ะ หนูจะไปหาพี่กวีที่โรงพยาบาล”
เสียงของชัญญาดังลอดมาทางโทรศัพท์
“ไปทุกวันเลยนะ ยัยชัญญา”
แม่พูดด้วยน้ำเสียงกึ่งบ่นกึ่งเป็นห่วง
“กวี...นี่แฟนน้องใช่ไหมครับ คนที่คบกันมา 3 ปี”
“ใช่ พามาบ้านแค่สองครั้งเอง เขาเป็นหมอ ไม่ค่อยมีเวลา”
“เขานิสัยดีไหมครับ”
“ก็ดูสุภาพนะ วัตเคยเจอเขาเหรอ?”
“เรียนจบพร้อมกัน แต่ไม่คิดเลยว่าน้องจะยังคบกับเขาอยู่ เหมือนตอนนั้นผมไม่แน่ใจว่าเขามีแฟนชื่อศศิราหรือเปล่า”
“วัตน่าจะเข้าใจผิดนะลูก ศศิรานั้นเขาเป็น” ไม่ทันที่แม่จะพูดจบ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น พศวัตรับสายทันทีเขารับสายเสร็จก็หันมาพูดคุยกับแม่
“เดี๋ยวผมไปบริษัทกับพ่อก่อน เย็นๆ จะกลับมาทานข้าวด้วยนะครับ”
“จ้าลูก” แม่ตอบพร้อมรอยยิ้ม
โรงพยาบาล…
ชัญญาเดินถือถุงอาหารเช้าและขนมที่ตั้งใจซื้อมาให้กวีเหมือนทุกวัน แต่ทันทีที่เธอเปิดประตูเข้าไป ภาพตรงหน้าทำให้เธอแทบหยุดหายใจ
รสริน...นั่งอยู่บนตักของกวี!
เธอเห็นกับตาว่ารสรินจงใจยั่วยวนเขา มือของเธอลูบไล้ที่เสื้อกาวน์สีขาวของกวีอย่างสนิทสนม ในขณะที่กวีก็ดูตกใจ รีบผลักเธอออกทันทีที่เห็นชัญญายืนอยู่ตรงประตู
“พวกคุณทำอะไรกัน นี่มันที่ทำงานนะ!”
เสียงของชัญญาสั่นเครือด้วยความโกรธเธอน้ำตาคลอ
“ชัญญา!
มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิด เขาเป็นฝ่ายเข้ามาหาพี่เอง พี่ไม่ได้เล่นด้วย!”
“ไม่ต้องอธิบาย! ฉันเห็นหมดแล้ว”
ดวงตาของเธอร้อนผ่าว น้ำตาคลอเต็มหน่วย
“สามปีที่เราคบกัน... มันไม่มากพอให้พี่ซื่อสัตย์กับฉันเลยเหรอ?”
กวีพยายามจะจับมือเธอ แต่ชัญญาถอยหนี
“เชื่อพี่เถอะ! พี่ไม่เคยคิดนอกใจ ในใจพี่มีแค่เธอ!”
เสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้น สรรินยิ้มเยาะ
“แต่เมื่อกี้พี่กวีไม่ได้พูดแบบนี้นี่คะ” รสรินพยายามใส่ไฟ
ชัญญาหันขวับไปมอง รสรินมองเธอด้วยแววตาโกรธ ก่อนจะปรายตามองกวีราวกับว่าเขาเป็นของเธอไปแล้ว
กวีหน้าตึงใส่รสรินทันที
“หุบปากไปเลย รสริน! ผมไม่รู้ว่าคุณต้องการอะไร แต่เลิกยุ่งกับผมได้แล้ว คุณอย่ามาทำให้แฟนผมเข้าใจผิด คุณก็รู้เมื่อกี้คุณจงใจมานั่งตักผมซึ่งผมไม่ทันตั้งตัว”
กวีพยายามหาคำอธิบายให้กับชัญญา แต่เวลานี้ชัญญาโกรธมาจนเธอไม่สามารถจะฟังคำใดๆ ได้อีก
“น้องชัญญาจะเชื่อหรือไม่ก็ตามนะคะ แต่ที่น้องเห็นเมื่อกี้คือเรื่องจริง” รสรินยิ้มเยาะเพราะรู้ว่าแผนแย่งชิงของเธอใกล้สำเร็จ
ชัญญายืนพยักน้าอย่างเข้าใจ เธอหายใจหอบถี่ด้วยความโกรธหนัก
“ต่อให้ผมไม่มีใคร ผมก็ไม่คิดรักผู้หญิงที่น่ารังเกียจอย่างคุณ รสริน ออกไปจากห้องทำงานผมเดี๋ยวนี้ ไปให้พ้น”
แม้กวีจะไล่รสรินออกจากห้อง แต่ภาพที่เห็นเธอนั่งตักกวี และพยายามจะจูบเขา ทำให้ชัญญาไม่สามารถยืนอยู่ตรงนี้ได้ เธอตัดสินใจวิ่งออกจากห้องทำงานกวีทันที
ชัญญาเดินเร็วๆ บนถนน อย่างคนไร้สติ หัวใจเธอปวดร้าวเกินกว่าจะรับไหว ดวงตาพร่าเบลอด้วยน้ำตาที่ไหลไม่หยุด วันนี้อากาศร้อน ทุกคนที่เดินบนท้องถนนรีบเร่ง
“ทันใดนั้น”
เสียง โครม!!! ดังสนั่นหวั่นไหว
เสียงยางเสียดสีกับพื้นถนน เอี๊ยดดดด!!! ตามมาด้วยเสียงกระจกแตก เพล้ง!
“โอ๊ย!!”
เสียงร้องของชัญญาดังขึ้นแทรกกับเสียงผู้คนที่ตื่นตกใจ
“ช่วยด้วย! เรียกรถพยาบาลเร็ว!”
เสียงไซเรนหวอหวอดังขึ้นจากที่ไกลๆ ก่อนจะค่อยๆ ดังใกล้เข้ามา...ร่างของชัญญาลอยกระเด็นไปกระแทกริมถนน
เลือดสีแดงสดกระจายเต็มพื้น
เสียงคนกรีดร้องดังระงม
“ชัญญา!!”
กวีที่วิ่งตามออกมาเห็นภาพนั้นต่อหน้าต่อตา หัวใจของเขาแทบหยุดเต้น
เขาทรุดลงข้างตัวเธอ มือสั่นระริกแตะไปที่ใบหน้าของเธอที่ซีดเผือด
“ชัญญา! ได้ยินพี่ไหม ฟื้นสิ...เธอต้องไม่เป็นอะไร!”
รถพยาบาลแล่นมาจอดพร้อมเสียงหวอดังลั่น ทีมกู้ภัยรีบเข้ามาประเมินอาการก่อนจะเร่งนำตัวชัญญาส่งโรงพยาบาล
หน้าห้องฉุกเฉิน…
รสริน, ศศิรา ,ปัทมา และกวียืนรออยู่หน้าห้องฉุกเฉิน บรรยากาศหนักอึ้ง กวีแทบไม่สามารถหายใจได้เป็นปกติ
ทันทีที่เขาตั้งสติได้ เขารีบกดโทรศัพท์โทรหาครอบครัวของชัญญา ไม่กี่นาทีต่อมา คุณแม่และพศวัตก็มาถึงโรงพยาบาล
เมื่อพศวัตก้าวเข้ามายังโถงหน้าห้องฉุกเฉิน เขาก็ต้องชะงัก เมื่อเห็น ศศิรา หญิงสาวที่เขาไม่ได้พบเจอมากว่าสามปี
“มันเกิดอะไรขึ้นกับชัญญา?” เขาถามเสียงเครียด
รสรินรีบเดินเข้าไปหาเขา พร้อมทำเสียงเศร้าอย่างจงใจ
“ชัญญารถชนค่ะ เธอวิ่งออกไปกลางถนนเอง”
“ทำไมถึงต้องวิ่งออกไป? ใครอธิบายได้บ้าง!?”
พศวัตถามอย่างหัวเสีย
กวีหลับตาแน่นก่อนจะตอบเสียงหนัก
“เขาเข้าใจผิด คิดว่าผมนอกใจ แต่ผมไม่ได้ทำ!”
พศวัตตาวาวด้วยความโกรธ เขาเดินตรงเข้ามากระชากคอเสื้อของกวีทันที
“ทะเลาะกันทำไม!? ทำไมนายถึงปล่อยให้น้องฉันเป็นแบบนี้ นายรักน้องฉันจริงๆ หรือเปล่า!?”
ศศิราตกใจ รีบเข้ามาดึงตัวพศวัตออกจากกวี
“นี่คุณ! ใจเย็นก่อน!”
พศวัตหันมามองเธอ ดวงตาฉายแววผิดหวังและเย็นชา
“ยังปกป้องกันดีเหมือนเดิมสินะ”
แม่ของพศวัตรีบเข้ามาห้าม
“พศวัต ใจเย็นก่อน ดูอาการน้องก่อนลูก”
รสรินเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าแล้วยิ้มมุมปาก ก่อนจะเดินเข้าไปหาเขาแล้วคุณกัเขเพียงลำพัง
“กวีน่ะ เป็นผู้ชายที่แย่มากเลยนะคะ พศวัต”
เธอพูดเสียงนุ่มพร้อมส่ายหน้า
“ทั้งที่มีแฟนอยู่แล้ว แต่ยังไปยุ่งกับศศิรา ทำให้ชัญญาไม่สบายใจจนเกิดเรื่องแบบนี้”
พศวัตกำหมัดแน่น ความโกรธพุ่งขึ้นสูงสุด เขาโกรธที่กวีทำให้ชัญญาเสียใจ เขาโกรธที่ศศิรายังคงปกป้องกวี
และที่สำคัญ...เขาโกรธตัวเองที่ยังรู้สึกกับศศิราเหมือนเดิม
เสียงประตูเลื่อนเปิดออก คุณหมอในชุดกาวน์สีขาวก้าวออกมาด้วยสีหน้าสงบนิ่ง แต่แววตาสะท้อนถึงความจริงจัง ทุกสายตาของญาติพุ่งไปที่เขาทันที ราวกับกำลังรอฟังข่าวที่สำคัญที่สุดในชีวิต
“น้องผมเป็นอย่างไรบ้างครับหมอ” พศวัตถามอาการน้องสาวทันที
“สมองของเธอได้รับแรงกระแทกอย่างหนักจนเกิด ภาวะสมองบวมและเลือดออกภายใน ส่งผลให้เธอไม่สามารถตอบสนองต่อสิ่งเร้าใดๆ ได้ แม้ว่าร่างกายจะยังคงทำงานพื้นฐาน เช่น การหายใจด้วยเครื่องช่วยหายใจ”
“แล้ว... เธอมีโอกาสฟื้นไหมครับอาจารย์หมอ?”
พศวัตถามต่อทันที
หมอนิ่งไปชั่วขณะ
“ต้องบอกตามตรงว่าโอกาสฟื้นตัวเต็มร้อยเหมือนเดิมนั้น มีน้อยมาก ครับ...”
เสียงสะอื้นของแม่ดังขึ้นดังขึ้น ศศิราและปัทมาปลอบแม่ทันที
“แต่... ในกรณีแบบนี้ เคยมีผู้ป่วยที่สามารถฟื้นขึ้นมาได้หลังจากผ่านไป 6 เดือน หรือ 1 ปี หากร่างกายตอบสนองต่อการรักษาและสมองยังคงมีศักยภาพในการฟื้นฟู”
หมอตอบ แววตาหมอดูอ่อนลง ก่อนพูดต่อด้วยน้ำเสียงจริงใจ
“มันอาจต้องใช้ ปาฏิหาริย์ หรือไม่ก็ ปัจจัยบางอย่างที่กระตุ้นเธอให้กลับมา อย่างเช่น เสียงของคนที่เธอรัก หรือเหตุการณ์บางอย่างที่มีผลกระทบทางจิตใจ”
เสียงสะอื้นดังสะท้อนก้องไปทั่วโถงโรงพยาบาล
แม่ของชัญญาทรุดตัวลงกับพื้นทันทีที่ได้ยินคำวินิจฉัยจากแพทย์… ลูกสาวของเธอ… ต้องกลายเป็น เจ้าหญิงนิทรา ความหวังที่เคยมี ถูกพรากไปจนหมดสิ้น น้ำตาของแม่ไหลพราก แขนขาสั่นเทาด้วยความสิ้นหวัง
พศวัตรีบคว้าตัวแม่เข้ามากอดแน่น
“ไม่เป็นไรนะครับแม่… น้องต้องกลับมาได้ เชื่อผมนะครับ”
เสียงของเขาอ่อนโยน ทว่าในใจเต็มไปด้วย ความแค้น ที่สุมอยู่ในอก เขากัดฟันแน่น มือที่กอดปลอบแม่สั่นระริกเขาโกรธ… โกรธจนแทบคลั่ง คนที่ทำให้น้องเขาต้องเป็นแบบนี้ มันจะต้องชดใช้!!
พศวัตเงยหน้าขึ้น ดวงตาเต็มไปด้วยแรงแค้น
“แม่ครับ… ผมจะดูแลชัญญาจนกว่าเธอจะฟื้นกลับมาเป็นเหมือนเดิม ผมจะไม่ทอดทิ้งเธอเด็ดขาดครับ”
กวีกอดแม่ของชัญญาพร้อมให้สัญญาทันที
แม่เงยหน้าขึ้นมองกวีแฟนหนุ่มของลูกสาว น้ำตายังนองหน้า แต่ก็เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง
“ขอบใจมากนะ กวี...” แม่จับแขนเขาแน่น ราวกับต้องการที่พึ่งสุดท้าย
แต่เสียงหนึ่งที่ดังขึ้นกลับทำให้บรรยากาศเย็นเฉียบ
“ทำให้ได้อย่างที่พูดแล้วกัน... นายก็รู้ว่าที่น้องฉันเป็นแบบนี้เพราะใคร อย่าคิดแต่งงานหนีความผิดก็แล้วกัน!”
เสียงเย้ยหยันของพศวัตเต็มไปด้วยความกดดันและเกลียดชัง เขาตวัดสายตามอง กวี ราวกับจะฆ่าให้ตายคามือ
ศศิรา ที่ยืนฟังอยู่นาน แค่นหัวเราะเย็นชา ดวงตาคมกริบจ้องมองพศวัตกลับอย่างไม่เกรงกลัว
“คนอย่างคุณก็คงคิดได้แค่นี้สินะ... ตาบอด ใจบอด เคยคิดจะให้โอกาสคนอื่นบ้างไหม? เหตุการณ์แบบนี้ไม่มีใครอยากให้เกิด”
พศวัตแสยะยิ้ม ดวงตาแข็งกร้าว
“คนร่วมกระทำผิดอย่างเธอ... ก็คงไม่มีวันสำนึก!”
ศศิราชะงักไป ดวงตาสั่นไหว แต่ยังคงเชิดหน้าขึ้นอย่างทระนง
"ร่วมกระทำผิด? หมายความว่ายังไง! ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลย!”
"เพราะเธอ... น้องสาวฉันต้องกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา!" ศศิราไม่เข้าใจในสิ่งที่พศวัตพูด แต่เธอก็ยังคงไม่ใส่ใจในคำพูดของเขาเพราะเขาอาจจะพูดด้วยความขาดสติ
รสริน ที่ยืนฟังอยู่ตลอด รีบก้าวเข้ามากลางวงสนทนา ก่อนที่ทุกอย่างจะเลยเถิดไปมากกว่านี้
“พอเถอะค่ะ! เวลานี้ควรห่วงชัญญา อย่ามัวแต่ถามหาคนผิดเลย!”
เสียงของเธอสั่นน้อยๆ แต่พยายามทำให้หนักแน่นที่สุด เธอรู้ดี... ว่าแท้จริงแล้ว ใครกันแน่ที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด
พศวัต จ้องศศิราด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยเพลิงแค้น ดวงตาสีน้ำตาลเข้มนั้นสะท้อนแต่ความชิงชังที่แทบกลืนกิน
“จำไว้นะศศิรา... ฉันจะทำทุกวิถีทางให้เธอได้รับกรรมที่เธอทำไว้กับน้องฉัน!”
เสียงของเขาเย็นเยียบเหมือนคมมีดกรีดลึกเข้าไปในหัวใจของเธอ
ศศิรากำมือแน่น รู้สึกถึงความเจ็บแปลบที่แล่นเข้ามาในอก ทั้ง ๆ ที่เธอแทบไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้เลย...
การพบกันครั้งแรกหลังจากห่างกันไปกว่าสามปี ควรจะเป็นการพบที่ดี ควรจะเต็มไปด้วยคำถาม ความคิดถึง หรือแม้แต่รอยยิ้มแห่งความยินดี แต่มันกลับตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง
