ตอนที่ 5
มันต้องมีที่มาที่ไปของเรื่องนี้ ชีคดาเนียลมีหลักฐานว่าล็อกอินในเวปไซต์และอีเมล์เป็นของเธอ แต่อีเมล์นี้การะเกดใช้ทุกวันดังนั้นจึงมั่นใจว่าไม่เคยมีอะไรที่เกี่ยวกับคาลีจส่งมาแม้แต่ครั้งเดียว
แต่ล็อกอินนี่ซิ ในเมื่อเธอไม่ได้ใช้มันอีกเลยนับจากวันที่มือบอนไปสมัคร แล้วใครกันที่ใช้ล็อกอินต่อจากเธอหรือว่าข้อมูลจะเซฟการเข้าเวปไซต์อัตโนมัติโดยไม่ต้องใส่พาสเวิร์ดหรือล็อกอินทุกครั้งที่เข้าใช้บริการ นี่ก็เป็นประเด็นที่ต้องคิดและหาคำตอบให้ได้
"จะพูดว่าไม่ใช่ตัวเอง แต่เป็นใครที่ไหนก็ไม่รู้ที่มาสวมรอยใช้ล็อกอินเธอ" ชีคหนุ่มเบะปากทันทีที่ฟังคำอธิบายของการะเกดจบ
ให้ตายเถอะ นิทานหลอกเด็กพวกนี้คนอื่นฟังแล้วอาจจะเชื่อ แต่ต้องไม่ใช่ชีคดาเนียลคนนี้แน่ เพราะการจะหาตัวคนผิดมาลงโทษไม่ใช่ทำกันง่ายๆ โดยไม่เช็กข้อมูลใดๆ ทั้งสิ้น
"จะว่าแบบนั้นก็ได้ค่ะ" การะเกดไม่รู้จะเรียกการทำแบบนี้ว่าอะไรดีเหมือนกัน
"เอาอะไรมาพิสูจน์ ในเมื่อชื่อที่อยู่ทุกอย่างตรงกันหมด แม้แต่อีเมล์ที่เธอส่งมาขอสัมภาษณ์ฉันก็คืออันเดียวกัน"
"อีเมล์นี้เป็นเมล์ส่วนตัวของฉันที่ใช้มานานแล้ว จะมีแต่คนที่สนิทถึงรู้เพราะปกติฉันใช้เมล์ที่ทำงาน"
"อ้อ งั้นอัสมันก็เข้าข่ายคนสนิทซินะ ถึงได้มีเมล์นี้ของเธอ" เขาไม่วายประชดออกมาในที่สุด
"วันที่ฉันติดต่อมาขอสัมภาษณ์คุณ เมล์ที่ทำงานฉันมีปัญหานิดหน่อยก็เลยต้องใช้เมล์ส่วนตัวแทน" การะเกดพยายามอธิบายอย่างใจเย็นที่สุด
จะคราวซวยหรือโชคร้าย การะเกดก็คงทำอะไรไม่ได้นอกจากเดินหน้า และหาหลักฐานมายืนยันความบริสุทธิ์ของตนเอง ไม่เช่นนั้นชีคดาเนียลคงไม่เลิกราวุ่นวายกับตนแน่
ที่สำคัญตอนนี้เธออยู่ในคาลีจ และชีคขี้โมโหคือผู้นำสูงสุดของที่นี่ มันคงไม่ปลอดภัยกับชีวิตน้อยๆ ที่ยังมีฝันอีกมากมายของการะเกด หากว่าเปิดศึกกับพญาเหยี่ยวแห่งทะเลทราย ดังนั้นไม่ว่าอย่างไรก็แล้วแต่ ขอแค่เขาให้โอกาส หญิงสาวมั่นใจว่าจะสามารถหาหลักฐานมายืนยันให้ตนเองพ้นผิดได้แน่นอน
"ช่างบังเอิญเสียจริงนะ" ชีคดาเนียลอดที่จะหมั่นไส้ต่อความหัวหมอของการะเกดไม่ได้
เจ้าหล่อนควบคุมอารมณ์ได้ดีกว่าที่เขาคิด ไม่ฟูมฟายโวยวายเหมือนเมื่อครู่ และใช้การเจรจาทางการทูตได้อย่างดีทีเดียว แต่ไม่ว่าจะพูดอีกกี่ครั้งหรือจะใช้มารยาเล่มเกวียนไหน การเจรจาบทใดก็ช่าง ชีคดาเนียลก็ไม่มีหวังหลงกลเชื่อคำโกหกแน่ การะเกดคนนี่แหล่ะ คือผู้หญิงใจร้ายที่ทำให้น้องชายสุดที่รักจากไปอย่างไม่มีวันกลับ
"คุณจะเอาไงว่ามา แต่บอกก่อนว่าถ้าให้ฉันยอมรับความผิดที่ไม่ได้ทำ ฉันไม่มีวันยอมรับเด็ดขาด"
นิสัยตรงไปตรงมาคือตัวตนที่แท้จริงของการะเกด แม้ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าจะเป็นถึงผู้นำของคาลีจ แต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกหวาดกลัวแต่อย่างใด ตรงกันข้ามนี่คือโอกาสที่จะแสดงความบริสุทธ์ใจให้ทุกคนรับรู้ และอาจเป็นหนทางเดียวที่ทำให้หญิงสาวพ้นข้อกล่าวหานี้ได้
"ฉันรู้" ชีคดาเนียลยักไหล่เบาๆ ลุกขึ้นยืนและก้าวเท้าเข้ามาหาหญิงสาวอย่างช้าๆ สายตาและท่าทีดุดันแข็งกร้าวลดลงอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อชีคหนุ่มมาหยุดยืนมองอยู่ตรงหน้านักข่าวสาว รัศมีความน่าเกรงขามที่สัมผัสได้กลับไม่ทำให้รู้สึกกลัวแม้แต่น้อย แววตาที่ไร้ความโกรธท่าทีที่เรียบเฉยวางตัวสมกับเป็นผู้ปกครองที่คนทั้งเมืองให้การยกย่อง มันช่างดูมีเสน่ห์จนไม่อาจละสายตามองไปทางอื่นได้ การะเกดกล้าพูดเต็มปากว่าชีคดาเนียลหล่อ เท่ห์และมีเสน่ห์เหลือเกิน ทว่า...
เมื่อครู่เขาเหมือนหมาบ้า คนเจ้าอารมณ์ ผู้ชายเอาแต่ใจ คนไม่มีเหตุผลไม่ยอมฟังใคร และอีกร้อยแปดประการที่ทำให้ความหล่อ ความเท่ห์และเสน่ห์ที่ดึงดูดหมดไปในทันที
"รู้ว่าผู้ร้ายปากแข็งอย่างเธอ ยังไงก็ไม่มีวันยอมรับอยู่แล้วว่าตัวเองทำอะไรไว้บ้าง บางทีฉันอาจจะใจดีกับเธอเกินไปก็ได้" ชีคหนุ่มปรายตามองผู้ถูกกล่าวหาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่แสดงท่าทีเกรี้ยวกราดเช่นเมื่อครู่
"คุณคิดจะทำอะไร" การะเกดเริ่มไม่ไว้ใจท่าทีที่เปลี่ยนไปของชายหนุ่ม
ชีคดาเนียลไม่เพียงไม่โมโหเหมือนทุกครั้ง แต่ยังยิ้มอย่างเป็นมิตรให้กับคนที่เพิ่งอยากจะฆ่าให้ตายอย่างเธอเมื่อครู่ มันยิ่งทำให้การะเกดหวาดระแวงจนต้องระวังตัวเพิ่มมากขึ้น
"เมื่อให้โอกาสสำนึกกลับไม่คิดจะสารภาพ ถ้างั้นฉันคงไม่มีปัญญาจะง้างปากเธอแล้ว" ท่าทีอ่อนลงของชายหนุ่มทำให้ทุกคนสนใจว่าจะทำอย่างไรต่อไป
คงไม่ใช่ใจดีส่งตัวกลับบ้านโดยไม่ติดใจอะไรทั้งสิ้นหรอกนะ เพราะนั่น ไม่น่าใช่วิสัยของพญาเหยี่ยวแห่งทะเลทรายแน่
"ส่งให้กฎหมายของคาลีจลงโทษคนทำผิดเองแล้วกัน เธอคงรู้ซินะว่าที่นี่ลงโทษคนทำผิดอย่างไร"
"คุณทำแบบนี้ไม่ได้นะ" การะเกดร้องห้ามเสียงดัง
จู่ๆ เขาจะปล่อยให้เธอเดินเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมที่คงไว้ซึ่งจารีตที่เคร่งครัด ทั้งๆ ที่เมื่อครู่ยังตั้งตัวเป็นศาลเตี้ยพิพากษากันอยู่เลย การะเกดไม่มีวันยอมตกเป็นนักโทษของคาลีจโดยที่ตนไม่ใช่ผู้กระทำผิดแน่ และชีคดาเนียลต้องไม่ลอยแพกันง่ายๆ ด้วยการทำแบบนี้
"ชีคคะ มันจะทำให้เรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ ถ้าคนนอกรู้ว่าคุณอัสมันตายเพราะ..." นาดาพยายามพูดเตือนสติ
"ไม่ใช่ปัญหาถ้าจะมีใครพูดถึงการตายของอัสมัน ดีซะอีก คนทั้งคาลีจจะได้รู้ว่าผู้หญิงคนนี้คือคนที่ทำให้อัสมันจากเราไป"
"แต่ถ้าฉันบริสุทธิ์ คุณต่างหากที่จะกลายเป็นฆาตกรที่ฆ่าคนบริสุทธิ์อย่างฉัน" นักข่าวสาวดิ้นหาทางรอดให้กับตนเอง
"ฉันยังไม่ได้หาหลักฐานมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง ถ้าขึ้นศาลก็เสมือนขาดพยานยืนยัน ฉันมีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องขอการคุ้มครองตนเอง และฉันมีสิทธิ์ที่จะไม่รับข้อกล่าวหาใดๆ ทั้งสิ้น"
"จะหาแพะมารับบาปแทน หรือจะโยนความผิดให้ใครอีกล่ะทีนี้" น้ำเสียงชีคหนุ่มประชดในที
"ฉันไม่ได้หาแพะ แต่หาคนผิดตัวจริงมารับโทษ" นักข่าวสาวตอบโต้กลับอย่างไม่ลดละ
การะเกดเหนื่อยใจกับคำพูดของชีคดาเนียลเหลือเกิน คำพูดแต่ละคำล้วนปักใจเชื่อว่าเธอคือคนร้าย
"ในเมื่อคุณกล้าตัดสินโดยไม่สนคำพูดของฉันแม้แต่นิดเดียว ถ้างั้นคุณกล้าไหมล่ะ" การะเกดเชิดหน้าสบตาท้าทายอีกฝ่ายอย่างไม่ลดละ
"กล้าอะไร" ชีคหนุ่มถามกลับด้วยสายตาวาววับทันที
"กล้าให้ฉันหาหลักฐานมาพิสูจน์ความจริงไหม ว่าฉันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณกล่าวหา และถ้าโชคดีเราอาจได้รู้ว่าใครคือฆาตกรตัวจริงที่แอบอ้างว่าเป็นฉัน"
คอยดูเถอะ ถ้าวันไหนที่ความจริงเปิดเผย รับรองได้เลยว่าชีคบ้าจะต้องหน้าแตก และเมื่อถึงวันนั้นนักข่าวสาวสัญญาว่า จะทำให้เขาต้องอับอายและรู้สึกผิดที่กล่าวหากันลอยๆ ไปตลอดชีวิตแน่
"ฉันขอเวลาหนึ่งเดือน" หญิงสาวยื่นข้อเสนอกลับไปบ้าง
"เพื่อ" เขาชักเริ่มหมั่นไส้แม่นักข่าวหัวหมอขึ้นเรื่อยๆ เจ้าหล่อนจะมาไม้ไหนอีก แต่จะไม้ไหนมารยาเท่าไร แต่คนอย่างชีคดาเนียลก็รับมือได้หมดทุกกระบวนท่า
"ฉันจะหาหลักฐานมาแสดงความบริสุทธิ์ของตัวเอง ถ้าหาไม่ได้ฉันก็ยินดีให้คุณต้มยำทำแกงอะไรก็ตามแต่ต้องการ แต่ถ้าฉันพ้นข้อกล่าวหา คุณต้องขอโทษและส่งฉันกลับบ้านทันที ตกลงไหม"
ข้อเสนอของการะเกดทำให้ทุกคนในห้องลุ้นตัวโก่ง นาดาอยากจะพูดให้ชีคดาเนียลตกลงรับคำขอของนักข่าวสาวแต่ไม่กล้า ในขณะที่หญิงสาวได้แต่ลุ้นอยู่ในใจว่าเขาจะตอบว่าอย่างไร
"ยืดเวลาอีกหนึ่งเดือนเพื่ออะไรกัน การะเกด" ชีคดาเนียลเอ่ยถามด้วยความอ่อนใจ
"ไม่ใช่การยืดเวลาอะไรทั้งนั้น" การะเกดตอบอย่างฉะฉาน
"ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่า ใครที่แอบใช้ล็อกอินของฉันมาทำเรื่องแย่ๆ แบบนี้"
ชีคดาเนียลสบตากับนาดาทันทีที่การะเกดพูดจบ ดูเหมือนว่านาดาจะได้รับสัญญาณดีๆ จากดวงตาคู่คมที่เริ่มจะคล้อยตามคำพูดของหญิงสาวแล้ว บางทีความจริงบางเรื่องอาจต้องใช้ความสามัคคีปรองดอง เพื่อคลี่คลายข้อสงสัยที่เป็นปมปริศนาค้างคาใจของทุกฝ่ายก็เป็นได้ เรื่องนี้ต้องอยู่ที่การตัดสินใจของเจ้าแห่งทะเลทรายคนเดียวเท่านั้น
