บทที่ 2 วิศวะคอมไม่ต้องแบกปูน
ติ๊ง! เสียงแจ้งเตือนข้อความไลน์จากโทรศัพท์เครื่องหรูของชายหนุ่มดังขึ้นทำให้คินจำต้องล้วงออกมากดเปิดดูพร้อมกับรอยยิ้มที่บุคคลภายนอกไม่เคยเห็นมาก่อน
Mintira พรุ่งนี้มีเค้กมะพร้าวอ่อนและทาร์ตไข่หน้าผลไม้นะคะ
P.A. ครับ
แล้วมีคุกกี้ด้วยมั้ยครับ
Mintira คุกกี้มีอาทิตย์หน้านะคะ
P.A. ครับ
งั้นผมเอา เค้กมะพร้าวอ่อน 2 ชิ้น ทาร์ตไข่ 1 กล่องครับ
Mintira ได้ค่ะ ขอบคุณสำหรับออเดอร์นะคะ ^_^ (อ่านแล้ว)
"เออ... ยิ้มเข้าไปเดี๋ยวกูก็เปิดโชว์แม่ง" ผู้เป็นน้องเอ่ยแซวข้างเก้าอี้ใหญ่ด้านหลังพี่ชายบุญธรรมที่นั่งยิ้มกับหน้าจอมือถืออยู่
"หือ? นี่แอบอ่านเหรอ" ชายหนุ่มเลิกคิ้วถามยิ้ม ๆ
"เพิ่งรู้ว่านายรองชอบกินขนมนะครับ" ฟินิกซ์เอ่ยแซวพี่ชายต่างสายเลือดอย่างอารมณ์ดี
"ก็สั่งมาเผื่อนายด้วยไง แต่ต้องรอกินอาทิตย์หน้านะ อาทิตย์นี้คนทำไม่ว่าง" ชายหนุ่มหันพูดกับน้องชายยิ้ม ๆ ฟินิกซ์เดินมานั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามพร้อมกับก้มลงอ่านเอกสารที่ชายหนุ่มจัดเตรียมไว้ให้และจรดปากกาเซ็นงานในส่วนที่ตัวเองรับผิดชอบ และพูดคุยกันถึงการดำเนินกิจการต่าง ๆ ร่วมกันอย่างเป็นการเป็นงาน
..........//..........
@ประเทศไทย
"โถ่... แม่ แค่หนูสอบเข้าวิศวะเองทำไมต้องโกรธด้วยเนี่ย" เสียงออดอ้อนหวานใสของสาวร่างสูงโปร่งคุยกับแม่ที่ห้องนั่งเล่น
"โกรธสิ... จบออกมาแล้วจะทำอะไรบ้านเราทำโรงแรมทำรีสอร์ตนะลูกไม่ใช่ก่อสร้าง แล้วลูกก็เป็นผู้หญิงด้วยจะไปแบกอิฐแบกปูนหรือไง ทำไมไม่เรียนบริหารล่ะลูก จบมาจะได้ใช้งานมาดูแลร้านที่มิ้นกับเพื่อนสร้างกันมานี่ไง" เสียงผู้เป็นแม่บ่นลูกสาวยืดยาวอย่างขัดใจที่ลูกสาวสอบเข้าวิศวะกับเพื่อนที่เป็นผู้หญิงด้วยกันแทนที่จะเรียนบริหารอย่างที่เธอตั้งความหวังไว้
"แม่ขา... มิ้นสอบเข้าวิศวคอมนะคะ ไม่ใช่ก่อสร้าง ไม่ต้องแบกอิฐแบกปูนน่ะแม่" ลูกหวานของลูกสาวเอ่ยอ้อน
"เหอะ! ไม่ต้องอ้อนเลย แม่งอน แม่อยากให้ลูกเรียนบริหารนี่นา" คนเป็นแม่มองค้อนลูกสาวคนสวยอย่างแง่งอนแต่ไม่จริงจังนัก เพราะยังไงเธอก็ตามใจลูกของเธออยู่แล้วถึงจะไม่ได้ดั่งใจก็เถอะ
"อะไร... พี่มาร์ เสียงดังไปถึงหน้าบ้านเลย" ชายหนุ่มร่างกายกำยำ ผิวสีแทน หน้าคมเข้มตามแบบฉบับไทยแท้เดินเข้ามาในบ้านพร้อมกับเอ่ยถามพี่สาว
"น้ามัท!" หญิงสาวกระโดดกอดน้าที่ความสูงไล่เลี่ยกันอย่างดีใจแล้วหอมแก้มน้าหนัก ๆ "คิดถึงจังเยย..." เสียงหวาน ๆ เอ่ยกับน้าชายอย่างออดอ้อน
"หึ! แล้วสร้างวีรกรรมอะไรอีกแสบ แม่ถึงได้โวยวาย ฮึ! ลูก" ชายหนุ่มผู้มีอายุห่างจากคนที่เขาเรียกว่าลูกแค่ 7 ปีหันมาถามหลานสาวอย่างเอ็นดู
"แม่โวย (ว่าพลางหน้างอง้ำ) มิ้นแค่ยื่นคะแนนเทียบตรงที่ ม. เอ เอง แม่งอแง" เสียงหลานสาวฟ้องน้าชายจนแม่ต้องเหลือบตามองเจ้าตัวแสบที่มีแต่คนตามใจกันทั้งบ้าน
"ม.เอ? ที่เดียวกับน้าเรียนนี่ น้ารู้จักผู้บริหารนะ หนูยื่นคณะอะไรไปลูก" น้าชายถามสุภาพต่อหน้าพี่สาว [ถ้าอยู่ตามลำพังก็อีกภาษานึงอ่ะนะ ^_^]
"วิศวะ!" เสียงแม่หญิงสาวตอบแทนอย่างแง่งอน
"หืม?" น้าชายเลิกคิ้วถามหลานสาวตัวแสบ
"วิศวะ คอม น่ะน้า ไม่ได้จะไปแบกอิฐแบกปูนแบบแม่ว่าซะหน่อย" หลานสาวตอบน้าชายเสียงอ่อย ๆ
"แล้วไม่เรียนบริหารล่ะ จะได้ช่วยกันดูแลงานที่บ้านแล้วก็ร้านพวกแกด้วยไง" น้าชายเข้าข้างแม่ หญิงสาวหน้างอง้ำทันที
"น้า... ชีวิตวัยรุ่นมั้ย เรียนตามใจตัวเองเดี๋ยวจบมาก็ให้น้าสอนงานอยู่ดีปะ ไม่ได้จะทิ้งที่บ้านซะหน่อย แล้วฟามันก็เรียนด้วย จะเรียนเป็นเพื่อนมันนะน้า" หญิงสาวให้เหตุผลที่จะเข้าเรียนคณะวิศวะจนทำให้น้าชายกับแม่อ้าปากค้าง
"เรียนเป็นเพื่อนไอ้ฟา?" น้าชายถามอึ้ง ๆ
"อือ... ก็ฟาจะเรียนคณะเดียวกันกับพี่ชายมันแต่กลัวมันเหงาไงเลยจะเรียนด้วยกัน แล้วงานบริหารก็ค่อยให้น้าสอนไง เนาะ~น้า~เนาะ ไอ้กี้ก็จะเรียนด้วยกัน นะ ~ นะ" เสียงหวานใสอ้อนผู้เป็นน้าด้วยเหตุผลที่ผู้ใหญ่ต้องกุมขมับพร้อมกับทำตาปริบ ๆ จนน้าชายถอนหายใจแล้วยกมือขึ้นขยี้หัวหลานตัวแสบอย่างเอ็นดู พรางหันไปเอ่ยกับพี่สาว
"พี่มาร์ผมว่า..." "ตามใจแล้วกันย่ะ ตามใจกันเข้าไปทั้งพ่อทั้งน้า" แม่หญิงสาวว่าพรางเดินหน้างอออกไปจากห้อง
"เย้! น้ามัทใจดีที่สุดในโลก" หญิงสาวชูกำปั้นอย่างผู้ชนะ
"ไอ้กี้ก็จะเรียนวิศวะ?" น้าชายเอ่ยถามหลานสาวพยักหน้ารัว ๆ
"ช่าย... ยื่นพอร์ตไปแล้วด้วย แต่มิ้นว่าได้ชัวร์อะ คะแนนเราสูงทั้ง 3 คนเลย" หลานสาวยิ้มตาหยี
"ไอ้พวกดื้อเอ๊ย..." ขยี้หัวหลานสาวอย่างหมั่นไส้แล้วกอดคอกันเดินไปหน้าบ้าน
"พรุ่งนี้เอ็งไปไหน?" น้าชายถามขึ้นอย่างนึกได้
"เข้าร้านดิน้า นัดกี้ไว้แล้ว ลูกค้าสั่งขนมเพียบเลย ถ้าไม่เข้าแม่ได้ฆ่าแน่ ๆ" หลานสาวว่าพลางสวมหมวกกันน็อกให้น้าชายอย่างรู้ใจ
"ไอ้ฟาล่ะ?" ถามหาเพื่อนหลานสาวอีกคนพร้อมกับสตาร์ทมอเตอร์ไซค์คันใหญ่
"ฟามันสอบช้า อาทิตย์หน้าถึงสอบเสร็จน่ะ แน้ ~ แน้ เอามอไซค์ไอ้กี้มามันรู้มันก็ด่าเอาหรอก" ตอบน้าชายพรางชี้หน้าล้อเลียนที่น้าชายเอารถเพื่อนมาใช้
"หึ! ก็ด่ามาสิ กูจะบอกป๊ามันว่ามันแอบซื้อไอ้เบิ้มนี่" ว่าพรางยักคิ้วแล้วขับรถออกจากบ้านไป.....
........... //..........
Mint Introduce
สวัสดีค่ะ เราชื่อ มินทิรา ลูกแม่มาลิกา พ่อไกร แต่เรียกเราว่า มิ้น สั้น ๆ ก็พอ อายุเกือบ 19 แล้วล่ะ ปีนี้เทอมสุดท้ายของ ม.ปลายแล้วค่ะ สอบปลายภาคเสร็จเมื่อวาน วันนี้เลยได้รับพรจากพระมารดา เรื่องการสอบเข้ามหาลัยของเรา ฮ่า ๆๆ แม่จะให้เรียนบริหาร แต่มินทิราสอบตรงเข้าวิศวะ เพราะเราศึกษามาดีแล้วว่า คณะนี้ผู้งานดี เอ้อ.. ไม่ช่าย... เพื่อนเรามันอยากเรียนแล้วเรากลัวว่ามันจะเหงาเราก็เลยจะเรียนเป็นเพื่อน เรากับเพื่อนร่วมหุ้นกันเปิดร้านกาแฟกับเบเกอรี่ ที่โรงแรมแล้วก็รีสอร์ตของบ้านเราค่ะ ตั้งแต่ ม. 3 ถามว่าทำไมรีบแล้วเอาเงินมาจากไหนมาทำ เราไม่ได้ขอพ่อกับแม่เลยนะ แต่เป็นเงินอิฟามัน เรามีสถานที่แล้วกี้ก็ช่วยอีกแรง แล้วให้แม่มาร์ของมิ้นช่วยบริหาร ฉะนั้นเรามีรายได้นะคะ เปิดมาได้ 3 ปีแล้ว สูตรขนมเราก็ไปลงคอร์สเรียนกันเองเพราะฟามันชอบทำขนมแล้วมันก็ทำขนมเพื่อสุขภาพแล้วก็เค้กให้พี่ชายมันทุกปีมันเลยไปเรียนแล้วลากพวกเราไปเรียนด้วยกัน แล้วช่วยกันปรับสูตรเพื่อสุขภาพเพราะพี่ชายมันป่วยกินอะไรแบบชาวบ้านเขาลำบาก แต่มันดันตรงใจคนรักสุขภาพจนขายดีขยายสาขาไปตามโรงแรมของที่บ้านตอนนี้ก็ครบทุกสาขาแล้วค่ะทั้งโรงแรมแล้วก็รีสอร์ต ^_^ แต่เรากับเพื่อนจะเข้าไปทำที่โรงแรมใหญ่ในเมืองที่พ่อบริหารอยู่เป็นประจำเพราะเป็นร้านใหญ่ ลูกค้าค่อนข้างติดรสมือของพวกเรามากโดยเฉพาะทาร์ตไข่หน้าผลไม้สดกับเค้กมะพร้าวอ่อนฝีมือมินทิรา ต้องสั่งนะคะถึงได้กิน ไม่ใช่อะไร เพราะเราไม่ค่อยได้เข้าร้านกันค่ะ ก็เด็ก ม.ปลายอะเนาะ ปีสุดท้ายด้วย แต่ร้านเราก็มีลูกค้าประจำเยอะนะคะ ขอแค่บอกว่าจะทำก็สั่งจนเกือบหมดเลยค่ะ
.........//..........
