บท
ตั้งค่า

บทที่ 19 ผู้ใหญ่รังแกเด็ก

เห็นทีจะต้องปรับกลยุทธ์ใหม่ แผนส่งเธอไปเรียนเมืองนอกแล้วใช้ความห่างเป็นเครื่องมือในการเลิกราอาจจะไม่ได้ผล เพราะต่อให้เธอไปเรียนอยู่ในป่าแอฟริกา ก็ไม่พ้นความสามารถของคุณหญิงพรพรรณที่จะดึงตัวเธอกลับมาจนได้

หรือจะให้เธอแกล้งทำเป็นความจำเสื่อม...

ไม่ได้ๆ ถึงเป็นอย่างนั้น ย่าของเขายิ่งทอดทิ้งเธอไม่ลง

เฮ้อ! เอาไว้พรุ่งนี้เขาจะปรึกษาเธอดูอีกที ว่ามีทางออกไหนบ้างที่เธอจะสามารถลงจากตำแหน่งว่าที่สะใภ้ของธวัชดิลกกุลชัยได้อย่างสวยงามที่สุด

ทว่า เมื่ออรุณรุ่งมาเยือน เธอกลับไม่รอเขาอยู่ที่บ้าน หลังจากกดกริ่งหน้าบ้านอยู่เกือบนาที เขาจึงมองเห็นกระดาษแผ่นเล็กๆ สอดไว้ตรงแม่กุญแจ เธอโน้ตสั้นๆ ว่าขึ้นรถเมล์ไปที่บริษัทก่อนแล้ว แทนที่จะโทรบอกกันสักคำ

ทันทีที่จอดรถและเดินเข้าไปในบริษัท เขาก็ได้ยินเสียงซุบซิบพร้อมกับสายตาที่เพ่งมองมายังเขาเป็นจุดเดียว ครั้นเมื่อหันไปจ้องมอง พวกนกทั้งหลายก็พากันสงบปากสงบคำทำเป็นก้มหน้าก้มตาทำงานแก้เก้อ

เขากดลิฟต์ขึ้นไปชั้นสาม เมื่อไม่เห็นมนทิชาอยู่บริเวณนี้ เป็นไปได้ว่าเธออาจจะยังมาไม่ถึงหรือไม่ก็ขึ้นไปรออยู่ข้างบนแล้ว

“มีใครมาหรือยัง?”

“อ๊ะ! สวัสดีครับบอส พนักงานมากันเกือบครบทุกคนแล้วครับ” ปุณกันต์ยกมือไหว้ พร้อมกับกุลีกุจอลุกไปเปิดประตูห้องทำงานให้เขา

“แน่ใจนะ?”

“เดี๋ยวผมจะเช็คฝ่ายบุคคลให้ครับ”

“ไม่ต้อง ผมถามไปอย่างนั้นเอง คุณเอาแฟ้มมาเสนอได้เลย ผมจะเซ็นให้เรียบร้อย อ้อ! เช็คตารางงานให้ด้วยนะว่าวันมะรืนนี้มีนัดกับลูกค้าหรือมีงานที่ไหนหรือเปล่า ผมจะไปดูสถานที่ที่โคราชสักหน่อย”

จุลพัธน์สั่งแล้วเดินเข้าห้องทำงาน เหลียวซ้ายแลขวามองหาเจ้าเด็กแสบ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดหมายเลขลงไปโดยไม่ต้องค้นหาชื่อให้เสียเวลา

“กรุณาฝากหมายเลขโทรกลับ”

“หนอย...ปิดโทรศัพท์หนีเลยเรอะ!” เขาโยนโทรศัพท์ลงบนโซฟา ถอดเนคไทแล้วเปิดแฟ้มเอกสารที่ค้างอยู่บนโต๊ะตั้งแต่เมื่อวานพลิกอ่านทีละหน้า ก่อนที่ปุณกันต์จะต่อสายภายในเข้ามา

“แฟ้มเสนองานครับ”

“เอาเข้ามาได้ ว่าแต่มีใครมาพบผมหรือเปล่า”

“เอ่อ รู้สึกว่าจะมีแม่ค้าหน้าตึกเอาขนมมาส่งนะครับ บอกว่าบอสสั่งไว้ ให้ผมเอาเข้าไปให้เลยไหมครับ?”

“อะไรนะ ขนม?” เขานิ่วหน้า จำไม่ได้ว่าสั่งขนมตั้งแต่เมื่อไหร่ ก่อนจะเหลียวมองจอโทรทัศน์ที่ฉายภาพกล้องวงจรปิด “เดี๋ยวนะ เดี๋ยวผมออกไปเอาเอง คุณวางแฟ้มไว้บนโต๊ะแล้วไปฝ่ายบุคคลให้ผมหน่อย เดี๋ยวนี้เลย”

“ได้ครับ”

บอสหนุ่มรอจนคิดว่าปุณกันต์ออกไปตามคำสั่งแล้ว จึงเดินไปเปิดประตู เห็นแฟ้มกองอยู่บนโต๊ะพะเนินเทินทึก กับร่างของแม่ค้าขายขนมที่ลูกน้องหนุ่มพูดถึง สวมหน้ากากอนามัยยืนก้มหน้าก้มตาอยู่ไม่ไกลนัก

ยัยตัวแสบ! นึกยังไงถึงใส่กางเกงยีนเสื้อยืดกับรองเท้าผ้าใบมาทำงาน แล้วยังจะหน้ากากอนามัยนั่นอีก

“ถือแฟ้มตามฉันเข้ามา เร็วเข้า!”

มนทิชายัดถุงขนมใส่กระเป๋าสะพาย รีบหอบแฟ้มวิ่งเข้าไปในห้อง ก่อนที่เขาจะปิดประตูแล้วเดินตามเข้ามา เธอวางแฟ้มไว้บนโต๊ะทำงานของเขาแล้วหันไปเผชิญหน้ากับคนหน้าดุ

“สวัสดีค่ะ” หญิงสาวพนมมือไหว้ แล้วหดคอแทบไม่ทันเมื่อเขาใช้หลังมือเคาะศีรษะเธอนับครั้งไม่ถ้วน

“โอ๊ยๆๆ อะไรกันเนี่ย มาตีเขาทำไมเล่า โอ๊ยๆๆ”

“เด็กบ้า! ทำอะไรของเธอ หา! โทรไปก็ไม่รับ แล้วดูซิเนี่ยแต่งชุดอะไร ขนมเอามาทำไม แล้วเป็นอะไรต้องใส่หน้ากาก เป็นโรคปากเท้าเปื่อยเหรอ ฮึ! ถอดออกเดี๋ยวนี้” เขาพยายามดึงหน้ากากอนามัยออก แต่ก็ทำไม่ได้เพราะเธอเองฮึดสู้ปัดป่ายเป็นพัลวันพร้อมกับร้องกรี๊ดๆ จนแก้วหูแทบแตก

“อิ๊...อ่อยเอ๊าอ๊ะ...อิ๊” เธอร้องไม่เป็นภาษาเพราะถูกมือหนาปิดปากไว้ ร่างบางจมหายไปกับร่างสูงที่โอบเธอไว้จนมิด วงแขนแข็งแรงรัดรึงแน่นจนแทบจะหายใจไม่ออก

“อย่าเสียงดังซิ เดี๋ยวลูกน้องของฉันก็แห่กันมาหรอก โอ๊ย! เฮ้! หยุดนะ นี่ๆๆๆ” เขาคลายแขนออกเพียงนิดเดียวเท่านั้น เธอก็มุดตัวออกไปพร้อมกับหันมาทุบตีเขาเป็นพัลวันทั้งที่กำลังหอบแฮ่กๆ

“นี่แน่ะๆ จะฆ่ากันรึไงเฮอะ!” หญิงสาวไม่ทุบให้มือเจ็บเปล่าๆ เธอหันไปฉวยแฟ้มเสนอเซ็นขึ้นมาด้วย คนตัวใหญ่อย่างนั้นต้องเจอของแข็งแบบนี้

“เฮ้ ใครกันแน่ที่คิดจะฆ่ากันน่ะ เดี๋ยวเถอะ ไม่หยุดใช่ไหม แล้วจะเสียใจทีหลังนะ” เขาขู่ แต่เธอก็ยังไม่หยุด ไล่ตีเขาหน้าดำหน้าแดง แล้วก็ดูเหมือนจะโกรธเอามากๆ ด้วย เมื่อเห็นว่าห้ามไม่ได้ก็ต้องเจ็บตัวกันบ้างละ

เขายกมือรับแฟ้มที่เธอกระหน่ำลงมา ก่อนจะโยนมันลงบนโซฟาแล้วรวบแขนคนตัวเล็กกว่าด้วยมือข้างเดียว กระนั้นเธอก็ยังใช้ขาเตะหน้าแข็งของเขาซะเจ็บ ชายหนุ่มใช้ขาเกี่ยวขาเธอไว้ ดึงร่างบางมาแนบชิดจนเธอกระดุกกระดิกไม่ได้ ใช้มืออีกข้างจับท้ายทอยเธอบังคับให้แหงนเงยขึ้นราวกับกำลังจะพาเธอเต้นระบำแทงโก้

ดูเธอสิ หายใจฟึดฟัดฮึดฮัด หน้าแดงก่ำไม่รู้เพราะโกรธหรือเพราะร่างกายแนบชิดกับเขาทุกตารางนิ้วกันแน่ ผมเผ้าก็กระเซอะกระเซิง ปากแดงแป๊ดคงเพราะโมโหมากไปนั่นเอง

“หมดฤทธิ์สักทีนะ ล้อเล่นหน่อยเดียวโกรธซะควันออกหูเลย”

“ปล่อย” เธอพยายามเค้นเสียงออกมา เพราะถูกเขากอดแบบแนบเนื้อจึงไม่รู้จะวางหน้าอย่างไร

“มองใกล้ๆ ก็น่ารักดีนี่ หน้าใสเชียว” เขาแกล้งก้มหน้าลงไปจนลมหายใจเป่ารดแก้มนวล หัวเราะหึๆ เมื่อเธอหลับตาปี๋

“เด็กก็อย่างนี้แหละนะ กอดทีเจอแต่กระดูก ทรวดทรงองค์เอวก็ไม่มี”

“สิบแปด!” เธอกัดฟัน

“สิบแปดก็จริง แต่ก็ไม่เห็นมีอะไรที่เป็นผู้ใหญ่สักนิด แค่โดนกอดเฉยๆ ยังสั่นเป็นลูกนก”

“อย่างน้อยก็เคยจูบก็แล้วกัน”

“อะไรนะ!?” เขาถามเกือบเป็นตวาด มองใบหน้าหญิงสาวที่อยู่ห่างไม่ถึงคืบ ซึ่งขณะนี้ส่งสายตาท้าทายทำท่ามีชัยเหนือกว่าเขา แล้วยังแค่นยิ้มได้น่าหมั่นไส้สุดๆ

“ไม่แปลกนี่...ใครๆ เขาก็จูบกัน”

“อ๋อเหรอ...” เขาคำรามแล้วฉกริมฝีปากวูบ

หญิงสาวตัวชาวาบเมื่อจู่ๆ จุลพัธน์ก็ประทับริมฝีปากของเขาลงบนริมฝีปากของเธออย่างดุดัน มือหนาบังคับท้ายทอยมิให้หลีกหนี เธอตกใจเมื่อคิดว่าเขาทำในสิ่งเดียวกันกับที่จีรพงศ์ทำกับเธอ ทว่าสิ่งที่เธอรู้สึกกลับแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง

ร่างบางแทบจะยืนไม่อยู่เมื่อเขาขบเม้มไล้ริมฝีปาก ก่อนจะแทรกผ่านเรียวลิ้นนุ่มเข้ามา และทำให้ไฟในร่างกายของเธอลุกโพลงราวกับตกอยู่ในเปลวไฟพิศวาสที่เธอไม่เคยพบพานมันมาก่อน

ชายหนุ่มปล่อยมือที่จับข้อมือของเธอออก เลื่อนขึ้นมาเกาะกุมรั้งเอวบางเข้ามาอีกเมื่อเธอทำท่าจะทรุดลงไป ในขณะที่ริมฝีปากของเขายังคงเพลิดเพลินอยู่กับริมฝีปากอิ่มนุ่มของเธอ และมันทำให้เขารู้ว่า อย่างน้อยถึงเธอจะเคยจูบมาก่อนก็จริง ก็คงจะเป็นจูบแบบซีรีย์เกาหลีที่พระเอกเพียงแต่แตะริมฝีปากนางเอกแผ่วๆ เท่านั้น หาได้ดูดดื่มรัญจวนอย่างที่เขากำลังทำไม่

ปัง!

“ท่านประธานคะ...อ๊ะ!”

เสียงประตูเปิดผลัวะเข้ามา พร้อมๆ กับร่างของพนักงานสาวทำให้ชายหนุ่มหญิงสาวที่กำลังจุมพิตกันแบบนันสต๊อปตื่นจากภวังค์ เขาถอนริมฝีปากออกมาอย่างแสนเสียดาย ใจยังเต้นตุ้บๆ เหมือนจะเบลอๆ ตอนที่หันไปถามลูกน้องที่กำลังทำหน้าเหวอ

“มีอะไร?”

“เอ่อ...คือ ไม่มีอะไรค่ะ ได้ยินเสียงเอะอะตึงตัง ก็เลย...”

“ไม่มีอะไรแล้ว ปิดประตูให้ผมด้วย” เขาสั่ง จนเมื่อประตูถูกปิดลงตามเดิมจึงได้หันมาหาสาวน้อยที่อยู่ในวงแขน น่าแปลกที่เธอกำลังมองเขาแน่นิ่งไม่อาละวาดฟาดหัวฟาดหางอย่างที่นึกกลัว

“หนูมน...เฮ้...เป็นอะไร?”

“เฮ้อ...” มนทิชาอุทานได้แค่นั้นแล้วก็หงายหลังผึ่ง สติสัมปชัญญะวูบไป ไม่รับไม่รู้ทั้งสิ้นทั้งปวง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel