บทที่ 3. ตามหา... เหตุแห่งความเปลี่ยนแปลง...
“พี่หนูนาคะ ทำไมน้องพราวติดต่อแพรไม่ได้เลย นี่มันจะสองวันแล้วนะคะ เรารีบกลับกันดีกว่าไหมคะ น้องพราวไม่อยากอยู่ร่วมงานเลี้ยงเลย ห่วงแพรอย่างไรไม่รู้” ศรัญภัทราเทียวกดโทรศัพท์มือระวิงเมื่อไม่สามารถติดต่อพี่สาวฝาแฝดได้ พี่หนูนาผู้จัดการสาวมองใบหน้าสวยที่ฉายแววร้อนใจนั้นด้วยความรู้สึกไม่ต่างกัน ความรักความผูกพันที่มีต่อสองสาวฝาแฝดนี้มันมากมายนัก มากกว่าคำว่าผู้จัดการส่วนตัวของศรัญภัทราเสียอีก...
“ได้จ้ะ พี่หนูนาก็ห่วงน้องแพรเหมือนกัน รู้สึกใจหายๆ ไงไม่รู้”
“ค่ะ เราไปกันเลยนะคะ” ว่าแล้วสองสาวต่างก็พากันเก็บของใช้เล็กน้อยลงกระเป๋าแล้วไปลาเจ้าของโปรเจคซึ่งว่าจ้างให้ศรัญภัทรามาเป็นนางแบบให้ แล้วทั้งสองก็มุ่งหน้ากลับกรุงเทพฯ ทันที
“รถก็อยู่ที่บ้านนี่คะ แล้วแพรไปไหน..” เมือมาถึงบ้านพักหลังน้อยย่านชานเมืองศรัญภัทราก็เข้าบ้านโดยใช้ประตูหลังบ้าน พร้อมด้วยพี่หนูนาก็เข้ามาช่วยเธอสำรวจรอบๆ บ้านอย่างร้อนใจ แต่เมื่อพากันตามหาชนกวนันท์ทั้งบ้านแล้วก็กลับไร้วี่แวว อีกทั้งข้าวของเครื่องใช้ของเธอก็ยังอยู่ครบไม่มีชิ้นไหนสูญหาย บ้านก็ดูสะอาดสะอ้านไม่มีฝุ่นเกาะเหมือนได้รับการดูแลทำความสะอาดทุกๆ วัน
“มันแปลกมากเลย บ้านเหมือนมีคนอยู่ แต่เรากลับไม่พบแพร... พี่หนูนาคะหรือว่าแพรจะ...”
“ไม่เอาน่าน้องพราว อย่าเพิ่งคิดไปในทางร้าย บางทีน้องแพรอาจจะกำลังซื้อของอยู่ก็ได้” พี่หนูนาปลอบพร้อมกับโอบกอดร่างบางไว้
“แต่น้องพราวรู้สึกได้ว่าแพรไม่ได้อยู่ที่นี่ น้องพราวรู้สึกว่าแพรก็คิดถึงพราว แต่น้องพราวไม่รู้ว่าแพรอยู่ที่ไหน” ศรัญภัทรากลั้นน้ำตาไม่อยู่จริงๆ เธอทั้งสองคนไม่เคยแยกจากกันไปไกล ตลอดเวลาสิบสองปีที่ผ่านมาพวกเธอทั้งสองอยู่ด้วยกันตลอดและมีกันและกันเสมอ
“เอาเป็นว่าน้องพราวทำใจให้สบายก่อน เดี๋ยวพี่หนูนาไปสอบถามบ้านข้างๆ ให้ น้องพราวพักก่อนเถอะ” กล่าวจบพี่หนูนาก็เดินเปิดประตูหน้าบ้านออกไปกดกริ่งบ้านข้างๆ เพราะพี่หนูนานั้นเคยพูดคุยกับบ้านข้างๆ นั้นเป็นประจำยามที่มาที่นี่
ศรัญภัทราเดินไปเข้าครัวเล็กๆ เพื่อหาน้ำดื่มอย่างว้าวุ่นใจ แล้วสายตาของเธอจะสะดุดกับกระดาษโน้ตแผ่นเล็กๆ ที่ติดอยู่กับประตูตู้เย็น มือบางหยิบมาดูทันที
“วันที่ สิบสี่ เก้าโมงเช้าไปส่งขนมที่บ้านทวีวัฒน์ภิรมย์... ขนมปังกรอบสองร้อยกล่อง”เธออ่านข้อความในกระดาษแผ่นนั้นด้วยหัวใจที่ลิงโลด ใช่แล้ววันนั้นที่เธอกับพี่สาวคุยกันชนกวนันท์บอกเธอว่าจะไปที่นั่น หลังจากที่พี่สาววางสายแล้วเธอโทร. กลับมาย้ำให้พี่สาวกลับบ้านเร็วๆ อย่ามัวโอ้เอ้ซึ่งมันเป็นเรื่องปรกติของพวกเธอที่จะโทรศัพท์ถามไถ่ห่วงใยกันเสมอ
“บ้านนั้นเขาก็บอกว่าไม่รู้เหมือนกันเพราะเพิ่งกลับจากเยี่ยมญาติที่ระยอง เฮ้อ ทำไงดีล่ะนี่” พี่หนูนาเดินบ่นเข้ามา
“พี่หนูนาคะ น้องพราวรู้แล้วว่าจะไปตามหรือถามหาแพรได้ที่ไหน ที่นี่ไงคะ”
“บ้านทวีวัฒน์ภิรมย์... น้องพราว นั่นมันไม่ใช่บ้านตาสีตาสานะคะ”
“ก็ใช่สิคะ มันถึงได้สงสัยไงคะ ทำไมคนระดับนี้จะต้องสั่งขนมแพรด้วย และหลังจากแพรบอกน้องพราวว่าถึงบ้านทวีวัฒน์ภิรมย์แล้ว ก็ติดต่อแพรไม่ได้อีกเลย พี่หนูนาว่ามันน่าสงสัยมั้ยล่ะคะ” ศรัญภัทรากล่าวด้วยความตื่นเต้นและแอบขุ่นเคืองคนบ้านนั้น
“อืม มันก็จริงนะ แต่ว่าพราวจะเดินไปถามเขาโต้งๆ เลยหรือ”
“นั่นสิคะ พี่หนูนาว่า เราจะไปแบบไหนดี”
“ขอคิดก่อนก็แล้วกันนะน้องพราว เพราะอย่างที่รู้ๆ กันอยู่คนบ้านนั้นเขาไม่ธรรมดา หากเราไปถามเขาตรงๆ เขาจะว่าเขากล่าวหาเขาได้ หากเจอคุณอารีก็ดีไป เพราะคุณเขาไม่ถือตัวและจิตใจดี แต่หากไปเจอลูกชายเขาน้องพราวก็อาจะถูกมองว่าไปเสนอตัวให้เขาหรือ เขาอาจจะอยากได้น้องพราวไปเป็นของเล่นไฮโซ... เฮ้อ เป็นข่าวอีกล่ะทีนี้” พี่หนูนากล่าวอย่างกลัดกลุ้มไปด้วย ใบหน้าสวยเหมือนสตรีแท้ๆ นั้นยุ่งเหยิง...
ศรัญภัทราสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ เมื่อรถยนต์คันเล็กมาจอดนิ่งสนิทอยู่หน้าคฤหาสน์ทวีวัฒน์ภิรมย์ ดวงตากลมโตมองนิ่งไปที่ประตูอัลลอยด์ที่เปิดออกช้าๆ
“เชิญค่ะ คุณท่านบอกไว้ว่าคุณจะมา บอกให้พาคุณพราวไปรอที่ห้องรับรองก่อนนะคะ คุณท่านกำลังกลับจากโรงพยาบาลค่ะ” แม่บ้านวัยกลางคนผายมือเชิญเมื่อหญิงสาวจอดรถสนิท ใบหน้าของแม่บ้านพรายด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นหน้าดาราในดวงใจชัดๆ เมื่อมาส่งหญิงสาวถึงห้องรับรองอันโอ่อ่าหากแต่มีความเป็นส่วนสูงแล้วแม่บ้านคนนั้นก็รีบวิ่งเข้าไปหลังบ้านส่งข่าวให้บรรดาคนที่ทำงานอยู่ให้รับรู้ถึงการมาของนางเอกคนสวยด้วยความตื่นเต้น...
หญิงสาวมองตามร่างท้วมของแม่บ้านไปด้วยรอยยิ้มละไมที่นางให้การต้อนรับเธออย่างดี ศรัญภัทราถอนหายใจกวาดตามองห้องรับรองที่กว้างกว่าห้องนอนบ้านของเธอด้วยซ้ำ คฤหาสน์ใหญ่โตราวกับวังแต่ดูๆ ไปแล้วมันไม่น่าอยู่นักหรอกเพราะคงเหงาน่าดู เธอคิดแล้วเดินสำรวจห้องกว้างขวางซึ่งตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ราคาแพง แต่เรียบง่ายดูผ่อนคลาย ห้องๆ นี้มีหน้าต่างยาวจรดพื้นเชื่อมกับพื้นที่ระเบียงกว้างมองเห็นสวนหย่อมที่ได้รับการตกแต่งและดูแลอย่างดี และมีดอกไม้หลายชนิดกำกลังออกดอกงดงาม ศรัญภัทราเดินไปมองสวนงามตรงหน้าอย่างรู้สึกสดชื่นปลอดโปร่งขณะรอเจ้าของบ้าน...
ร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มซึ่งดูเหมือนจะเพิ่งตื่นนอนแต่อยู่ในชุดที่พร้อมจะไปทำงานในเวลาเกือบเที่ยงวันนั้นเดินเร็วๆ ลงบันใดมาแต่เมื่อกำลังจะเดินผ่านห้องรับรองของมารดาเขาก็ต้องชะงัก ใบหน้าเรียวหล่อเหลาฉายแววแปลกใจเพราะนานๆ ครั้ง มารดาจึงจะเปิดห้องห้องนี้รับแขก ซึ่งนั่นแสดงว่าเป็นแขกคนสำคัญมาก
“แขกสำคัญของคุณแม่เป็นใครนะ..” คิ้วหนาที่พาดยาวเหนือดวงตาใหญ่คมสีน้ำตาลทองนั้นขมวดมุ่น ริมฝีปากหยักสวยสีเข้มดูสุขภาพดีนั้นยกยิ้มอย่างรื่นเริงเมื่อคิดว่าจะเข้าไปกราบสวัสดีและรับรองแขกของคุณแม่ระหว่างที่ท่านกำลังเดินทางกลับจากโรงพยาบาลเพราะแพทย์ประจำตัวนัดคุณอารีรัตน์ไปตรวจวัดระดับน้ำตาลในเส้นเลือดนั่นเอง
เปรม ทวีวัฒน์ภิรมย์ ก้าวยาวๆ พาร่างสูง 187 เซนติเมตรตรงไปห้องรับรองทันที แต่เมื่อเท้าแข็งแรงก้าวเข้าไปก็ต้องชะงักเมื่อสายตาคมปะทะกับหญิงสาวร่างบอบบางซึ่งกำลังยืนชื่นชมสวนสวยของมารดาของตนอยู่ เรือนผมยาวสยายเงาระยับนั้นตรึงสายตาของเขาพอๆ กับเรียวขาขาวเนียนสลักเสลาที่พ้นขอบกระโปรงเข้ารูปสั้นเหนือเข่าลายดอกทิวลิปสดใส เธอมีเรียวขาที่สวยมาก สวยกว่าหญิงสาวที่เขาเคยควงเสียอีก ถ้าหากเรียวขาคู่นี้เกี่ยวรอบเอวสอบของเขาขณะอยู่ในห้วงพิศวาสจะเป็นเช่นไรนะ...คิดอย่างตื่นเต้นแค่เห็นเพียงแผ่นหลังของเธอก็ทำให้เขาร้อนได้ถึงเพียงนี้
“สวัสดีครับ...” เปรมกระแอมเบาๆ แล้วกล่าวทักทายเจ้าของเรียวขาสวย เธอสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันกลับมาตามเสียงของคนที่เข้ามาประชิดตัว
เมื่อสายตาทั้งสองคู่ปะทะกันก็เหมือนมีกระแสไฟหมื่นโวลต์แล่นซ่านในร่างกาย ริมฝีปากบางเคลือบสีชมพูระเรื่อเผยค้าง ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างตระหนกเล็กน้อยก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปรกติเมื่อเห็นสายตาเจ้าชู้พราวระยับส่งมาให้ แม้ชายหนุ่มตรงหน้าเธอจะแอบชื่นชมในใจว่าเขาหล่อเหลามากทีเดียว แต่สายตาเจ้าชู้ของเขานั้นศรัญภัทราเกลียดเสียนัก เธอเกลียดที่สุดก็คือคนเจ้าชู้
แต่ในขณะเดียวกันชายหนุ่มก็ตะลึงมองความงามของหญิงสาวตรงหน้าด้วยหัวใจเต้นโครมครามราวหนุ่มน้อยดวงตกลมโตดำขลับที่ไหวระริกนั้นราวตาลูกกวางระแวงภัยจากราชสีห์ผู้เร่าร้อน ริมฝีปากระเรื่อที่เผยอค้างอย่างตระหนกนั่นก็น่าฝากจุมพิตเสียจริง เปรมคิดอย่างคนที่ชอบผู้หญิงสวยๆ ประสาคาสโนว่าชื่อกระฉ่อน...
“หากคุณจะกรุณา ช่วยถอยห่างไปสักสองก้าวได้ไหมคะ” เสียงใสเอ่ยท้วงอย่างพยายามซ่อนความเคืองขุ่นเพราะเขาเข้ามาใกล้เธอเหลือเกิน ใกล้จนได้กลิ่นน้ำหอมที่เขาใช้
“โอ๊ะ ขอโทษทีผมแค่ลืมตัว เพราะเห็นผู้หญิงสวยๆ ทีไร หัวใจสั่นไหวทุกที เอ... ว่าแต่คุณหน้าตาคุ้นๆ นะครับ ไม่ทราบว่าเป็นดารารึเปล่า”
“ค่ะ” ศรัญภัทราตอบสั้นๆ แล้วเดินหลบร่างสูงเข้ามานั่งบนโซฟาตัวนุ่มแล้วเปิดนิตยสารดูเพื่อตัดบทสนทนา
เธอรู้จักเขา... บุตรชายคนเดียวของคุณอารีรัตน์แต่ก็ไม่ได้สนใจมากไปกว่าฟังข่าวซุบซิบที่บรรดาเพื่อนๆ นางแบบเล่าให้ฟัง หรือเห็นหน้าเขาผ่านๆ ทางหน้าหนังสือพิมพ์บันเทิง วันนี้เธอก็ไม่คิดว่าจะได้เจอกับเปรมผู้ชายที่ศรัญภัทราคิดว่าน่ากลัวคนหนึ่ง...
“ค่ะนี่คืออะไรครับ เป็นดารา หรือเป็นอะไร..” เขาเดินมาหยุดยืนค้ำร่างเล็กที่นั่งเปิดนิตยสารของมารดาดูอย่างไม่สนใจเขาเหมือนดารานางแบบทั่วๆ ไปที่คอยจะให้ท่าเขาแค่เขาชายตามองผู้หญิงเหล่านั้นก็พร้อมจะมานอนรอเขาบนเตียง น้ำเสียงนั้นฟังดูยั่วเย้า แต่ก็คล้ายๆ ว่าเย้ยหยัน
“ก็แล้วแต่จะคิดค่ะ ฉันรู้จักคุณ และรู้ว่าคุณเป็นอย่างไร แต่ความคิดของคุณที่ว่าฉันเข้ามาให้ท่าคุณถึงในบ้านนั้น คุณคิดผิดค่ะคุณเปรม..” ศรัญภัทราเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลาที่ยิ้มพรายอวดไรฟันขาวสะอาดอย่างนึกฉุนแล้วกล่าวออกไปอย่างไม่นึกรักษากริยา ก็สายตาวาวๆ และรอยยิ้มแบบนี้เธอเจอมานักต่อนัก รอยยิ้มที่มองเธอเหมือนสินค้า แววตาที่มองเธอราวโสเภณี ผู้ชายตรงหน้านี้ก็เช่นกัน...
“คุณเข้าใจอะไรง่ายดีนี่ แล้วที่มานี่หากไม่ได้มาอ่อยผม คุณมาทำอะไรล่ะศรัญภัทรา” เปรมเอ่ยชื่อเธอออกมาเมื่อนึกได้ว่าดาราสาวคนนี้ชื่ออะไร ก็เพราะไม่กี่วันมานี้เบนจามินเพื่อนรักของเขามาปรึกษาเรื่องจะจ้างพี่เลี้ยงพิเศษให้น้องแองจี้ รูปของเธอจึงคุ้นตาเขา จะว่าไปเขาติดใจหญิงสาวตั้งแต่เห็นรูปเธอชัดๆ จากเบนจามิน และมารู้อีกทีว่าศรัญภัทราก็เป็นพรีเซนเตอร์ให้เบสบราวส์ฟู้ดแล้ว นี่เขามัวไปอยู่ไหนนะถึงได้เพิ่งรู้จักเธอ...
“ฉันมาพบคุณแม่ของคุณค่ะ ไม่ใช่คุณแน่นอน”
“วันนี้คุณแม่ไปเจาะเลือดที่โรงพยาบาลน่าจะกลับมาสักบ่ายๆ คุณมีอะไรคุยกับผมก็ได้”
“ฉันรอได้ค่ะ.. ขอบคุณ” ศรัญภัทราสะบัดหน้าหนีดวงตาวาวๆ นั้นอย่างนึกอยากเอานิ้วทิ่มให้หายขุ่นใจ ไม่รู้เพราะอะไรทั้งๆ ที่เธอคิดว่าไม่ชอบเขา แต่หัวใจกลับเต้นแรงเมื่อสบดวงตาคมเสียนี่ บ้าไปแล้วน้องพราว... หญิงสาวคิดต่อว่าตนเอง
“ผมว่าที่แท้คุณก็อยากมาหาผมนั่นล่ะ สาวๆ อย่างคุณจะอยากพบคนสูงวัยเหมือนคุณแม่ผม คงเป็นไปไม่ได้ แต่ใช้คุณแม่ของผมมาอ้างมากกว่า”
“เอ๊ะ นี่คุณ จะมากไปแล้วนะ ถึงแม้คุณจะเป็นลูกชายเจ้าของบ้าน คุณก็ไม่มีสิทธิ์มากล่าวหาแขกของคุณแม่คุณแบบนี้... อีกอย่างนะคะคุณเปรม ผู้ชายอย่างคุณฉันไม่แลให้เสียเวลาหรอกค่ะ” หญิงสาวเชิดหน้าตอบด้วยน้ำเสียงเหยียดๆ ซึ่งมันทำให้เปรมไม่พอใจนัก ตั้งแต่เกิดมาเขาเพียบพร้อมทุกอย่าง ไม่มีผู้หญิงคนไหนไม่สนใจเขาและไม่มีผู้หญิงคนไหนที่เขาอยากได้แล้วไม่ได้
ตอนนี้เขาก็อยากได้ดาราสาวสวยคนนี้เสียแล้วสิ อยากรู้นักว่าลีลาเธอจะเด็ดเหมือนปากที่พูดฉอดๆ หรือไม่ แต่ดูท่าทางเธอจะมีลูกล่อลูกชนน่าดู ไม่วายที่เขาจะกล่าวหาเธอในใจ
“แน่ใจหรือว่าไม่สนใจผม ไม่ใช่แอบใจเต้นรัวเพราะตื่นเต้นที่ได้พบผมหรอกหรือ”
“นี่คุณ...” ศรัญภัทราหน้าแดงก่ำ ทั้งโกรธที่เขาพูดเหมือนมานั่งในใจเธอ และโกรธตนเองที่เป็นอย่างเขาพูด ในขณะที่เปรมรู้สึกพอใจกับใบหน้าสวยแดงก่ำ...
ยั่วขึ้นเสียด้วย.. ชายหนุ่มนึกสนุกที่ได้ต่อปากต่อคำกับเธอไม่คิดโกรธเคืองหญิงสาวสักนิด เขารู้สึกว่าเธอทำให้ชีวิตเขามีสีสันขึ้นกว่าเดิม แต่เปรมไม่รู้หรอกว่า นอกจากเธอจะทำให้ชีวิตเขามีสีสันแล้ว ความวุ่นวายมากมายจะตามมาอีกเป็นพรวนเลยทีเดียว…
“เอาเป็นว่าฉันกลับดีกว่าพรุ่งนี้ฉันจะมาใหม่ ลาก่อนนะคะ”
“อ้าวคุณ นัดผู้ใหญ่ไว้แล้วไม่รอนี่เสียมารยาทนะครับ”
“เรื่องของฉัน ฉันจะโทร. มาเรียนคุณท่านเองว่า เจอคนบ้ากามมาก่อกวนเลยขอกลับก่อนเพราะทนไม่ไหว”
“แหม คนบ้ากามคนนั้นคงหล่อเหลาน่าดูนะครับ” เปรมยั่วอารมณ์หญิงสาวให้กรุ่นมากขึ้น เพราะชอบใจที่เห็นแก้มแดงๆ ยามโกรธของเธอ ซึ่งเปรมก็แปลกใจตนเองเหมือนกันว่า เขาชอบผู้หญิงกำลังโกรธได้อย่างไร สำหรับเขาผู้หญิงก็แค่มีไว้ควงและสนุกบนเตียงเท่านั้น และเขาก็เกลียดที่สุดหากผู้หญิงพวกนั้นมาทำโกรธเคืองหึงหวงตน
“ลาก่อนค่ะ..” หญิงสาวสะบัดหน้าแล้วจะก้าวผ่านร่างสูง แต่แล้วเธอต้องหวีดร้องอย่างตกใจสุดขีดเมื่อร่างบางลอยหวือเข้าสู่อกแกร่งพร้อมกับวงแขนแข็งแรงรัดร่างบางของตนแน่นแนบไปกับกายสูงใหญ่นั้น
“ว้าย... คุณจะทำอะไร ปล่อยนะ”
“ก็ผมอยากจะเป็นคนบ้ากามพอดี”
“คนบ้า ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ หยาบคายที่สุด ฉันเป็นแขกของคุณแม่คุณนะ” หญิงสาวพยายามดิ้นออกจากอ้อมแขนแกร่งแต่ยิ่งดิ้นก็เหมือนเขากระชับวงแขนแน่นขึ้น ศรัญภัทราหน้าเสียใจสั่นมากขึ้น ทั้งกลัวและโกรธ แต่คนตัวโตที่กอดเธออยู่นั้นกลับยิ้มร่าอย่างน่าตบเป็นที่สุด
“ผมแค่อยากจะต้อนรับแขกพิเศษของคุณแม่แบบพิเศษหน่อยก็เท่านั้น..” เขาพูดชิดแก้มนวลแดงปลั่ง ริมฝีปากระเรื่อที่เขาคิดอยากจะประทับจุมพิตลงไปนั้นสั่นระริกจนเห็นได้ชัด ดวงตากลมโตนั้นมองเขาอย่างหวาดระวังจนเขานึกสงสัยว่าเขาเหมือนพวกบ้ากามอย่างที่เธอกล่าวหาขนาดนั้นเชียวหรือ
“ต้อนรับบ้าๆ แบบนี้ฉันไม่ขอรับ ปล่อยนะ” แต่แทนที่เปรมจะปล่อยร่างที่ดิ้นเร่าอยู่ในอ้อมแขน ชายหนุ่มกลับโน้มใบหน้าหล่อเหลาลงมาใกล้จนหญิงสาวอยากจะเบนหน้าหนีแต่ก็ทำไม่ได้เมื่อเขาตรึงศีรษะเธอไว้ ศรัญภัทราเงยหน้ามองคนที่กระทำอุกอาจกับเธออย่างฉุนโกรธ แต่ต้องตกใจมากขึ้นเมื่อใบหน้าของเขาโฉบเข้ามาใกล้จนเธอตาพร่า แล้วความรู้สึกว่าริมฝีปากที่จะเอ่ยต่อว่าเขานั้นร้อนวาบจนเธอสะท้านไปทั้งตัว
เหมือนโลกทั้งโลกหยุดหมุนและทั้งโลกถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็ง... ศรัญภัทรายืนนิ่งงันเมื่อถูกริมฝีปากร้อนผ่าวของเปรมประทับลงมาอย่างถนัดถนี่ ความหวามไหวอย่างที่ไม่เคยพบเจอในชีวิตแล่นซ่านไปทั้งกายเมื่อลิ้นร้อนผ่าวของเขาเกี่ยวรัดดูดดื่มเรียวลิ้นเล็กอย่างเร่าร้อนด้วยลีลาของผู้ช่ำชองในเกมรัก มือหนาเลื่อนไปโอบเอวบางรั้งร่างงามให้ชิดกับกายแกร่งของตนมากขึ้น จนสัมผัสได้ถึงความนุ่มหยุ่นของทรวงสาวที่เบียดอกกว้างอย่างที่เจ้าตัวไม่อาจจะขัดขืน ศรัญภัทราหลงเพริดไปกับจุมพิตล่อลวง ริมฝีปากเจนจัดเจนเชยชิมซอกซอนหาความหวานละมุนจรกโพรงปากสาวจนพอใจ จึงค่อยๆ ถอนริมฝีปากออกอย่างเสียดาย...
หญิงสาวเซน้อยๆ เมื่อชายหนุ่มคลายวงแขนออก หากแต่ยังไม่ถอยห่างร่างสาวที่แทบจะสิ้นไร้เรี่ยวแรงจากจุมพิตเร่าร้อน...
“คนเลว... ฉันเกลียดคุณ” หญิงสาวเช็ดริมฝีปากอย่างฉุนเฉียวแล้วถอยห่างจากร่างสูงทันทีที่สติกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัว ตอนนี้ศรัญภัทราไม่กล้าเข้าใกล้เขา ทั้งๆ ที่ในใจอยากจะชกใบหน้าหล่อเหลานั้นเต็มกำลัง หากเธอได้มีเวลาตั้งตัว ผู้ชายบ้ากามคนนี้ไม่มีโอกาสได้แตะต้องเธอแม้แต่ปลายเล็บ
“เหรอครับคุณนางแบบคนสวย แต่แหม... จูบของคนที่เกลียดกันนี่หวานน่าดู”
“คุณ...” ศรัญภัทราเต้นเร่ากำมือแน่นด้วยความโกรธ แม้ในใจจะยังสั่นไหวกับจุมพิตเร่าร้อนของเขา
“อ้าว หนูพราว มานานแล้วหรือจ๊ะ...” ไม่ทันที่หนุ่มสาวจะได้โต้ตอบอะไรกัน เสียงของคุณอารีรัตน์ก็ดังขึ้น เหมือนระฆังที่ยุติการปะทะกันของหนุ่มสาว...
“สวัสดีค่ะคุณท่าน..” หญิงสาวไหว้ผู้สูงวัยด้วยกริยานอบน้อมน่าเอ็นดูนัก คุณอารีรัตน์มองหญิงสาวตรงหน้าอย่างชื่นชม พลางหันไปมองบุตรชายอย่างสงสัยที่เปรมมาอยู่ในห้องนี้ แต่ผู้เป็นบุตรชายกลับมองนางแบบสาวนิ่งด้วยแววตาอ่านไม่ออก ในขณะที่ศรัญภัทราไม่หันไปมองเปรมเลยสักนิด
“หนูพราวมาถึงนานแล้วหรือจ๊ะ ขอโทษทีนะ ที่ป้ามาช้ากว่าเวลานัดเพราะเกิดอุบัติเหตุรถชนกันระหว่างทาง รถจึงติดเหลือเกิน...” คุณอารีรัตน์ยิ้มให้นางแบบสาวอย่างอ่อนโยน
“ไม่เป็นไรค่ะคุณท่าน น้องพราวก็เพิ่งมาถึงสักครู่นี่เอง”
“แล้วเราล่ะเปรม ไหนว่าวันนี้จะเข้าบริษัท มายืนอยู่ทำไมในห้องนี้ หรือมาขอลายเซ็นหนูพราว”
“ครับ ผมว่าจะมาขอลายเซ็นนางแบบ และนางเอกคนดังแต่พอดีคุณแม่มาพอดีเลยยังไม่ได้ขอ... เอาเป็นว่าผมฝากคุณแม่จัดการให้ก็แล้วกันนะครับ ไปนะครับน้องพราว” เขาเรียกเธอด้วยชื่อเล่นอย่างสนิทสนมแววตาวิบวับอย่างน่าหมั่นไส้ หญิงสาวขบริมฝีปากมองเขาตาเขียวที่เขาเรียกชื่อเธออย่างคนสนิทเรียก
“ไปเถอะจ้ะ พ่อคุณ ขอบใจนะจ๊ะที่มาดูแลแขกของแม่อย่างดี...” นางประชดบุตรชายที่หันมาส่งยิ้มให้ก่อนร่างสูงจะเดินออกไป นางจึงหันมาหานางแบบสาวแล้วคุยธุระที่ศรัญภัทราแจ้งไว้ก่อนมาพบ…
“กุ้ง... กุ้ง” เปรมร้องเรียกสาวใช้ร่างท้วมซึ่งเขารู้ดีว่างานที่เขาจะให้เธอทำนั้นต้องสำเร็จแน่นอน ไม่นาน กุ้งสาวใช้จากพื้นที่ราบสูงก็วิ่งตุ๊ต๊ะมาหานายหนุ่ม
“ขา คุณเปรม”
“ฉันมีเรื่องให้กุ้งทำสักหน่อย...”
“ว่ามาเลยค่า คุณเปรม”
“ดี... เอ้านี่ค่าจ้าง แล้วเย็นนี้ฉันจะมาฟังว่าเธอทำงานดี และละเอียดแค่ไหน หากได้มาละเอียด ยิ่งจะได้ค่าจ้างเพิ่ม...” ชายหนุ่มยื่นแบงก์สีเทาๆ ให้สาวใช้สองใบ บอกสิ่งที่กุ้งจะทำแล้วเดินออกไปทำงานอย่างอารมณ์ดี...
