บทนำ
รักนี้ที่สิเน่หา | นันท์นภัส
© สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติ พ.ศ.2537
ไม่อนุญาตให้สแกนหนังสือหรือคัดลอกเนื้อหาส่วนใดส่วนหนึ่งของหนังสือ
เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์หนังสือเท่านั้น
ชื่อหนังสือ รักนี้ที่สิเน่หา
ชื่อนักเขียน นันท์นภัส
จำนวนหน้า 369 หน้า
พิสูจน์อักษร ธัญลักษณ์ สกะมณี
ออกแบบปก Chinjung
จัดรูปแบบ Chaniyanan
จัดทำโดย Ladylove By ชินณิตา นันท์นภัส
https://www.facebook.com/ChinnitaNannapat
----------------------------------------------------------------------
บทนำ
ภายในพื้นที่เกือบสิบไร่ของสวนส้ม ‘ปานฤทัย’ ในวันที่ฝนหลงฤดูตกหนักขึ้นมา เพราะสภาพความกดอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปของภาวะโลกที่ไม่เหมือนเดิม
ร่างในชุดลำลองสบายๆ เดินถือซองจดหมายที่เก็บมาจากตู้ไปรษณีย์เมื่อช่วงเช้านำมาให้คนที่นั่งเอนพิงเก้าอี้ที่ปรับเอนนอนได้ แต่ระหว่างที่เดินมาก็ไม่วายดูหน้าซองไปด้วยแล้วก็รู้สึกแปลกใจอย่างมาก เพราะมันเป็นภาษาญี่ปุ่นที่แทบจะเรียกได้ว่า บ้านหลังนี้ไม่เคยได้รับจดหมายจากใครก็ตามที่อยู่ที่ญี่ปุ่นเลยแม้แต่ครั้งเดียว
“พ่อคะ จดหมายจากญี่ปุ่นค่ะ...”
หญิงสาวผู้มีใบหน้าสวยหวานเดินนำมาให้ ใบหน้าของหล่อนเค้าของทั้งพ่อและแม่ที่นั่งอยู่ ดวงตากลมโตถอดมาจากแม่ แต่คิ้วและจมูกที่ไปเหมือนพ่อที่เพื่อนหลายคนบอกว่าหล่อนหน้ากระเดียดไปทางญี่ปุ่นมากกว่าคนไทย และมันก็ไม่ผิดหรอกในเมื่อหล่อนเป็นลูกของพ่อที่เป็นคนญี่ปุ่นแท้กับลูกของแม่ที่เป็นคนไทยแท้เหมือนกัน
หล่อนคือโฮชิโนะ เท็นเนียวหรือดาวน้ำฟ้าของแม่แต่เป็นนางฟ้าจากดวงดาวของพ่อ ตามชื่อที่ถูกตั้งให้มาตั้งแต่เกิด โฮชิโนะ เท็นเนียวที่แปลว่านางฟ้าจากดวงดาว
“ไหนเอามาดูสิลูก...”
โฮชิโนะ วาตารุหรือในชื่อภาษาไทยที่คนแถวบ้านเรียกกันคือ ลุงสัญชัย ยื่นมือมารับจดหมายไปจากลูกสาวด้วยใบหน้าที่แปลกใจปนเปไปพร้อมกับความไม่สบายใจเล็กๆ ที่เกิดขึ้น แล้วเขาก็ต้องชะงักเมื่อเห็นชื่อและที่อยู่จากผู้ส่ง
山口虎
Sapporo-shi,
Hokkaido,〒060-8611, Japan
คนเป็นลูกสาวที่เพิ่งยื่นซองจดหมายให้นิ่วหน้าทันทีเมื่อเห็นอาการของผู้เป็นพ่อที่แปลกไป หล่อนหันมองแม่ที่นั่งอยู่ด้วยคล้ายอยากจะถามแต่ก็ต้องเงียบไปเมื่อพ่อเปิดจดหมายออกอ่าน และหลายนาทีต่อมาสีหน้าที่หนักใจพร้อมกับเสียงถอนหายใจก็ดังมาจากคนเป็นพ่อ
“พ่อต้องกลับญี่ปุ่น...”
“ว่าไงนะคะ!”
เสียงร้องของหล่อนนำพามาซึ่งความตกใจและความหนักใจของมารดาที่นั่งอยู่ด้วย ท่านรู้ดีว่าวันนี้อาจจะมาถึงในสักวันหนึ่ง วันที่สามีต้องกลับไปรับใช้นายใหญ่ตามที่ได้สัญญาไว้ รวมทั้งมันคงถึงเวลาแล้วที่ดาวน้ำฟ้าจะต้องรู้ความจริงข้อหนึ่งว่า ไม่มีใครเอาชนะความต้องการของนายใหญ่ได้
คุณปานฤทัยมองสามีอยู่ชั่วอึดใจหนึ่งแล้วจึงตัดสินใจบอกความจริงบางประการกับลูกสาวที่ไม่เคยรู้เรื่องมาตลอด เพราะท่านทั้งสองแค่อยากให้ลูกสาวได้มีความสุขในฐานะที่มีท่านเป็นแค่พ่อแม่ เป็นแค่ชาวสวน เป็นแค่คนธรรมดาเท่านั้น
“ดาว ฟังแม่นะลูก...พ่อของหนูรับใช้ยามากุจิ โทระ ผู้ปกครองบ้านใหญ่ของยามากุจิ แล้วก่อนที่พ่อจะมาแต่งงานกับแม่ พ่อได้ขอเอาไว้ว่า ‘ถ้าวันใดบ้านใหญ่ต้องการตัวเขา เขาจะกลับไปรับใช้ทันที แต่ตอนนี้เขาจะขอใช้ชีวิตกับแม่ในฐานะสามีภรรยาจนกว่าเวลานั้นจะมาถึง’ และตอนนี้บ้านใหญ่ก็ต้องการตัวพ่อกลับไป”
“แต่พรุ่งนี้พ่อต้องเขาผ่าตัดบายพาสหัวใจนะคะ!”
“พ่อคงต้องยกเลิก”
“ไม่ได้นะคะพ่อ” ดาวน้ำฟ้าร้องเสียงหลง “หนูไม่ให้พ่อยกเลิกเรื่องการทำบายพาสแน่นอน หมอเองก็บอกแล้วเหมือนกันว่าพ่อต้องทำบายพาส”
“แต่พ่อต้องกลับไปหาบ้านใหญ่!”
วาตารุหรือสัญชัยพยายามบอกลูกสาวด้วยความใจเย็นที่สุด ทั้งที่ในอกนั้นร้อนรุ่มเหมือนดั่งไฟที่กำลังแผดเผา เมื่อความลับอีกข้อที่เขาไม่เคยบอกลูกสาวเลยมันกำลังฆ่าเขาทีละน้อยๆ แต่เขายังไม่สามารถบอกความจริงทั้งหมดได้ในตอนนี้
“หนูไม่ให้พ่อกลับญี่ปุ่น จนกว่าพ่อจะทำบายพาสแล้วพักฟื้นจนอาการดีขึ้นแล้วเท่านั้น หนูไม่รู้หรอกนะคะว่าบ้านใหญ่จะเป็นยังไง หรือพ่อจะถือสัจจะยังไง แต่หนูรักพ่อ หนูห่วงพ่อ...”
“ยังไงพ่อก็ต้องกลับ...”
“แต่ไม่ใช่ตอนนี้ค่ะ”
“ไม่ได้...บ้านใหญ่ต้องการตัวแล้ว พ่อต้องกลับไปทันที ต้องกลับทันที ไม่อย่างนั้นแล้วบ้านใหญ่จะไม่ให้อภัยพ่อแน่ๆ...ท่านต้องไม่ให้อภัยพ่อแน่...”
วาตารุพึมพำด้วยน้ำเสียงที่เลื่อนลอยมากขึ้น สองแม่ลูกที่ได้ยินเสียงก็เริ่มเอะใจ แต่กว่าจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร คนเป็นเสาหลักของครอบครัวก็คอพับไปทันทีพร้อมกับเสียงร้องด้วยความตกใจของคนที่อยู่ด้วยกัน
“คุณคะ!”
“พ่อ!”
เสียงร้องของสองแม่ลูกดังขึ้นพร้อมกัน พร้อมๆ กับที่จดหมายในมือของวาตารุร่วงลงสู่พื้น เนื้อหาในจดหมายเป็นลายมือภาษาญี่ปุ่นที่ผู้อ่านเท่านั้นจึงเข้าใจว่ามันคือ คำที่เรียกตัวกลับไป
เมื่อใดซากุระร่วงหล่นสู่พื้นพสุธา พยัคฆ์กร้าวจะลงสู่บัลลังก์
เมื่อใดคมดาบหันต้องแสงสุริยัน
เมื่อนั้นมังกรจะผงาดขึ้นเหนือ...ยามากุจิ
