ตอนที่ 5 สามีผู้นี้ข้าจะปกป้องและดูแลอย่างดี 1
ในขณะที่ประตูหน้าร้าน
ไป๋เล่อชิงยังคงถูกไป๋หลินเย้ยหยัน
“ดูเถิด พี่แค่ออกมาร้านผ้าเท่านั้น แต่ท่านพี่กลับไม่วางใจให้มาคนเดียว มิรู้ว่าห่วงใยอันใดหนักหนา”
พูดจบก็ยกชายผ้าปิดปากหัวเราะคิกคักมีความสุข เยาะเย้นเหยียดหยันเต็มที่
ลูกไม้ตื้นเขินหาได้แพรวพราวน่ากังวลไม่ เฮอะ!
ไป๋เล่อชิงลอบกลอกตาเอือมระอาตลบหนึ่งก่อนว่า “เช่นนั้น ข้าไปทักทายเขาหน่อยเป็นไร ไม่เจอกันนาน คิดถึงมาก”
เท่านั้นล่ะ ไป๋หลินพลันสะดุดกึก รอยยิ้มเย้ยหุบฉับ “ไม่ดีกระมัง?”
ไป๋เล่อชิงทำตาโต “ไม่ดีรึ? ถึงอย่างไรนั่นก็พี่เขย ญาติสนิทมิตรสหาย อา...ชวนเขาไปร่ำสุราด้วยกันดีกว่า”
ว่าแล้วก็ทำท่าจะเดินไปหาฉางเฟิงอย่างโจ่งแจ้ง แสดงออกว่าต้องการคนเขาไประลึกความหลัง
ไป๋หลินตกใจ รีบรั้งชายเสื้อของไป๋เล่อชิงเอาไว้ ดวงตาเผยแววหึงหวงจนลนลานด้วยเกรงว่าจะถูกแย่งคืน
“ไม่นะ น้องหญิง”
ไป๋เล่อชิงแอบยิ้มสะใจ
นางไม่คิดไปหาฉางเฟิงจริงๆ เสียหน่อย
บุรุษเช่นนั้นนางไม่มีทางแย่งคืนหรอก ใครอยากได้ก็เอาไปเถอะ!
แต่ปากว่า “พี่หญิงใหญ่ ปล่อยข้า”
“ไม่”
หน้าประตูร้านอาภรณ์สองพี่น้องยื้อยุดกันเล็กน้อย ฝ่ายฉางเฟิงเองก็มองไป๋เล่อชิงตาละห้อย แม้ได้ครองคนพี่แต่ก็นึกเสียดายคนน้องไม่น้อย
กลับมาที่ไป๋หลิน
นางให้รู้สึกขุ่นเคืองเสียจนเก็บอารมณ์เอาไว้ไม่อยู่ จึงไม่คิดรักษาภาพลักษณ์สกุลว่าพี่น้องรักใคร่ให้เกียรติต่อธารกำนัลอีกต่อไป นางยิ้มเย้ยเกทับอีกว่า
“สามีของข้าสง่างามผึ่งผายมองปราดเดียวก็รู้ว่าเฉลียวฉลาดเกินใคร ไม่เหมือน...”
ท้ายประโยคนางก้มหน้ามาชิดแล้วกระซิบเสียงเหยียดให้ได้ยินเพียงพวกนาง “ไม่เหมือนสามีของเจ้าทั้งทึมทื่อบื้อใบ้ มิรู้ว่าโง่เขลาปานใด”
วาจาหยันเช่นนั้นพลันทำเอาประกายในดวงตาของไป๋เล่อชิงลุกวาบทันใด
สามีข้าไม่โง่เสียหน่อย เขาแค่หยิ่งยโสพูดน้อย แต่คมในฝัก ฉลาดล้ำจะตาย
ได้แต่คิด เพราะนางไม่มีทางพูดโอ้อวดให้สตรีชั่วเฉกพี่สาวคนนี้ฟังแน่นอน
ประเดี๋ยวอีกฝ่ายหาเรื่องหย่าสามีอย่างฉางเฟิงแล้วมาแย่งสามีของนาง
ไม่ดีแน่!
อู๋หมิงไม่ควรต้องเดือดร้อนปานนั้น
ไป๋เล่อชิงจึงไม่โต้เถียงแล้ว ทำเพียงเม้มปากเบิกตา
ไป๋หลินมีหรือจะรู้ความนัย เห็นน้องสาวเงียบไปก็สะใจนัก! นางพูดจาโอ้อวดต่อเนื่องว่า “ท่านพี่ฉางได้ซิ่วไฉยังต้องเตรียมตัวสอบจวี่เหรินไม่แน่ว่าอาจได้จิ้นซื่อเร็วๆนี้เพื่อภรรยาเช่นข้า ภายหน้าเขายังต้องเหน็ดเหนื่อยอีกมาก น้องพี่เจ้าน่ะจะไปรบกวนเขาเช่นเมื่อก่อนไม่ได้อีกเด็ดขาด เอาเวลาไปดูแลสามีของเจ้าดีกว่านะ เห็นว่าทำงานรับจ้างแลกค่าแรงอันน้อยนิดไปวันๆ ไม่คิดอ่านตำราเสาะหาลู่ทางให้ตัวเองได้เข้าสอบบ้างหรือไร? ไฉนไม่คิดก้าวหน้าเพื่อคนในครอบครัวบ้างหนอ ท่าทางจืดชืดยังปัญญาทึบ ชีวิตมืดมัวไม่สดใส ช่างน่าสังเวชเสียนี่กระไร”
เมื่อได้ฟังวาจาหยาบคายลามปามเกินขอบเขตยากให้อภัยเช่นนั้น ไป๋เล่อชิงพลันค้อนขวับเริ่มมีโทสะแล้ว นางปรารถนาเพียงสามีธรรมดา ไม่ต้องการขุนนางใหญ่อันใดทั้งนั้น ไม่ต้องมายุแยงตะแคงรั่วเลยนะ!
พี่สาวผู้นี้รูปลักษณ์สะสวยชดช้อยก็จริง แต่มักมีคำด่าทอตามอำเภอใจเสมอ ปากสกปรกยิ่งกว่าน้ำเน่า ไป๋เล่อชิงชินชาตลอดมา ทว่าวันนี้ผู้ถูกด่าคือสามีเชียวนะ
หญิงสาวกำหมัดเชิดหน้าทำท่าตอกกลับพี่สาวเพื่อปกป้องสามี พลันได้ยินพี่สาวกล่าวเสียงเหยียดเบาๆ แต่เย็นเยียบว่า
“จุ๊ๆ ดูเจ้าสิ ไม่พอใจเสียแล้ว อยากด่าข้าหรือ ต้องการงัดข้อกับข้ากระมัง เอาสิ กล้าหรือไม่? นังลูกอนุ!”
ไป๋เล่อชิงสูดลมหายใจกัดฟันกรอดกระซิบกลับว่า “ใช่แล้ว ข้าก็เป็นแค่ลูกภรรยารองนี่นา คงไม่กล้าเสียเวลาอันมีค่ามาคอยหาเรื่องลูกของนายหญิงผู้ยิ่งใหญ่หรอกนะ คนปกติที่มีจิตสำนึก ย่อมมีศักดิ์ศรีมากพอ เขาไม่ทำกัน ข้าเองก็ไม่ใช่พวกไร้สมอง จรรยาต่ำ ศีลธรรมไม่มีเสียด้วย ข้าไม่กล้างัดข้อกับคนอย่างพี่หญิงหรอก เสียเวลา ไม่คุ้ม”
“เจ้า!” ไป๋หลินหน้าชาทันใด วาจานี้ไยมิใช่ด่านาง ว่าเหมือนพวกไร้อารยะ ทำตัวไร้ค่าไร้ศักดิ์ศรี ทำตัวถ่อย ชอบเสียเวลาหาเรื่องคนไม่มีทางสู้หรือไร
