บท
ตั้งค่า

ตอนที่4

“บางที...”

เสียงบอกเล่ากลับมาปกติ หลังจากเจ้าตัวนิ่งไปอึดใจ เรียกความเข้มแข็งกลับมาคืนมาได้แล้ว

“อาจเป็นเพราะสิ่งที่นิลขอ อยู่เหนือกำลังความสามารถ ที่แม้แต่เทพ เทวดา นางฟ้าของชาติใดๆ ก็ดลบันดาลให้ไม่ได้ นิลก็เลยไม่เคยสมหวัง”

“เอ็งขออะไรล่ะ”

จำได้ที่ถามออกไป ด้วยความเวทนา สงสาร ในเด็กสาววัยเพียงสิบแปด ย่างสิบเก้า ที่เขาต้องชะตาแต่แรกพบ เมื่อมันสะพายย่ามใบโตๆ เข้ามาสมัครงานในตำแหน่งนักข่าว ด้วยคุณวุฒิอนุปริญญา ภาคค่ำ จากมหาวิทยาลัยราชภัฏ ซึ่งก็คือวิทยาลัยครูเดิม ย่านบางเขน

“นิลขอ...ขอให้ได้อยู่ในอ้อมกอด... ของแม่ สักครั้งหนึ่ง ในชีวิต เท่านั้นเองเฮีย”

“ตกลงเฮียจะให้นิลไปตามข่าวอะไรล่ะ? ว่ามาซะทีสิ หรือว่าเปลี่ยนใจ นึกเสียดายไอ้ค่าต่างๆที่เผลออนุมัติให้เบิกได้เต็มพิกัดขึ้นมา”

“ก็เอ็งมัวแต่ต่อรอง ขอนู่น ขอนี่ มันจะไปเข้าเรื่องได้ยังไงล่ะวะ”

“เอา เอา... ไม่ขออะไรแล้ว เชิญอาเฮียที่รักและเคารพว่ามาได้เลย อ้อ เดี๋ยว ขออีกอย่างเดียว...”

“ไม่ให้โว๊ย!”

รีบปฏิเสธไว้ก่อน แม้จะยังไม่รู้ว่าไอ้ตัวแสบมันจะขออะไรจากเขาอีก

ไม่ได้หรอก ไอ้นี่ เผลอๆ เขาจะหมดตัวเพราะมันนี่แหละ

“แหม! ยังไม่รู้เลยว่านิลจะขออะไร อีกอย่างเดียวที่ว่า รีบปฏิเสธซะละ”

“ตกลงเอ็งพร้อมจะฟังเกี่ยวกับงานที่ข้าจะมอบหมายให้เอ็งไปทำหรือยังวะ?”

“พร้อม... นิลน่ะพร้อมแต่ปีมะโว้ ตั้งแต่เฮียอ้าปากให้เห็นลิ้นไก่น่ะแหละ ฟัง...ฟังแล้วจ้าอาเฮียจ๋า นิลฟังแล้ว”

“ข้าอยากได้รายละเอียดเกี่ยวกับบุคคลหนึ่ง” ปฏิยุทธ์เริ่ม “โดยเฉพาะโครงการธุรกิจที่เกี่ยวโยงถึงสามสี่ประเทศที่มีข่าวว่าจะมีขึ้นเร็วๆนี้”

ท่าทีก่อกวนแปรเปลี่ยนไปทันที สีหน้า แววตาของนักข่าวสาวบอกให้รู้ว่า มันเริ่มสวมวิญญาณนักหนังสือพิมพ์มืออาชีพ ณ บัดนี้

“ใคร”

มนิลาถามคำเดียว

“ชื่อพ่อเลี้ยงทรงบุญ ... กับธุรกิจท่องเที่ยวล่องเรือสำราญในแม่น้ำโขง”

เจ้านาย-ลูกน้อง มองตากัน ก่อนผู้เป็นนายจะกล่าวต่อ

“อย่างที่รู้ แม่น้ำโขงมีความยาวถึงสองพันหกร้อยไมล์ เป็นแม่น้ำสายยาวที่สุด และสำคัญที่สุดในคาบสมุทรอินโดจีน ... ต้นน้ำเกิดจากเทือกเขาตังลาทางทิศตะวันออกของที่ราบสูงทิเบต แล้วไหลลงมาทางใต้ ผ่านพม่า ไทย ลาว กัมพูชา ลงสู่ทะเลจีนใต้ที่บริเวณดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงใกล้เมืองไซ่ง่อนของประเทศเวียดนาม ... ที่จะลืมเสียไม่ได้ บางตอนของแม่น้ำโขง ยังเป็นเส้นกั้นพรมแดนระหว่างประเทศ และเป็นเส้นทางลำเลียงสินค้าผิดกฎหมายที่เลื่องชื่อ”

ปฏิยุทธ์มองใบหน้าออกรูปหัวใจกรายๆ ผิวสีน้ำตาลทรายรำ

“เวลานี้ การเมืองในประเทศแถบนี้อยู่ในจุดเปลี่ยน บางประเทศถึงขั้นถึงคราวถ่ายโอนอำนาจ อย่างพม่าก็อยู่ช่วงจะมีการเลือกตั้ง แบบเสรีประชาธิปไตย ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นได้จริงหรือเปล่า”

เขากล่าวต่อไปเรื่อยๆ เมื่อไม่มีการขัดจังหวะ

“แต่ยังไง ช่วงรัฐบาลพม่ามัวหาเสียง เตรียมการเลือกตั้ง พวกพ่อค้ายา ค้าอาวุธ ค้าคน ก็คงจะจะฉวยโอกาสเจ้าหน้าที่กำลังมัววุ่นหาประโยชน์เต็มที่...โครงการล่องเรือสำราญไปตามลำน้ำโขงของพ่อเลี้ยงทรงบุญ ถูกจับมาเป็นประเด็น ก็เพราะ มันน่าสงสัยว่า เหตุใด พ่อเลี้ยงทรงบุญถึงได้คิดโปรเจคนี้ขึ้นมาในช่วงเวลาอย่างนี้ แล้วยังเป็นที่น่าสังเกตว่า เส้นทางการล่องเรือ มีจุดเริ่มต้นที่ไทยจะไปสิ้นสุดลงที่บริเวณรอยต่อของ สามประเทศ จีน- พม่า- ลาว หรือจะเรียกว่าสามเหลี่ยมทองคำแห่งที่สองก็ได้ อย่างพอดิบพอดี และดูเหมือนว่าทางพม่ากับลาว จีน จะอนุญาตให้ผ่านน่านน้ำของได้”

ตาดำโต ไม่ได้มองเขา แต่หลุบมองแผ่นกระดาษเปล่าหยิบมาจากมุมโต๊ะ ที่มือเรียวๆ กำลังลากเส้นยาวลงมา แต่ปฏิยุทธ์ก็รู้ว่าอีกฝ่ายตั้งใจฟังเขาทุกคำ และสมองช่างจดช่างจำ ทำเอาเขาพิศวงมาแล้ว ก็จะบันทึกคำพูดของเขาอย่างไม่มีหกตกหล่นแม้คำเดียว... เหมือนอัดเทป... เขาอยากจะพูดอย่างนั้น

“จึงน่าค้นหาคำตอบ เพราะบางที พ่อเลี้ยงทรงบุญ อาจเกี่ยวข้องกับขบวนการผิดกฎหมายระดับข้ามชาติ ซึ่งก็น่าคิดอยู่ไม่น้อย เพราะพ่อเลี้ยงทรงบุญ ถือสัญชาติอเมริกัน ฮาวายเอี้ยน ก่อนจะมาเป็นที่รู้จักในนามพ่อเลี้ยงทรงบุญ ชื่อเดิมคือ เมนิ-อะโกนี อา ริ อิ ... ปรากฏตัวขึ้นที่เมืองไทย เมื่อราวๆ ห้าหกปีก่อน ในฐานะนักธุรกิจต่างชาติเงินหนา ในเวลาไม่นานก็กลายเป็นที่รู้จักของบรรดาพ่อค้าประชาชนทางภาคเหนือในหลายจังหวัด มีข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นบ่อยๆ แต่ไม่เคยปรากฏว่ามีรูปประกอบข่าว ... ผมลองซักถามไปทางเพื่อนนักหนังสือพิมพ์รุ่นๆเดียวกัน ที่ทำมาหากินอยู่ทางนั้นดูแล้ว เลยได้ข้อมูลอย่างที่คิดไม่ถึง... ไม่เคยมีใครรู้จักตัวตนจริงๆของพ่อเลี้ยงคนนี้ รู้แค่ว่ารวย มีธุรกิจหลายอย่าง ใจบุญสุนทาน บริจาคเงินทีละมากๆเพื่อการกุศล สร้างวัดวาอารามทั้งวัดไทย วัดคริสต์ จัดตั้งกองทุน มูลนิธิเกี่ยวกับเด็กกำพร้าและคนชรา และยังโรงเรียนสำหรับเด็กกำพร้าขึ้นโดยเฉพาะ เห็นว่ามีแม่ชีคริสตังเป็นผู้ได้รับมอบให้บริหารดูแลโรงเรียนที่ว่านี้”

“ถ้าที่พูดมา... โดยเฉพาะเรื่องความใจบุญของพ่อเลี้ยงทรงบุญคนนี้ เป็นความจริง ก็ต้องรวยมากทีเดียว”

นักข่าวสาวเปรยขึ้นเป็นประโยคแรก

“ไม่ต้องสงสัยเลยข้อนั้น ฐานะทางการเงินต้องไม่ใช่แค่เศรษฐีระดับร้อยสองร้อยล้าน แต่ควรจะเป็นหลายร้อย หรืออาจถึงพัน ถึงหมื่นล้าน ถึงได้มีเงินสำหรับจับจ่าย ซึ่งก็เหมือนเสียเปล่า ไม่ใช่การลงทุนในธุรกิจที่จะได้ผลประโยชน์คืนมาพร้อมกำไร... แต่พูดก็พูดเถอะ เศรษฐีระดับหลายร้อยล้าน ไปจนถึงพันล้านในบ้านเมืองเรา ก็มีอยู่ไม่น้อย ยังไม่ค่อยจะเห็นว่ามีหน้าไหน คิดสละทรัพย์เพื่อสร้างกุศลอย่างพ่อเลี้ยงทรงบุญคนนี้... ก็อาจจะมีบ้างหรอก ที่บริจาคหลักแสน แต่ที่จะทุ่มสร้างวัดวาอาราม แถมยังไม่จำกัดเฉพาะวัดไทย โบสถ์ไทย แบบไม่มีการขอเรี่ยไร และยังจัดตั้งกองทุน มูลนิธิ สร้างโรงเรียนสำหรับเด็กกำพร้า โดยไม่หวังผลกำไร ผมยังไม่เคยเจอ”

“เฮียคงอยากรู้จะตายไปแล้วซิว่าพ่อเลี้ยงรายนี้รวยจากไหน ได้เงินมายังไง ถึงได้ละลมละลายเงินนับสิบๆ ล้าน ที่จะไม่มีวันได้คืนกลับมา อย่างไม่เสียดมเสียดาย”

“ผมอยากรู้ยิ่งกว่านั้นอีก...ปูมหลัง ความเป็นมา หรือชีวิตในอดีต ย้อนหลังไปก่อนหน้าห้าหกปี ก่อนที่เขาจะกลายมาเป็นพ่อเลี้ยงชื่อดัง ว่าเป็นใครมาจากไหนกันแน่ ผมลองถามๆเพื่อฝูงไปหลายราย ไม่มีใครรู้แน่สักคน ส่วนใหญ่จะเป็นแบบ ‘เขาว่า’ ซึ่งก็ไม่รู้จริงหรือเท็จ ฉะนั้น... เอ็งช่วยจัดการให้ทีเถอะ”

“แค่งานสืบประวัติ ไม่จิ๊บจ๊อยไปหรือคะสำหรับนักข่าวผ่านสมรภูมิมาโชกโชน ขนาดเกือบจะเอาชีวิตไม่รอดก็หลายครั้งอย่างนิล? เฮียจะไม่ลดเกรดนิลเกินไปหน่อยรึ?”

“เข้าใจผิดแล้ว เอ็ง ถ้าเอ็งคิดว่าข้ามอบงานหมูๆให้ละก็ คิดใหม่ซะ”

จากที่วางมาดเป็นบรรณาธิการ-หญ่าย .... ก็กลับมาเป็น ‘เฮียตือ’ ของบรรดาลูกน้องอีกครั้ง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel