EP 15 ยังไม่มั่นใจ
หลังจากวันที่เธอเอ่ยขอร้องเขาไปว่าต้องการความสุขชั่วคราว ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็เป็นไปในทางที่ดี เวทมนต์ดุด่าเธอน้อยลง ใจดีกับเธอมากขึ้น ทุกอย่างมันดีมากกว่าที่บลูเบลล์คาดไว้ จนเธอแอบหวังว่ามันจะมีสักนิดที่เขาหันมารักเธอบ้าง
“ทำอะไรอยู่?”
“หนูกำลังเตรียมเอกสารค่ะ ใกล้จะได้รับจบแล้ว”
“เรียนจบแล้วอยากเป็นอะไรล่ะ หื้ม?” เขาถามพลางลูบหัวเธอเบา ๆ อีกสองวันชายหนุ่มจะต้องเข้ารับการผ่าตัดแล้ว ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ดี และดีกว่านั้นคือพรุ่งนี้เปลวกับบีเกลพ่อแม่ของชายหนุ่มจะบินกลับมา เพื่ออยู่เป็นกำลังใจให้ลูกชายในวันที่พวกเขาทั้งสองตั้งตารอมานาน
“อยากลองทำงานในวงการดูค่ะ แต่หน้าตาแบบหนูคงเป็นไรแค่เด็กเสิร์ฟน้ำ ฮ่า ๆ” เธอพูดติดตลก ส่วนเวทมนต์ก็ยิ้มตามด้วยความเอ็นดู
“จะว่าไปฉันก็ไม่เคยเห็นหน้าเธอ อีกเป็นเดือนหลังผ่าตัดกว่าจะได้เห็น” บลูเบลล์เงียบไปเพราะไม่รู้ว่าตัวเองจะมีโอกาสได้อยู่ถึงตอนนั้นมั้ย แต่อย่างที่แบงค์เคยพูด ทุกอย่างมันมีเวลาของมัน เธอปัดความคิดนั้นทิ้งออกไป
“หนูก็หน้าบ้าน ๆ นี่แหละค่ะ คุณเห็นอาจจะรังเกียจก็ได้”
“คิดมาก ทำไมชอบด้อยค่าตัวเองอยู่เรื่อย” แม้ว่าเขาจะด้อยค่าเธอบ่อย ๆ แต่ก็ไม่อยากให้เธอทำมันกับตัวเอง
“หนูพูดไปแบบนั้นแหละค่ะ ว่าแต่วันนี้อยากกินอะไรคะ?”
“เธออยากทำอะไรให้ฉันกินล่ะ วันนี้ฉันให้เธอเลือก”
“อ่า หนักใจจัง” เธอพูดเบา ๆ เพราะกลัวว่าหากตัวเองเลือกมันอาจจะไม่ถูกปาก
“ฉันไม่เรื่องมากหรอก อะไรที่เธออยากให้กินฉันก็กินได้ทั้งนั้น”
“งั้นเป็นข้าวต้มหมูดีมั้ยคะ เบาท้องด้วย”
“เอาสิ งั้นเธอไปทำเถอะ ฉันจะนั่งรอ”
“เริ่มหิวแล้วใช่มั้ยคะ?” เวทมนต์พยักหน้าเบา ๆ ส่วนบลูเบลล์เมื่อรู้แบบนั้นก็ลุกขึ้นเดินเข้าครัวทันที ทุกครั้งที่ได้ทำอาหารให้เขา มากกว่าเครื่องปรุงที่เธอใส่ลงไป คือการใส่ใจ แม่บ้านที่เห็นภาพนี้ประจำก็อดยิ้มให้ทุกครั้งไม่ได้
“วันนี้เมนูอะไรคะคุณหนู”
“บอกแล้วไงค่ะให้เรียกบลูเบลล์ก็พอค่ะ”
“ไม่ได้หรอกค่ะ เกิดคุณท่านได้ยินเป็นเรื่องแน่ ๆ” นั่นก็แค่ข้ออ้าง ทุกคนอยากให้บลูเบลล์ชินกับสถานะตัวเอง เพราะดูจากสถานการณ์ตอนนี้มันกำลังเป็นไปได้ดีในสายตาคนอื่น โดยที่ทุกคนไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะเธอขอไว้ต่างหาก
“วันนี้ทำข้าวต้มค่ะ อยากให้คุณเวทมนต์ทานอะไรเบาท้อง ใกล้จะผ่าตัดแล้ว”
“ตั้งแต่คุณเวทมนต์ตกลงจะผ่าตัด ดูคุณเขามีความสุขขึ้นมากเลยนะคะ” คนที่ไม่รู้เหตุผลที่ชายหนุ่มยอมรักษาก็มองว่ามันดี ต่างจากบลูเบลล์ที่รู้ทุกอย่างและได้แต่ยิ้มบาง ๆ แม้เธอจะไม่ใช่เหตุผลที่เขารักษา แต่เธอก็ยินดีที่เขากำลังจะกลับมามีชีวิตที่ดีอีกครั้ง
หากวันนั้นมาถึงและคนคนนั้นกลับมาจริง ๆ เธอหวังอย่างยิ่งว่าผู้หญิงคนนั้นจะไม่ทิ้งขว้างเวทมนต์และยืนข้างเขาไม่ว่าจะเกิดอะไรต่อจากนี้อีก เพราะเธอไม่อยากเห็นเวทมนต์เจ็บอีกแล้ว บลูเบลล์ยินดีจะทำทุกอย่างให้เขามีีความสุขแม้มันต้องแลกกับการเจ็บปวดของเธอเอง
“ข้าวต้มร้อน ๆ มาแล้วค่ะ” บลูเบลล์ยกถ้วยข้าวออกมาจากครัวและวางมันลงตรงหน้าของร่างแกร่ง
“กลิ่นหอม ไม่บอกไม่รู้เลยว่าเธอทำกับข้าวไม่เก่ง”
“งั้นต้องกินให้หมดนะคะ เดี๋ยววันนี้บลูเบลล์ป้อน” เธอพูดอย่างสดใส น้ำเสียงแบบนี้มันเพิ่มความผ่อนคลายให้คนที่ได้ยิน และเวทมนต์ก็ชอบมันมากกว่าตอนที่บลูเบลล์พูดอะไรที่เต็มไปด้วยการทำร้ายตัวเองทางอ้อม
“แขนของเธอ มันยังเจ็บมากอยู่มั้ย?”
“ไม่แล้วค่ะ แต่หมอบอกว่าอาจจะต้องใส่เฝือกอีกสองเดือน”
“เพราะฉันไม่ระวัง เธอเลยต้องเจ็บตัว คราวหน้าอย่าเอาตัวเองมาขวางอีก ถ้าฉันจะล้มก็ปล่อยเถอะ”
“ไม่ได้หรอกค่ะ คุณเจ็บหนูคงรู้สึกแย่กว่านี้” เธอพูดไปตามความคิด แต่ถึงเขาไม่บอกมันก็คงไม่มีครั้งหน้า เพราะอีกแค่เดือนกว่า ๆ เท่านั้นเธอก็ต้องไป
ตั้งแต่วันแรกที่ย้ายเข้ามารวม ๆ ตอนนี้ก็ผ่านมาสามเดือนแล้ว สามเดือนที่เธอได้อยู่ในครอบครัวใหญ่ สามเดือนแล้วที่เธอมีเวทมนต์ในชีวิต จากคนที่ชีวิตประจำวันมีแค่การไปเรียน และต่อด้วยการไปทำงานพาร์ทไทม์มันเปลี่ยนไปเยอะมาก พอรู้ว่าจะกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมบลูเบลล์เองก็แอบใจหายไม่น้อย
“แล้วฉันไม่คิดว่าฉันรู้สึกแย่หรือไงที่เธอเจ็บตัวน่ะ”
“อย่าคิดมากเลยนะคะ หนูไม่ได้เป็นอะไรมากแล้ว ทานข้าวดีกว่าค่ะ เดี๋ยวหนูเป่าให้” จากนั้นร่างบางก็เริ่มป้อนข้าวเขา ไม่นานก็หมด เวทมนต์เจริญอาหารมากขึ้น การได้กินฝีมือของเธอทุกวันมันเป็นความเคยชินสำหรับเขาไปแล้ว
“เธอไปกินข้าวบ้างเถอะ ป้อนฉันอย่างเดียวไม่หิวเหรอ?”
“ไม่เท่าไหร่ค่ะ”
“ไปตักมากิน ฉันจะนั่งรอแล้วเดี๋ยวขึ้นห้องด้วยกัน ตัวเล็กหมดแล้วรู้มั้ย”
“เอ๋? แล้วคุยรู้ได้ยังไงคะว่าหนูตัวเล็ก” เธอแปลกใจที่เขามองไม่เห็นแต่กลับรู้สัดส่วนของเธอ
“ฉันจับเอวเธอกระแทกทุกวัน ไม่รู้ได้ยังไง” เธอไม่น่าถามเขาเลยจริง ๆ เพราะพอได้คำตอบมันกลับทำเอาเธอเขินจนหยิบของผิดถูก
“เงียบแบบนี้หน้าเธอคงกำลังแดงแน่ ๆ”
“นะ.. หนูไปตักข้าวก่อนนะคะ” เธอรีบวิ่งหนีออกไปจากตรงนี้ ก่อนที่จะเสียอาการหนัก ส่วนเวทมนต์ที่รู้แบบนั้นก็ยิ้มอย่างนึกเอ็นดู
บลูเบลล์เข้ามาทำให้เขามีชีวิตชีวา ตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุไม่มีวันไหนที่เขายิ้มได้เต็มที่เลยสักครั้ง เพราะมัวแต่ตรอมใจที่ถูกน้ำฟ้าทิ้งไป ตอนบลูเบลล์ย้ายเข้ามาแรก ๆ เขาก็ใจร้ายกับเธอไว้มาก ใครจะรู้ว่าคนที่เขาทำร้ายและด่าทอมาตลอดจะเป็นคนเดียวกับที่ทำให้เขายิ้มได้แบบนี้
“ฉันขอให้ความสดใสอยู่กับเธอไปตลอดนะบลูเบลล์” เวทมนต์ไม่รู้ว่าที่ตัวเองกำลังรู้สึกมันคือการที่เขากำลังหลงรักเธอหรือแค่ความเคยชินที่มีเธออยู่ด้วย แต่เขาสัญญาว่าหากไม่มั่นใจ เขาจะไม่เห็นแก่ตัวดึงเธอไว้อีกแล้ว
ชีวิตหลังจากผ่าตัดเขาคงมีหลายอย่างที่ต้องเคลียร์ต้องสะสาง หากจะให้ดึงรั้งเธอไว้เพื่อรอให้เขามั่นใจในตัวเองแบบนั้นเขาคงทำไม่ได้ ดูจากการที่เขาพยายามจะเข้าใจที่น้ำฟ้าทิ้งไปตลอด นั่นก็บอกได้อย่างดีว่าเขาไม่ใช่คนที่เห็นแก่ตัว
