EP 01 ต้องหมั้น
บ้านหลังใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยความเศร้า ผ่านมากว่าสามเดือนที่ลูกชายเพียงคนเดียวของเปลวและบีเกลประสบอุบัติเหตุจนสูญเสียการมองเห็น แทนที่เจ้าของร่างกายจะยอมรักษาให้หายเขากลับไม่คิดจะทำ คนเป็นพ่อแม่ได้แต่ทำใจยอมรับการตัดสินใจของลูก แต่จะให้อยู่เฉย ๆ ทนดูเขาเป็นแบบนี้ต่อไปคงไม่ไหว
“เวทมนต์ พ่อมีเรื่องสำคัญอยากคุยด้วย”
“มีอะไรเหรอครับ” เวทมนต์หันไปตามเสียง ไม่ว่าภาพตรงหน้าจะเป็นยังไงก็ไม่มีผลต่อเขา เพราะสิ่งเดียวที่เขาเห็นมีเพียงความมืด
“พ่อจะให้ลูกหมั้น”
“ผมไม่หมั้น ไม่ว่ายังไงก็ไม่!” คนเป็นลูกปฏิเสธเสียงแข็ง เรื่องอะไรเขาจะยอมให้ใครมากำหนดชีวิตของเขา โดยเฉพาะเรื่องของคู่ชีวิตที่เขาควรมีสิทธิ์เลือกด้วยตัวเอง
“ลูกจะอยู่แบบนี้ไม่ได้เวทมนต์ เวลาที่พ่อกับแม่ไปทำงาน ใครจะคอยดูแล”
“ผมอยู่ได้โดยไม่ต้องให้ใครมาดูแล ไม่ต้องคิดจะให้ผมหมั้นเพื่อเป็นภาระของใคร” เขายังคงเถียงกลับไม่ยอมแพ้ เพราะเวทมนต์ไม่ใช่คนหัวอ่อน ส่วนเปลวก็เหมือนกัน
“แต่พ่อจะให้แกหมั้น ไม่ว่ายังไงแกก็ต้องหมั้น”
“พี่เปลว…” บีเกลเรียกสามีเสียงอ่อน เธอรู้ดีว่าการถูกบังคับมันแย่แค่ไหน และเปลวเองก็ควรเข้าใจเรื่องนี้ดีเหมือนกัน
“พ่อยังไม่อยากแต่งกับแม่เลยตอนที่ปู่บังคับ แล้วพ่อจะมาบังคับผมเพื่ออะไร”
“ฉันทำทุกอย่างเพราะหวังดีกับแกทั้งนั้นเวทมนต์ ถ้าฉันไม่รักแกฉันคงไม่ทำ เพราะแบบนั้นต่อให้แกยืนยันหัวชนฝาฉันก็ไม่มีวันยอมล้มเลิกสิ่งที่ตั้งใจ เตรียมตัวเป็นคู่หมั้นที่ดีซะ อย่าให้หนูบลูเบลล์ต้องมาเหนื่อยเพราะนิสัยไม่ยอมโตของแก” เปลวเดินหันหลังจากไปไม่รอฟังลูกชายที่โวยวาย เขาเองเจ็บไม่แพ้กันที่ต้องเลือกทางนี้
แต่ทุกครั้งที่ต้องไปทำงานห่างไกลบ้าน เปลวไม่เคยอยู่ได้อย่างสงบสุข เขาทำงานไประแวงไปว่าเวทมนต์จะอยู่ยังไง คนอื่นจะดูแลลูกได้ดีมั้ย หากมีคนที่อยู่ในฐานะคนรักของเวทมนต์มาทำหน้าที่ตรงนี้ เขาและบีเกลคงไม่ต้องบังคับลูก เมื่อคนที่ควรอยู่ไม่อยู่ เปลวจึงตัดสินใจหาคนมาอยู่แทนที่ตรงนั้นด้วยตัวเอง
“พี่เปลว เกลว่า…” บีเกลเดินตามเปลวมาเพื่อโน้มน้าวสามี
“อย่ามาพูดแทนลูกบีเกล พี่ปล่อยลูกนานกว่านี้ไม่ได้ เมื่อวานหมอบอกพี่ว่าถ้าเวทมนต์ทิ้งการรักษาไปนาน ๆ เขาจะไม่มีสิทธิ์กลับมามองเห็นอีกแล้ว”
“แต่เกลว่าเรามีทางอื่นนะพี่เปลว เราค่อย ๆ คุยกับลูกก็ได้ พี่ก็รู้ว่าการถูกบังคับมันเจ็บแค่ไหน ถ้าเวทมนต์ไม่เปิดใจรับแบบนี้ หนูบลูเบลล์จะต้องเจอกับอะไรบ้างก็ไม่รู้” คนเคยเจ็บแบบเธอมักรู้ดีถึงสิ่งที่จะตามมา
“พี่รู้เกล กลัวว่ามันจะเป็นแบบเรื่องของเรา แต่พี่ไม่เห็นทางอื่นเลย พี่เชื่อว่าความน่ารักของเด็กคนนั้นจะทำให้เวทมนต์รักได้อย่างไม่มีเงื่อนไข” เพราะเด็กคนนั้นค่อนข้างที่จะจิตใจดีและมีเมตตา อีกทั้งกว่า 70% บลูเบลล์คล้ายกับบีเกลมาก ๆ เปลวถึงวางใจ
“แล้วพี่เคยคิดมั้ยว่าเด็กที่สดใสถ้าต้องมาเจอเวทมนต์ เขาจะเป็นยังไง” แววตาของคนเป็นแม่ไหววูบ เปลวดึงภรรยาเข้ามากอด
“ลองดูสักตั้ง ถ้ามันแย่ พี่สัญญาว่าจะปล่อยเด็กคนนั้นไป”
“เราต้องคุยกับบลูเบลล์ก่อน ถ้าเขาไม่ตกลง พี่เปลวห้ามบังคับเขาเด็ดขาด สัญญากับเกลได้มั้ย” เปลวทำหน้าหนักใจเพราะหวั่นไม่น้อยว่าคนที่หมายปองจะให้มาเป็นลูกสะใภ้จะไม่ยอม
“ครับ พี่สัญญา ถ้าเขาไม่ยอมพี่จะเลือกคนอื่นคนที่พี่มั่นใจว่าเขาจะดูแลลูกของเราได้โดยไม่รังเกียจ หรือคิดว่าลูกเราเป็นภาระอย่างที่เจ้าตัวคิด”
เช้าของอีกวัน
เปลวเดินทางมายังหอพักใกล้ ๆ กับมหาวิทยาลัยที่เขาเป็นคนจ่ายค่าเช่า และโทรตามผู้อยู่ให้ลงมาพบ พร้อมกับแจ้งว่ามีเรื่องสำคัญที่จำเป็นต้องคุยกัน
“คุณเปลว คุณเกล สวัสดีค่ะ”
“สวัสดี หนูเพิ่งเลิกเรียนเหรอ?” บีเกลเอ่ยถามเด็กสาวตรงหน้าและยิ้มอย่างเอ็นดู
“ใช่ค่ะ เดี๋ยว 5 โมงหนูจะไปทำงานพาร์ทไทม์ต่อค่ะ” เธอเป็นเด็กกตัญญู และนิสัยดีมาก ๆ จากที่เปลวให้คนคอยตามดูในช่วงหลังมานี้
“ฉันบอกว่าติดขัดตรงไหนให้บอก ไปหางานทำให้เหนื่อยทำไม?”
“หนูไม่อยากให้คุณ ๆ ต้องเสียเงินกับหนูเยอะค่ะ งานแค่นี้หนูทำได้ คุณเปลวไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ”
“เอาล่ะ ที่ฉันมาวันนี้ฉันอยากมีเรื่องอยากจะขอเธอ” บลูเบลล์ตั้งใจฟังอย่างดี
“ฉันอยากให้หนูหมั้นกับลูกชายฉัน และย้ายเข้าไปดูแลเขา” บลูเบลล์เม้มปากแน่น เธอพอที่จะรู้เรื่องของเวทมนต์ จากข่าวตามโซเชียลและคำบอกเล่าของบีเกลที่คอยเล่าให้ฟังเวลาที่มาหา
“ฉันรู้ว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ และเธอคงอยากได้เวลาตัดสินใจ ฉันจะไม่เร่งเอาคำตอบแต่หากได้เร็วที่สุดจะดีมาก จำไว้ว่ามันไม่ใช่การบังคับ ถ้าเธอไม่โอเค ไม่ต้องตกลง เข้าใจมั้ย ฉันจะยังส่งเสียเธอเรียนเหมือนเดิม”
“หนูตกลงค่ะ” ยิ่งครอบครัวของเปลวดีกับเธอมากเท่าไหร่ เธอยิ่งอยากตอบแทนพวกเขามากเท่านั้น
“หนูบลูเบลล์ หนูไม่จำเป็นจะต้องเกรงใจพวกเรา” บีเกลอยากให้เธอได้คิดให้ดีก่อน เพราะการมีความสัมพันธ์ที่ผูกมัดไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ
“หนูไม่ได้ทำเพราะเกรงใจ หนูคิดว่าหนูสามารถทำมันได้โดยไม่ลำบาก พวกคุณไม่ต้องกังวลนะคะ”
“ฉันขอบใจหนูมากจริง ๆ อีกไม่กี่เดือนหนูก็ใกล้จะจบแล้วใช่มั้ย สะดวกหรือเปล่าถ้าฉันอยากให้หนูย้ายเข้าไปอยู่ที่บ้านภายในอาทิตย์นี้”
“ได้ค่ะ หนูนั่งรถมาเรียนได้ค่ะ”
“ไม่ต้องหรอก ฉันจะไม่ให้หนูลำบาก เมื่อเข้ามาเป็นสะใภ้ของตระกูลแล้ว” เปลวให้คำมั่น เขาจะดูแลเด็กคนนี้ให้ดี ให้สมกับที่เธอยอมเสียสละ
“แค่ทุกวันนี้พวกคุณก็ให้หนูมามากพอแล้ว หนูต่างหากที่ต้องสัญญาว่าจะดูแลลูกชายของคุณคุณให้ดี”
“เลิกเรียกคุณเถอะ เรียกพ่อแม่ดีกว่า หนูกำลังจะเข้ามาเป็นคนในครอบครัวของเรา” บีเกลยิ้มด้วยความยินดี เธอยอมรับว่าไม่เห็นด้วยเท่าไหร่กับสิ่งที่สามีเลือก แต่หากมันไม่ใช่การที่บลูเบลล์ต้องฝืนใจมันก็ดีมากพอแล้ว
“ค่ะคุณพ่อคุณแม่” เปลวมองภรรยาที่กักเก็บความเอ็นดูเด็กคนนี้ไว้ไม่ไหว เธอมีความสุข เขาก็มีความสุขไปด้วย หลังจากนี้คงได้แต่ภาวนาว่าลูกชายตัวดีของเขาจะไม่หัวรั้นมากกว่าที่เป็นอยู่
