บทที่ 3 เข้ามาอยู่ในสายตา❤️ประทับในดวงใจ [3.3]
“แต่ฉันว่าต้องนะ” และด้วยสายตาที่จริงจังของเพื่อน หลังมื้ออาหารเช้าพวกเขาสองคนก็ชวนกันออกไปข้างนอกและแน่นอนว่าน้องสาวตัวจ้อยก็ถูกชวนออกไปด้วย “ฉันเป็นเจ้ามือทุกอย่างเองนะ” ธาราพยักหน้าตามใจ และในวันนี้น้องสาวตัวจ้อยก็ได้รับของขวัญมากมายจากพี่ชายคนใหม่ เด็กไม่มีอะไรซับซ้อนใครดีมาเธอก็ดีตอบเพียงไม่นานเด็กน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มก็ยินยอมจูงมือพี่ชายคนใหม่ได้อย่างสนิทใจ
เวลาที่ค่อยๆ ผ่านไป เด็กๆ ก็ค่อยๆ เติบโตขึ้นซึ่งต่างก็มีหน้าที่ของตนที่ต้องกระทำ และอย่างไม่รู้ตัวหัสวีร์กลายเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวทรัพย์โภคิน จากแค่สองนักเรียนโรงเรียนเตรียมทั้งสองก็สามารถเข้าสู่โรงเรียนนายร้อยตำรวจได้อย่างราบรื่น หลังจากที่ทั้งสองไม่ได้กลับบ้านเป็นเวลาถึงสามเดือน ในวันนี้เมื่อทั้งสองกลับไปพร้อมในชุดเครื่องแบบนักเรียนนายร้อยตำรวจ ทำเอาคนที่รอคอยอยู่ที่บ้านถึงกับน้ำตาคลอมองทั้งสองคนด้วยความภาคภูมิใจ
แฉะ และเมื่อสองหนุ่มที่ยืนสองเท้าชิดตัวยืดตรงอยู่หน้าบ้าน เด็กสาววัยสิบเอ็ดขวบที่รู้ล่วงหน้าถึงกับต้องนำโทรศัพท์มือถือของแม่มาบันทึกภาพความภาคภูมิใจนั้นไว้หลายต่อหลายภาพ
หัสวีร์ชำเลืองมองเด็กน้อยที่ในวันนี้ยิ้มให้เขาจนตาหยีเต็มดวงหน้าในการพบเจอกัน อดไม่ได้ที่จะย้อนคิดไปถึงวันแรกที่ได้เจอกัน เด็กน้อยที่ฟันหรอไม่ยอมจะพูดคุยกับเขานักแม้จะเปิดใจให้เขามากขึ้นเรื่อยๆ ก็ตาม แต่ในวันนี้กลับเป็นฝ่ายวิ่งเข้ามาและเดินล้อมหน้าล้อมหลังเขาอย่างสำรวจร่างกายเขาทุกอณู “พวกพี่เท่ห์มากๆ” เด็กย่อมไม่โกหก “แต่คล้ำลงเรื่อยๆ”
“ลำธารอย่ากวนพี่เขา ให้พี่ๆ เขาไปเปลี่ยนชุดจะได้มากินข้าวกินปลา” เสียงปรามไม่จริงจังนักของผู้เป็นแม่
“ไม่นะ!” ธาราถึงกับหน้ามู่ เมื่อเขาที่พยายามจะอุ้มน้องน้อยของเขาเหมือนอย่างที่ผ่านมา แต่คราวนี้เด็กสาวกลับวิ่งหนีไม่ยินยอมอย่างที่ผ่านมา สร้างความประหลาดใจให้พี่ชายหัวใจกระตุกในทันที
“แม่ เกิดอะไรขึ้นอีกละครับ” เมื่อสถานการณ์ใหม่เกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว ธาราร้องถามมารดาเมื่อน้องสาววิ่งหนีหายเข้าไปในบ้านเสียแล้ว
“น้องเขาโตแล้ว ไม่ใช่เด็กน้อยในสายตาของพวกเราอีกแล้ว น้องเขาว่าอย่างงั้น” ธาราและหัสวีร์เมื่อได้ยินเหตุผลถึงกับกลั้นหัวเราะไว้ไม่ได้ เสียงหัวเราะของสองหนุ่มจึงดังออกมา ฮาฮา
?????? ??????
ธาราที่นอนหนุนตักแม่อย่างออดอ้อนในห้องนอนแม่ โดยมีลำธารนอนหนุนอีกฟาก สองพี่น้องศีรษะชนกันแบ่งปันตักอบอุ่นของแม่ “แม่ครับ หลังจากนี้พวกผมอาจจะไม่สามารถกลับมาได้บ่อยๆ นัก ผมกับหัสเราสองคนอยากเข้าหน่วยป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เราสองคนจะพยายามและตั้งใจอย่างเต็มที่ในสี่ปีนับจากนี้”
ทับทิมไม่ได้ตกใจอะไร แม้ลูกชายจะแยกสายแตกต่างจากผู้เป็นบิดา แต่เหตุผลที่ลูกชายเลือกทางนี้เธอเข้าใจดี สามีเธอแม้จะอยู่หน่วยจราจรแต่เขาก็เป็นตำรวจ เมื่อพบเจอสถานการณ์ที่ประชาชนต้องการความช่วยเหลือเขาต้องเข้าไปช่วย “พ่อและแม่ภูมิใจในตัวลูก”
