บท
ตั้งค่า

๑๙

กลิ่นอายของฝนทำให้หนุ่มร่างสูงที่เดินลงมาจากตึกเรียนรู้สึกไม่ชอบเอาเสียเลย เขาเกลียดฤดูฝน เกลียดความเหนียวเหนอะหนะ เกลียดเสียงฝนเพราะมันทำให้เขาคิดไปถึงเหตุการณ์เลวร้ายครั้งนั้น มือหนาปลดกระดุมเสื้อและถอดเนคไทน์ออก วันนี้เขาใส่ชุดนักศึกษาเต็มยศเพราะต้องรายงานหน้าชั้นเรียนกับอาจารย์ที่ค่อนข้างเข้มงวด ใบหน้าเรียบเฉยมองหาคมิกซึ่งกำลังขับรถมาจอดเทียบพอดี นักศึกษาที่เดินลงมาต่างก็มองเขากันใหญ่แม้ว่าจะเห็นจนชินตาแล้วก็ตาม

“ไปบริษัทเลย” ขึ้นรถมาได้ก็สั่งด้วยความเคยชิน เขาเริ่มทำงานตั้งแต่อายุสิบหกปีเรียกได้ว่าคลุกคลีกับวงการสีเทามาตั้งแต่เด็ก และผู้คนต่างก็ยำเกรงแม้จะยังเรียนไม่จบก็ตาม มองนอกหน้าต่างเห็นฝนตกปรอยๆ เม็ดฝนเกาะกระจกไหลลงเป็นทางทำให้ย้อนไปถึงช่วงวัยเด็กที่เขาแสนจะมีความสุขกับการใส่เสื้อกันฝนวิ่งเล่นอยู่สวนหลังบ้าน หกล้มก็มีแม่คอยประคอง หิวข้าวแม่ก็พาไปกิน แต่ตอนนี้ไม่มีอีกแล้ว แม่เขาจากโลกนี้ไปตลอดกาลเพราะคนชั่วอย่างณกร!

การจราจรที่ติดขัดทำให้เขามาถึงที่บริษัทช้าไปกว่าทุกทีจนรู้สึกหงุดหงิด เดินเข้ามาภายในห้องพลางนั่งลงรอฟังรายงานจากเลขาคนสนิทก่อนที่จิรภาสจะเคาะประตูเดินเข้ามา

“จะรับอาหารเย็นเลยไหมครับ” ถามเสียงนอบน้อม สิงห์มองดูนาฬิกาข้างผนังห้องก็พบว่าตอนนี้หกโมงกว่าแล้ว ปกติเขาจะทานข้าวช่วงนี้เป็นประจำ

“เอามาเลยก็ได้” สั่งเสร็จก้มลงอ่านแฟ้มเอกสารแล้วก็ฉุกคิดขึ้นมาได้เดี๋ยวนั้นว่าเขาลืมอะไรไปบางอย่าง เขาลืมเธอไปเสียสนิท เขาลืมไปรับพระพายที่โรงเรียน!

ร่างสูงลุกขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อนึกได้หันไปมองคมิก “เอากุญแจรถมาฉันจะไปรับพระพาย” เรียกได้ว่าแทบจะตวาด ดวงตาเรียวตวัดมองผู้ติดตามยื่นกุญแจมาให้ก็รีบคว้าแล้ววิ่งออกไปทันทีอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ในใจของเขาตอนนี้ลอยไปหาเด็กน้อยวัยสิบสองปีแล้ว มาถึงรถก็สตาร์ทแล้วออกตัวอย่างรวดเร็วและเพราะการจราจรที่ติดขัดสร้างความเคืองใจให้เขาเป็นอย่างยิ่ง สิงห์มองหาซอยลัดเพื่อให้พ้นจากรถติดตรงนี้ ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็ไม่เจอเลยสิ่งเดียวที่ทำได้คือต้องรอแต่เขาจะไม่รอแล้ว มือหนาคว้าโทรศัพท์กดโทรออก

“เอารถมอ’ไซค์มาให้ฉัน” ไม่รู้ว่าตอนนี้อีกฝ่ายจะเป็นอย่างไรบ้าง เขาโทรกลับไปที่บ้านก็ไม่มีคนรับสายจนได้แต่โมโหในใจหากไปถึงจะไล่ออกให้หมด รอไม่นานรถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ก็มาจอดข้างๆ รถยนต์ที่เขาขับดีที่รถคันนี้มีจีพีเอสจึงตามหาได้ไม่ยาก

“ขอบใจ” สิงห์ลงจากรถยนต์ขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์แล้วขับออกไปอย่างรวดเร็วแม้จะมีฝนปรอยมาอย่างต่อเนื่อง เขาจอดติดไฟแดงไม่นานก็พุ่งออกไปก่อนเป็นคันแรกพยายามใช้สมาธิในการขับรถให้มากที่สุดเพราะใจเขาลอยไปถึงโรงเรียนของน้องแล้ว ใช้เวลาไม่นานก็มาจอดยังโรงเรียนรัฐบาลซึ่งห่างจากบ้านพอสมควร เวลากว่าหนึ่งทุ่มทำให้โดยรอบมืดสนิทหากแต่ภายในโรงเรียนก็มีไฟเปิดอยู่บางดวงเพื่อให้แสงสว่าง แม้จะค่ำแต่ก็ยังมีนักเรียนจับกลุ่มกันอยู่ภายในโรงเรียนเพื่อซ้อมกีฬา

ร่างสูงวิ่งไปพลางมองหาหน้าเด็กน้อยที่เขาคุ้นเคย อดกร่นด่าตนเองไม่ได้กับความสะเพร่าที่ลืมน้องสาวตัวน้อยพึ่งสูญเสียบิดาไป ยังจำเสียงร้องไห้ของเธอได้ร้องปริ่มขาดใจกับการเสียครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต มีป้าน้อมคอยกอดปลอบเอาไว้ไม่ให้ล้มลง

“น้อง รู้จักพระพายไหม” เห็นเด็กนักเรียนสองคนเดินมาก็เรียกทันที ทั้งสองส่ายหน้าเขาจึงจำใจปล่อยไปมองหาพระพายตามโถงทางเดินของโรงเรียน

“พระพาย พระพายอยู่ไหน” เขาตะโกนเสียงดังจนนักเรียนแถวนั้นหันมามอง ร่างสูงเดินไปถึงโรงยิมก่อนจะชะงักเมื่อเห็นร่างน้อยที่คุ้นเคยวิ่งมาแล้วกอดเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว เด็กหญิงสูงแค่อกเขาเท่านั้น

“พี่สิงห์ทิ้งพระพาย” น้ำเสียงฟังแทบจับใจความไม่ได้ แขนเล็กโอบกอดเขาเอาไว้แน่นราวกับกลัวว่าจะหายไปจนคนเป็นพี่ต้องกอดตอบ แสงไฟส่องไปทั่วโรงยิมแต่แทบไม่มีคนอยู่ในนั้น เขาสัมผัสได้ถึงอาการสั่นของเธอ

“ขอโทษนะ” เอ่ยออกไปอย่างรู้สึกผิด เขาลืมนึกถึงเธอลืมว่าหน้าที่ของเขาต่อจากนี้คือดูแลเด็กผู้หญิงคนนี้ตามที่เคยให้สัญญากับพ่อของเธอเอาไว้

“พระพายกลัว” ไม่ได้ผละออกไปยังคงกอดเอาไว้ราวกับหาที่พึ่ง เด็กหญิงวัยสิบสองปีที่พึ่งผ่านการสูญเสียบิดามาเมื่อสัปดาห์ที่แล้วซ้ำวันนี้ยังถูกทิ้งเอาไว้ให้รอกว่าสามชั่วโมง รอโดยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะมารับตอนไหนหรือจะทิ้งเธอเอาไว้ที่โรงเรียน น้ำตาไหลลงมาไม่ขาดสายทั้งเพิ่งย้ายโรงเรียนใหม่ไม่มีเพื่อนเหมือนกับอยู่ตัวคนเดียวบนโลก

“พี่อยู่นี้แล้ว” เขาลูบหลังเธอแผ่วเบา ความอ่อนโยนที่ไม่เคยมอบให้ใครเขามอบมันให้เธอ

“พี่สิงห์จะไม่ทิ้งพระพายใช่ไหม” เงยหน้าขึ้นมามองคนตัวสูงกว่า ใบหน้าหวานเต็มไปด้วยน้ำตาก่อนที่สิงห์จะอมยิ้มเอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาให้เธอ

“พี่ไม่มีวันทิ้งพระพายแน่นอน พี่สัญญา” คำสัญญาวันนั้นกลายเป็นสัญญาใจมาจนถึงวันนี้ สิงห์มองใบหน้าหวานที่อยู่ห่างจากเขาไม่ถึงเซ็นด้วยแววตารักใคร่ มือหนายกขึ้นมาปัดผมที่หล่นลงมาบังความสวยงาม เธอนอนอยู่ในอ้อมกอดของเขาด้วยร่างที่เปลือยเปล่า แม้จะเป็นเวลาเช้าและเขาควรจะไปตรวจงานแต่สิงห์ก็ตัดสินใจที่จะอู้งานเพื่อที่จะได้นอนกอดผู้ที่เป็นดั่งหัวใจของตนเอง

พระพายขยับร่างกายเล็กน้อยมือเล็กกอดตอบสิงห์เพราะคิดว่าเป็นหมอนข้าง เมื่อคืนกว่าเธอจะได้นอนก็ดึกพอสมควรร่างกายเพลียจนไม่สามารถตื่นแต่เช้าเพื่อไปดูพระอาทิตย์ขึ้นได้ ร่างสูงยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงเหตุการณ์วันนั้นที่ทำให้เขาตั้งปณิธานกับตนเองว่าจะดูแลพระพายให้ดีที่สุด

“ตื่นได้แล้วคนดี” กระซิบแผ่วเบาข้างหู ตอนนี้แขนอีกข้างของเขากลายเป็นหมอนให้คนตัวเล็กหนุนส่วนอีกข้างเขาก็โอบร่างบางเอาไว้แทน มือหนาลูบผิวเนียนไปมา

“อืม” ครางอย่างไม่พอใจเมื่อมีคนมารบกวนการนอนแสนสบายของตนเอง พระพายค่อยๆ รู้สึกตัวนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ร่างกายโล่งจนสัมผัสได้ถึงความเย็น ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นเมื่อคิดถึงเหตุการณ์น่าอับอายเมื่อคืนระหว่างเธอกับสิงห์

“ทำไมต้องทำหน้าตกใจขนาดนั้นด้วย” เห็นดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นก็รู้สึกตลก เมื่อคืนเขาเองก็ผิดที่รังแกคนเมาสติไม่เต็มร้อยแต่จะโทษเขาทั้งหมดก็ไม่ได้ในเมื่อเธอเป็นฝ่ายเริ่มก่อนทั้งยั่วเขาให้ของขึ้นอีกต่างหาก

“พี่สิงห์” มองหน้าเขาเหตุการณ์เมื่อคืนก็หลั่งไหลเข้ามาจนต้องก้มหน้าลงไปซุกหนาเป็นการคลายความเขินหรือเพิ่มความอับอายให้ตนเองก็ไม่รู้

“หลบทำไม เมื่อคืนเราออกจะร้อนแรง” หยอกล้อด้วยความสุข พระพายอายจนต้องทุบอกเขาเป็นการระบาย แก้มนวลแดงปลั่ง

“หยุดพูดนะคะ แล้วก็ลืมเรื่องเมื่อคืนไปด้วย” ออกเสียงสั่งเขาอย่างเด็ดขาดแต่สิงห์กลับจับหน้ามนเชยคางเธอขึ้นมาให้สบตากับตนเอง

“พี่ลืมไม่ได้หรอก เพราะตอนนี้ในหัวพี่มีแต่พระพายเต็มไปหมด” ไม่เคยเลยสักครั้งที่เขาจะทำตาหวานใส่เธอแบบนี้ ด้วยความไม่เคยชินผสมกับความเขินในการกระทำของตนเองเมื่อคืนยิ่งทำให้พระพายทำตัวไม่ถูก ซุกหน้าลงกับอกหนาจนเขาต้องยิ้มออกมาให้กับความน่ารักของเธอ สิงห์กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นจนร่างกับทั้งสองแนบชิดกัน พระพายรับรู้ได้ถึงจุดกายตรงกายแสดงความเป็นชายของสิงห์

“สบายใจได้พี่ไม่ทำอะไรเราหรอก” เพราะแค่เมื่อคืนก็ได้กำไรมามากเกินพอแล้ว ต่อจากนี้เขาคงต้องทำอะไรให้มันชัดเจนเสียทีเพื่อป้องกันพระพายไม่ให้ใครมายุ่มย่ามและป้องกันเขาเองไม่ให้มานั่งเสียใจทีหลังด้วย

“พี่สิงห์ไม่ไปทำงานหรือคะ” ตกอยู่ในอ้อมกอดของเขาก็รู้สึกอายอยู่แล้วแล้วยิ่งอยู่ในสภาพเปล่าเปลือยก็สร้างความเขินอายให้มากขึ้นไปอีก

“พี่ไม่อยากไป อยากนอนกอดพระพายอยู่แบบนี้” ผ่านไปแค่หนึ่งคืนเขาเปลี่ยนไปจนแทบเป็นคนละคนกับพี่ชายแสนห่างเหิน สิงห์กลายเป็นคนพูดหวานหยอดเธอทุกคำพูดเขินจนไม่กล้าที่จะสู้หน้าเขาทำได้แค่ซบแผงอกหนา

“แต่ว่าพระพายอยากอาบน้ำ” บอกเสียงอู้อี้ สิงห์ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์กระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น

“เดี๋ยวพี่พาไปอาบเอง” ว่าจบก็ทำท่าจะอุ้มเธอขึ้นจากเตียงหากพระพายส่ายหัวพร้อมทั้งดิ้นไปมา

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel