บท
ตั้งค่า

บทที่ 3.2 เล่ห์ร้ายเจ้านายใหม่

“ฮ่าๆๆ...ได้ๆหลานชาย พวกเราอยู่กันอย่างพี่น้อง มีอะไรช่วยเหลือกัน ขอให้หลานชายพาโรงแรมของเราให้เจริญและมีลูกค้าเพิ่มขึ้นเถอะนะ” จบคำพูดของพสุ เสียงปรบมือก็ดังขึ้นทัน บรรดาผู้บริหารแต่ละฝ่ายลุกขึ้นจับมือแสดงความยินดีกับชายหนุ่มในฐานะผู้บริหารมือใหม่

“ที่แท้คุณตุลย์วัฒน์ ก็มารับตำแหน่งประธานกรรมการนี่เอง” จิดาภาพรึมพรำ ก่อนจะหยิบเอกสารของตนเอง

“จะแปลกอะไร ก็เค้าเป็นเจ้าของที่นี่อยู่แล้ว” หญิงสาวเจ้าของใบหน้าหวาน พูดอย่างน้อยใจ พนักงานทยอยกันออกจากห้องประชุม เหลือสองสาวรั้งท้าย เพื่อแสดงความยินดีกับผู้บริหารคนใหม่

“ยินดีด้วยนะคะ ท่านประธาน” ภัทรนันท์เน้นเสียงประโยคหลัง ทำให้สีหน้าของชายหนุ่มลดความยินดีลง

“คุณเพลง...โกรธผมเหรอครับ” จิดาภารู้สถานะของตัวเอง จึงเลี่ยงออกไปเงียบๆ

“ดิฉันจะกล้าโกรธเคืองเจ้านายได้ยังไงคะ” หญิงสาวเบ้ปากเล็กน้อย

“ฮึ...คุณไม่โกรธผม...แล้วทำไมไม่เรียกเหมือนเดิมล่ะครับ”

“เกรงว่าจะไม่เหมาะน่ะค่ะ...คุณเป็นถึงท่านประธาน...เพลงจะตีตนเสมอได้ยังไง” ชายหนุ่มส่งแววตาหวาน เพื่อละลายอารมณ์ขุ่นมัวของหญิงสาวแทนคำตอบ

“เพลง...ดิฉันขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ...ถ้าช้ากว่านี้พนักงานคนอื่นจะหาว่าอู้” หญิงสาวหันเดินออก แต่มือหนาก็รวบเอวบางนั้นเข้ามาประชิดตัวเขา ทำให้เธอตกใจกับการกระทำของชายหนุ่ม จึงดิ้นขลุกขลักต่อต้านอ้อมแขนแข็งแรงนั้น แต่ก็เหมือนคนเจ้าเล่ห์จะยิ่งกอดรัดเธอแน่นขึ้น

“นี่ ท่านจะทำอะไร...ปล่อยดิฉันนะคะ” นักโภชนาการสาวหันมาส่งสายตาดุ พร้อมทุบแขนแข็งๆนั้น

“ไม่ปล่อย...จนกว่าคุณเพลงจะยอมเรียกผมเหมือนเดิม” เธอกัดริมฝีปากอย่างขัดใจ สายตายังคงตำหนิการกระทำของคนเป็นเจ้านาย แต่เขากลับไม่สะทกสะท้านเลย

“ว่าไงครับ...หรือคุณเพลงจะยอมให้ผมกอดอยู่อย่างนี้” น้ำเสียงยียวนของตุลย์วัฒน์ ทำให้หญิงสาวออกจะหมั่นไส้ไม่น้อย แต่เพื่อเอาตัวรอดจากการถูกลวนลาม เธอจึงยอมทำตามที่ชายหนุ่มต้องการ

“ก็ได้ค่ะ...คุณตุลย์วัฒน์” ชายหนุ่มคมเข้มส่งเสียงจิจ๊ะในลำคอแบบไม่พอใจเท่าไรนัก ก่อนยื่นหน้ามาใกล้หญิงสาวมากขึ้นจนลมหายใจของทั้งคู่แทบเป็นสายเดียวกัน หญิงสาวตัวสั่นเล็กน้อยเพราะไม่เคยอยู่ใกล้ชายคนไหนขนาดนี้เลย

“ตุลย์ครับ...เรียกผมว่าตุลย์” เขากระซิบเบาๆ เมื่อเห็นหญิงสาวเอียงอายมากขึ้น อันที่จริงเขาตั้งใจจะเชยชมแก้มเนียนๆ แต่เกรงว่าจะเป็นการเริ่มต้นที่ไม่ดีนัก

“ค่ะคุณตุลย์...ปล่อยเพลงได้หรือยังคะ...เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าเพลงจะเสียหาย” เสียงของภัทรนันท์อ่อนลงแล้ว

“ว่าง่ายๆ แบบนี้สิครับ ถึงจะน่ารัก” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ บนใบหน้าคมเข้มมองดูแล้วน่าหยิกเสียจริง

“หว้า...ว่าจะกอดนานๆ กว่านี้ซักหน่อย” ตุลย์วัฒน์ทำหน้าเจ้าเล่ห์ ก่อนจะคลายอ้อมกอดนั้น ทันทีที่ร่างบางเป็นอิสระ เธอก็วิ่งไปที่ประตูทางออก ภัทรนันท์ออกไปจากห้องประชุม แต่ไม่วายยื่นหน้ามาแหย่ชายหนุ่มเจ้าเล่ห์

“ชิส์ คนเจ้าเล่ห์ แบร่” ตุลย์วัฒน์ถึงกลับขำในความน่ารักของเธอ แม้เจ้าหล่อนจะออกไปแล้ว แต่ความหอมของเรือนกายยังไม่จางลง กลิ่นกายสาวทำให้ชายหนุ่มลุ่มหลงมากยิ่งขึ้น อยากจะรีบเข้าไปจับจองหัวใจและร่างกายของเธอเสียจริง

“ยัยเพลง” จิดาภาจ้องหน้าเพื่อนสาวอย่างสงสัย

“มีอะไร เรียกแล้วก็เอาแต่จ้องหน้า...จะหาเลขเด็ดหรือไง” หญิงสาวหน้าหวาน ส่งสายตายียวนเพื่อนรักอย่างหมั่นไส้

“ฉันจ้อง เพราะ เธอมีพิรุธ” ได้ยินอย่างนั้น คนฟังจึงต้องรีบหลบสายตาทันที

“นั่นไงยัยเพลง...บอกฉันมาเดี๋ยวนี้ ว่าตอนอยู่ในห้องประชุม ทำอะไรกัน”

“ห๊า...จีจ้า เธอเปลี่ยนคำถามได้ไหม๊ ฟังแล้วมันทะแม่งๆ” สาวเพื่อนรักเบ้ปากเล็กน้อย

“โอเคก็ได้...คุยอะไรกันเหรอ” จิดาภาเปลี่ยนเป็นกระซิบแทน เล่นเอาเพื่อนสาวถึงกับทำตาโต อึ้งในคำถาม

“อะ...เอ่อ เธอ อย่ารู้เลย” พูดจบภัทรนันท์ก็ลุกจากโต๊ะทำงาน เดินออกไปโดยเร็ว

“เฮ้ยเดี๋ยวสิ...จะไปไหนเพลง” จิดาภายืนเกาศีรษะเพราะความ งง กับอากัปกิริยาของเพื่อนรัก จะให้เดาตามเหตุการณ์ ผู้ด้อยประสบการณ์อย่างเธอก็กลัวจะผิดพลาด จึงจำใจหยิบกระเป๋า เอกสารเดินตามเพื่อนรักออกไป

“ว่าไงคะเซฟอ้น...วันนี้มีสินค้าอะไรมาส่งบ้าง” ภัทรนันท์เริ่มต้นทำงานอย่างคล่องแคล่ว เธอหยิบสินค้าที่บรรจุหีบห่อมิดชิดขึ้นมาพิจารณาอย่างละเอียด

“เครื่องเทศเหรอคะ” เธอถามขนาดที่สายตายังจับจ้องวัตถุนั้นอยู่

“ไม่ใช่ครับ นี่ส่วนผสมสำคัญในการปรุงอาหารรสของร้านเราเลยล่ะ” ภัทรนันท์ขมวดคิ้วสงสัย อะไรจะมีความสำคัญขนาดนั้น ทุกครั้งที่เธอได้ลิ้มรสอาหารของร้านเลิศลักษณ์ ก็จัดว่ารสชาติดีถูกปากคนไทยเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่ได้โดดเด่นจนต้องใช้ของสำคัญในการปรุงแต่ง

“อย่าเพิ่ง งง ครับคุณเพลง...นี่เค้าเรียกว่ามูงมัง บลีมิง” เซฟหน้าตาใจดีรีบแกะหีบห่อนั้นส่งให้นักโภชนาการสาว

“เอ๊ะ...นี่มันตะลิงปิงนี่คะ” หญิงสาวยิ้มออก เมื่อเห็นว่าสิ่งที่สงสัยแท้จริงแล้วเป็นผลไม้ใกล้ตัวนั่นเอง

“ใช่ครับ...เป็นผลไม้พื้นเมืองของบราซิลนะเนี่ย...เรานำมาใส่ในอาหารที่มีรสเปรี้ยว” เซฟผู้ชำนาญอธิบายอย่างภูมิใจ

“รับรองว่าอร่อยถึงรสถึงใจจนลูกค้าลืมไม่ลงเลย” ชายใจดี หัวเราะด้วยความพอใจ

“ฮ่าๆ เพลงก็คิดว่าเอามาทำอะไร...เพิ่งรู้นะเนี่ยเคล็ดลับความอร่อย แบบนี้คงต้องขอจำไปใช้บ้างแล้วล่ะคะ”

“เอาๆ ตามสบายสูตรนี้ผมไม่หวง” เซฟผู้ใจดีกล่าวพร้อมจัดข้าวของเข้าที่ด้วยตัวเอง

“งั้นเพลงไปดูในร้านก่อนนะคะเซฟ”

“ครับๆ ใกล้เที่ยงแล้วคงกำลังวุ่นวายน่าดู” ภัทรนันท์เดินเข้าไปในร้านอาหารไทยเลิศลักษณ์ ซึ่งเธอเป็นผู้ทำหน้าที่คัดสรรสิ่งที่มีคุณภาพให้กับที่นี่ และโรงแรมดำรงค์ธานี

แกร๊ง แกร๊ง เสียงช้อนกระทบจานชามของลูกค้าในช่วงเที่ยงวัน ภัทรนันท์ยืนมองรอบๆ ร้าน แล้วยิ้มออกมาอย่างภูมิใจ กิจการที่นี่กำลังไปได้สวย ทั้งๆ ที่เธอเพิ่งเข้ามาทำงานได้สามเดือน คำชื่นชมต่างๆ จากหัวหน้าทำให้หญิงสาวมีกำลังขึ้นอีกเยอะ

“ให้เกียรติทานอาหารกลางวันกับผมสักมื้อได้ไหม๊ครับ” เสียงนุ่มๆของผู้ชายดังขึ้นข้างเธอ ทำให้สะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันตามเสียงนั้น

“คุณตุลย์...เพลงไม่กล้านั่งร่วมโต๊ะกับท่านประธานหรอกค่ะ” หญิงสาวทำหน้างอนๆ

“นะครับคุณเพลง...ทานคนเดียวไม่อร่อย...ถ้ามีคุณนั่งทานด้วยมื้อนี้ผมคงทานได้เยอะเลย” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของชายหนุ่มดูมีเสน่ห์เสียจนเธอไม่อาจจะปฏิเสธได้ว่ากำลังหวั่นไหว เมื่อใกล้เขา

“ก็ได้ค่ะ...เพลงจะนั่งทานเป็นเพื่อน”

“เป็นอย่างอื่นไม่ได้เหรอ” ชายหนุ่มพรึมพรำกับตัวเอง

“อะไรนะคะ”

“ปะ เปล่าครับเชิญครับ” ตุลย์วัฒน์ ต้องรีบตอบแก้เก้อ เขาเลือกที่นั่งมุมหนึ่งของร้านใกล้บาร์เครื่องดื่ม เก้าอี้สีน้ำตาลถูกเลื่อนออกเป็นการเชื้อเชิญอย่างสุภาพ

“ขอบคุณค่ะ” บริกรสาวเดินมาพร้อมกับเมนูส่งให้ทั้งสอง

“มีเมนูอะไรแนะนำบ้างครับคุณเพลง” ชายหนุ่มเอ่ยถาม สายตายังจับจ้องเมนูลายสวยอย่างสนใจ

“ปกติคุณตุลย์ทานอาหารรสจัดหรือเปล่าคะ”

“ทานได้ครับแต่ไม่ค่อยได้ทาน” คำตอบนี้ใช่ว่าเป็นชีวิตประจำวันของผู้มีอันจะกิน ที่สรรหาอาหารหรูราคาแพงมาบริโภค หากแต่ว่าเขามักจะทานอาหารอย่างเดียวกับหลานๆทั้งสองคนซะมากกว่า จึงไม่ค่อยได้ลิ้มรสอาหารรสจัด

“ถ้างั้นเอาเป็นปลาเนื้ออ่อนทอดกระเทียม แกงส้มดอกขจร แล้วก็ผัดผักหวาน อาหารชาวบ้านคุณจะทานได้ไหม๊”

“ฮ่าๆๆ สบายมากครับ...ผมกินง่ายอยู่แล้ว เอาตามที่คุณเพลงสั่งก็แล้วกัน” ชายหนุ่มหันมาบอกบริกรสาวของร้านอย่างอารมณ์ดี

“คุณเพลงนี่จะเป็นนักโภชนาการ หรือเชลล์ชวนชิมครับ”

“เป็นได้ทุกอย่างนั่นแหละคะ”

“งั้น...ช่วยเป็นเพื่อนทานข้าวกับผมทุกวันได้ไหม๊ครับ” เขาเอ่ยเสียงเบาลง ทำให้หญิงสาวถึงกับใจสั่น ความแดงเปล่งปลั่งของแก้มเนียนเริ่มทวีมากขึ้นจนรู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วใบหน้า

“ผมล้อเล่นครับ...แค่บางโอกาสเท่านั้นก็พอ”

“ด้วยความยินดีค่ะ”

บรรยากาศของอาหารมื้อนี้อบอวนไปด้วยเสียงหัวเราะ และความด้อยประสบการณ์ในการสานความสัมพันธ์กับหญิงสาวของตุลย์วัฒน์ อาหารถูกลำเลียงมาวางอยู่ตรงหน้าของทั้งคู่ การจัดตกแต่งที่สวยงามแบบไทยช่วยให้อาหารน่าลิ้มลองมากยิ่งขึ้น ชายหนุ่มตักอาหารใส่จานให้หญิงเบื้องหน้าอย่างสุภาพ หญิงสาวก้มศีรษะเล็กน้อยเป็นเชิงขอบคุณ ทุกสายตาจับจ้องสองหนุ่มสาว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel