บทที่ 2
“สวัสดีค่ะ คุณคงจะเป็นคุณแมทธิว พี่ชายของไมล์ ฉันเพียงตะวันค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักกันอย่างเป็นทางการนะคะ” สิ้นคำแนะนำตัวอย่างเป็นพิธีนัยน์ตาสีเทาของแมทธิวก็เบิกกว้างขึ้นราวกับโลกทั้งใบกำลังสั่นสะท้านอยู่กลางอก ใบหน้าหวานที่กำลังระบายยิ้มหวานยืนเคียงคู่อยู่ข้างๆ น้องชายของเขา รอยยิ้มที่ไม่มีวันเลือนหายไปจากใจได้เลยสักวันเดียว เป็นหล่อนไม่ผิดแน่
เพียงตะวัน!
ผู้หญิงที่เขาเคยรักเมื่อสามปีก่อน คนที่หลอกให้เขารักก่อนจะหนีจากไปอย่างไร้เหตุผล แต่มาวันนี้โชคชะตาบัดซบกลับพาให้เขาและเธอหวนกลับมาพบเจอกันอีกครั้ง และที่สำคัญไปมากกว่านั้นเธอยังกลับเข้ามาหาด้วยรอยยิ้มแสนหวานราวกับคนไร้ซึ่งจิตใต้สำนึกชั่วดีว่าครั้งก่อนที่จะจากกันเคยสร้างรอยร้าวเช่นไรทิ้งทวนเอาไว้ให้เขาบ้าง
สิ่งที่เลวร้ายไปกว่านั้นคือเธอยังเป็นคนรักของน้องชายของเขา!
“แกออกไปรอข้างนอกห้องก่อนไมล์ ฉันมีเรื่องต้องคุยกับผู้หญิงคนนี้ตามลำพัง!” คำสั่งของผู้เป็นพี่ที่ดังขัดขึ้นไม่เพียงแต่ไมล์เท่านั้นที่อดสงสัยไม่ได้แม้แต่เพียงตะวันเองก็ยังคงสงสัย อีกทั้งยังตกใจอยู่ไม่น้อยกับน้ำเสียงที่ดุดันเอาเรื่องของคนตรงหน้าเข้า
หรือบางทีเธออาจจะเผลอทำบางสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกไม่ชอบออกไปรึเปล่าหญิงสาวพยายามคิดทบทวนอยู่นานแต่ก็คิดไม่ออกอยู่ดี
“ไม่ได้ยินที่ฉันสั่งรึไง ออกไป!”
“มีอะไรรึเปล่าครับพี่ ทำไม...”
“เชื่อเถอะว่าแกคงไม่อยากฟังคำตอบจากปากฉันแน่ๆ ฉันก็แค่มีเรื่องที่สงสัยและอยากจะสอบถามบางสิ่งจาก ‘คนรัก’ ของแกตามลำพังก็เท่านั้น ออกไปรอข้างนอก!” ไมล์พยักหน้ารับคำตอบจากพี่ชายก่อนจะจำใจต้องเดินออกไปจากห้องตามคำสั่งอย่างเลี่ยงไม่ได้ทิ้งให้คนรักถูกสอบสวนอยู่ตามลำพัง กับพี่ชายของเขาสองต่อสองเท่านั้น
ทันทีที่ประตูห้องถูกปิดลงร่างกำยำก็พุ่งตัวเข้าหาก่อนจะกระชากต้นแขนเรียวสวยของผู้หญิงตรงหน้าเข้าหาตัวอย่างรุนแรง แม้ใจจริงจะรังเกียจจนแทบจะไม่อยากสัมผัสแต่ที่ทำไปนั้นก็เพื่อต้องการที่จะรู้ และต้องรู้ให้ได้ว่าหล่อนกำลังคิดจะทำอะไร!
“ทีนี้ก็เหลือแค่เราสองคนแล้ว เลิกเสแสร้งแกล้งแสดงละครทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้าที่เพิ่งเคยพบกันเสียที!” เพียงตะวันรู้สึกมึนงงอยู่ไม่น้อยกับคำถามที่พี่ชายของคนรักเพิ่งจะเอ่ยถามขึ้นเมื่อได้อยู่กันตามลำพังตามที่เขาต้องการ เขาพูดเหมือนราวกับว่าเคยรู้จักกันกับเธอมาก่อนไม่มีผิด ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วนี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้พบเขา
“คุณพูดเรื่องอะไรคะ ฉันว่าคุณกำลังเข้าใจผิดอยู่นะคะคุณแมทธิว” เธอตอบกลับไปอย่างสับสนไม่เข้าใจว่าเขากำลังพูดเรื่องอะไร
“เข้าใจผิดเหรอ! คุณกำลังจะบอกว่าผมจำคนผิดอย่างนั้นใช่ไหม แสดงได้เนียนดีนี่ เนียนจนผมเกือบจะเชื่อจริงๆ ว่าคุณไม่ใช่ผู้หญิงร้ายกาจคนนั้น แล้วเรื่องชื่อล่ะ มันคงไม่มีความบังเอิญบัดซบที่ไหนจะทำให้คนสองคนเหมือนกันได้ทั้งหน้าตาแล้วก็ชื่อแบบนี้ว่าไหม”
“จริงค่ะ ที่ชื่อของฉันคือเพียงตะวัน แต่ว่าฉันไม่รู้จักคุณจริงๆ นะคะ” หญิงสาวร้องประท้วงขึ้นอย่างเหลืออดเมื่อเห็นชัดว่าเขากำลังกล่าวโทษในสิ่งที่เธอไม่ได้ทำ
“ไม่รู้จักผมจริงๆ เหรอตะวัน! คุณจะบอกว่าคุณลืมผมคนนี้ไปแล้วจริงๆ อย่างนั้นใช่ไหม เอาอย่างนั้นก็ได้ ผมจะยอมเล่นเกมส์ความจำเสื่อมไปกับคุณอีกสักพัก แต่รู้เอาไว้เลยว่าผมจะไม่มีวันยอมให้คุณได้สมหวังกับน้องชายของผมหรือผู้ชายหน้าไหนทั้งนั้น ไม่มีวัน!” ชายหนุ่มตะเบ็งเสียงเอ่ยอย่างคาดโทษพร้อมทั้งเขย่าร่างของหญิงสาวไปมาอย่างรุนแรง จนเพียงตะวันต้องส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากคนนอกห้อง ส่งผลให้ไมล์ที่ยืนรออยู่ก่อนแล้วรีบพาตัวเองกลับเข้ามาในห้อง ก่อนจะจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยความตกใจอย่างถึงขีดสุด
“เกิดอะไรขึ้นครับ พี่กำลังทำอะไรคนรักของผม” ในใจนึกอยากจะตะโกนย้อนถามอีกฝ่ายว่าใครกันแน่ที่กำลังทำร้ายใครอยู่ แต่เมื่อคิดถึงสภาพร่างกายของน้องชาย แมทธิวถึงได้หยุดการกระทำลง
“ว่ายังไงครับมีใครพอจะบอกผมได้บ้างครับว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะไมล์ เราสองคนแค่ทำความรู้จักกันและเกิดมีความคิดเห็นไม่ตรงกันขึ้นมามันก็เท่านั้นเอง ตะวันรู้สึกปวดหัว ถ้ายังไงตะวันขอตัวกลับไปพักผ่อนที่ห้องพักก่อนนะคะ ยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้งค่ะ...คุณแมทธิว” หญิงสาวเอ่ยตอบคนรัก ก่อนจะหันมองชายหนุ่มอีกคนอยู่ชั่วครู่ก่อนจะรีบหมุนตัวเดินหนีออกไปจากห้องอย่างเร่งด่วนเมื่อบังเอิญหันไปพบกับสายตาเลือกเย็นของเขาที่กำลังจดจ่อมาที่เธออยู่เข้า
ความสงสัยมากมายเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องถึงเหตุการณ์เมื่อสักครู่ เขาคิดว่าเธอเป็นใครกัน แล้วไหนจะท่าทีของเขาอีก ทำไมมันถึงได้น่ากลัวแบบนั้น นั่นคือคำถามที่ไม่มีใครตอบได้นอกจากเขาและเธอก็ไม่มีความกล้ามากพอที่จะเอ่ยถามมันออกไปในตอนนี้ ที่เหลือก็คงจำต้องปล่อยให้มันเป็นเรื่องของเวลา ที่จะเฉลยทุกสิ่งให้ได้รู้ในสักวัน
